สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 17 เริ่มเลย มาถ่ายทอดสดกินปลาหมึกกันเถอะ (17)
ตอนที่ 17 เริ่มเลย มาถ่ายทอดสดกินปลาหมึกกันเถอะ (17)
ข้อความทั้งหมดบนหน้าจอหยุดลง ขณะนี้ยังไม่มีใครพิมพ์และแสดงความคิดเห็นอะไรเลย พวกเขากำลังเพลิดเพลินอยู่กับรสชาติของหม้อไฟ!
แต่ก็พอเดาออกไม่ใช่หรือว่าองค์หญิงสามเป็นคนยังไง? ในขณะที่ผู้ชมกำลังฟินอยู่ เธอคนนี้ก็กดปุ่มปิดการแชร์รสชาติทันที!
“บ้าเอ๊ย! ปิดทำไมเนี่ย! องค์หญิงสามรีบแชร์ต่อเดี๋ยวนี้นะ!”
“ฉันอยากกินหม้อไฟ! องค์หญิงสามคนสวย! ได้โปรดเถอะ!”
“ถ้าท่านไม่ยอมกดปุ่มแชร์อีกพวกเราจะประท้วง!”
………..
ข้อความกลับมาขึ้นเต็มหน้าจออีกครั้งพร้อมกับคำขอที่พากันหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน
สวี่หลิงอวิ๋นสะทกสะท้านหรือไม่? ถ้าเธอรู้สึกหวั่นเกรงขึ้นมาก็คงจะปิดไปแล้วไม่ใช่หรือ?
ฮึ่ม! วันนี้พวกแกโจมตีฉันไปเถอะ! พวกแกคิดว่าองค์หญิงสามผู้นี้ใจกว้างนักหรือไงกัน? ตลกละ! มันเป็นไปไม่ได้
“อร่อยมาก!” สวี่หลิงอวิ๋นบอกพวกเขาขณะซดหม้อไฟต่อ!
“โอ้ นี่เป็นเนื้อสันในของเอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์ อื้อหือ มันนุ่มละมุนจริง ๆ! รสชาติมันแตกต่างจากส่วนอื่น ความรู้สึกแรกที่กินก็คือเผ็ดแล้วก็อร่อย! อ๊ะ! นี่คือความสุขที่เกิดจากจิตวิญญาณ!”
ผู้ชมแทบจะบ้าคลั่ง!
สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองข้อความอันรุนแรงเหล่านั้นอย่างกระตือรือร้นโดยไม่รู้สึกหวั่นไหว แม้ว่าจะเป็นการสาปแช่ง การอ้อนวอนและการข่มขู่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นสวี่หลิงอวิ๋นก็ไม่สนใจทั้งนั้น
เธอแพนกล้องวิดีโอไปที่โอคาซี “ว้าว! ท่านพลเอกของเราหล่อจริง ๆ นะเนี่ย! พวกคุณรู้มั้ยว่ากลิ่นตัวของท่านพลเอกเป็นยังไง?”
อ๊ะอ๊ะอ๊ะ! คำพูดเช่นนั้นทำให้ผู้ชมชะงัก
“ห้ามเข้าใกล้ท่านพลเอกของเรานะ!”
“อย่าเข้าใกล้เขา!”
………..
“พวกคุณบอกฉันว่าอย่าเข้าใกล้ ฉันก็ต้องไม่เข้าใกล้งั้นหรือ? ฮึ่ม!”
สวี่หลิงอวิ๋นเดินไปหยุดอยู่ข้างโอคาซีแล้วมองเกราะเงินของเขา คิ้วโก่งและผมสลวยสีบรอนซ์ของเขา ดวงตาคู่งามภายใต้ขนตางอนยาวที่จ้องมองมา อื้อหือ! หล่ออะไรปานนั้นเนี่ย!
“มีอะไรเหรอครับ?” โอคาซีถามเธอ
“ไม่มีอะไร ฉันแค่อยากจะคุยกับท่าน!” สวี่หลิงอวิ๋นนั่งลงข้างเขาและได้กลิ่นหอมจาง ๆ
กลิ่นไม่เหมือนดอกไม้แต่เป็นกลิ่นหอมสดชื่น
มันหอมจริง ๆ!
สวี่หลิงอวิ๋นยกยิ้มแล้วพิมพ์ข้อความบนหน้าจอ ‘ฉันได้กลิ่นเขาแล้ว หอมมาก! ฮ่า ๆๆๆๆ!’
ผู้ชมสาว ๆ แทบจะเข่าทรุดลงกับพื้น!
พวกเขาพบว่าผู้ชมนับหมื่นล้านคนไม่สามารถเอาชนะองค์หญิงสามจอมหน้าด้านคนนี้ได้!
ทหารตักเนื้อในหม้อออกมากินจนหมดและเก็บบางส่วนเอาไว้เล็กน้อย พวกเขาวางแผนที่จะกินมันเป็นอาหารว่างยามดึกสำหรับตัวเอง
แม้แต่ซุปในหม้อก็ถูกเอามาแบ่งกัน…
ผู้ชมเฝ้ามองซุปที่ลดลงทีละน้อยอย่างกระตือรือร้น ซึ่งสุดท้ายก็ไม่เหลือเลยแม้แต่หยดเดียว พวกเขาจึงรู้สึกเศร้าใจ
“มาปลูกพริกเพิ่มที่นี่กันดีกว่า!” โอคาซีตัดสินใจเมื่อเห็นผลลัพธ์ของการโรยผงพริกลงบนปลาหมึกยักษ์ของสวี่หลิงอวิ๋น
“ใช้สารเร่งการเจริญเติบโตเพื่อทำให้พวกมันโตเร็วขึ้น พวกเราต้องการพริกจำนวนมาก”
แน่นอนว่าเหล่าทหารรีบปฏิบัติตาม
หลังจากทำความสะอาดเม็ดพริกทั้งหมดแล้ว เครื่องจักรกลก็แปรสภาพกลายเป็นเครื่องปลูกผักอีกครั้ง แล้วเริ่มทำงานอย่างขยันขันแข็ง
สวี่หลิงอวิ๋นปิดวิดีโอถ่ายทอดสด ไม่ว่าผู้ชมจะคร่ำครวญแค่ไหนเธอก็ไม่หวั่นไหว
ทหารบางคนวิ่งกลับไปเอาสารเร่งการเจริญเติบโตของพืช ในขณะที่ทหารคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณขอกำลังเสริม
พวกเขาทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ต้องปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้แน่ใจว่าสถานที่นี้จะไม่ถูกเอเลี่ยนยึดครองอีก
กองไฟถูกจุดขึ้นในตอนกลางคืน และพริกทั้งหมดก็ถูกนำมาปลูกแล้ว แค่รอเวลาให้ครบ 24 ชั่วโมง พริกเหล่านี้ก็จะแตกหน่อ เติบโตและออกดอกบานสะพรั่ง
“แล้วการผสมเกสรล่ะ?” สวี่หลิงอวิ๋นนึกขึ้นได้จึงถามขึ้น
“มีหุ่นยนต์แมลงพิเศษครับ” ในฝ่ามือของโอคาซีมีหุ่นยนต์แมลงขนาดเล็กอยู่
ทุกกองทัพจะได้รับอุปกรณ์ทางการเกษตรที่จำเป็นเหล่านี้ เผื่อในกรณีที่เกิดปัญหาก็จะสามารถใช้สิ่งเหล่านี้ช่วยเหลือตัวเองได้ขณะรอรับการช่วยเหลือ
สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกว่ามันดูเหมือนผึ้งตัวเล็ก ๆ บนโลก
“เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ดีจริง ๆ” สวี่หลิงอวิ๋นพูดด้วยความเอ็นดู
ไม่นานนักต้นกล้าพริกก็เริ่มสูงขึ้นทีละนิ้ว ๆ ด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งการเติบโตอย่างช้า ๆ ไม่สามารถเป็นไปได้บนดาวเคราะห์ดวงนี้
แม้ว่าพืชที่ใช้วิธีปลูกแบบเทียมเหล่านี้จะมีรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการแตกต่างจากพืชที่ปลูกตามกาลเวลาเล็กน้อย แต่ในช่วงเวลานี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องเล็ก
“ต้องขอบคุณการตัดสินใจอันฉับไวของท่านในวันนี้นะครับ ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ก็คงจะเป็นไปไม่ได้” โอคาซีเอ่ยขอบคุณด้วยความจริงใจ
“เฮ้ ดูพูดเข้าสิ ฉันทำไปเพื่อช่วยตัวเองหรอกน่า” สวี่หลิงอวิ๋นโบกมือไปมา การได้รับคำชมโดยเฉพาะจากผู้ชายที่หล่อเหลาขนาดนี้มันทำให้เธอเขินอายเล็กน้อย
“ครับ” ดวงตาของโอคาซีเป็นประกายด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยแสงจากกองไฟ “อีกอย่างก็คือชาร์ลไม่ได้เป็นคนหยาบคายอะไรหรอกนะครับ เขาแค่เป็นคนปากไวไปหน่อยเท่านั้นครับ”
“ฉันรู้แล้ว” สวี่หลิงอวิ๋นไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เลย เธอดึงกิ่งไม้ที่โผล่ออกมาจากดินแหย่เข้าไปในกองไฟ “มีคนเกลียดฉันเยอะแยะจนฉันชินแล้วล่ะ อีกอย่างคือถ้าฉันเก็บเรื่องนี้มาใส่ใจก็คงจะเป็นบ้าไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
องค์หญิงสามไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น แต่เธอแค่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
ทั้งสองนั่งเงียบ ๆ
บนท้องฟ้ายังคงมองเห็นแสงสีสดใสได้อย่างชัดเจน ซึ่งแตกต่างจากโลกจริง ๆ
เมื่อไวรัสซอมบี้แพร่ระบาด ญาติของเธอในชีวิตก่อนหน้านี้ก็กลายเป็นซอมบี้กันหมด แต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ต้องดิ้นรนวิ่งหนีและทรมานจากความหิวโหย
แค่คิดถึงขึ้นมานิดหน่อย…
ชาร์ลเฝ้ามองท่านพลเอกที่นั่งอยู่กับองค์หญิงสามจากระยะไกล มีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกว่ามีบรรยากาศที่กลมกลืนกันมากระหว่างทั้งสอง
“องค์หญิงสามน่าทึ่งชะมัด!” พวกทหารที่นั่งเป็นวงกลมล้อมรอบกองไฟ ทหารคนหนึ่งเผลออุทานออกมาเมื่อมองเห็นท่านพลเอกกับองค์หญิงสาม
“ก่อนหน้านี้องค์หญิงสามไม่เคยชอบอาหารของพวกเราเลย แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฝีมือของท่านดีมากจึงเป็นเรื่องปกติที่จะไม่ชอบ ถ้าตอนนี้ให้ฉันกลับไปกินอาหารฝีมือพ่อครัวของเรา ฉันก็คิดว่าคงจะกลับไปกินไม่ได้แล้วล่ะ”
“อ้าว นายดูถูกอาหารฝีมือพ่อครัวเหรอ? ถ้ากลับไปได้ฉันจะรีบไปฟ้องพ่อครัว!”
ทหารพูดหยอกล้อกันอย่างมีความสุข “พูดก็พูดเถอะ อาหารที่องค์หญิงสามทำนั้นอร่อยมาก ตอนอยู่ที่จักรวรรดิฉันยังไม่เคยได้กินอาหารอร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย แม้ว่าจะเป็นในโรงแรมชั้นหนึ่งก็ตาม!”
“แล้วนายรู้อะไรมั้ย? ระดับดาวของฉันเพิ่มขึ้นเป็นห้าดาวแล้ว!”
“ว่าไงนะ! เพิ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมมันถึงเร็วได้ขนาดนี้?”
เพื่อนทหารพากันอิจฉา…
“แน่นอนว่าเป็นเพราะฉันได้กินอาหารขององค์หญิงสามเยอะที่สุดไงล่ะ!” ทหารคนนี้คือคนที่ติดตามท่านพลเอกไปตามหาองค์หญิงสาม และเป็นคนแรกที่ได้กินอาหารฝีมือของเธออีกด้วย
“เฮ้อ…ฉันไม่รู้ว่าหลังจากที่เรากลับไปแล้ว เราจะได้กินอาหารฝีมือองค์หญิงสามอีกหรือไม่!” ทหารอีกคนหนึ่งก้มหน้าลงแล้วพูดอย่างเศร้าใจ
“นั่นสิ! ถึงตอนนั้นองค์หญิงสามจะได้กลับไปที่วังอย่างแน่นอน แล้วท่านจะมาทำอาหารให้พวกเรากินได้ยังไง? คงจะดีมากหากท่านเต็มใจถ่ายทอดฝีมือให้พ่อครัวของเรา”
“ฉันคิดว่าท่านน่าจะยอมสอนนะ ก็องค์หญิงสามชอบท่านพลเอกของเราไม่ใช่เหรอ? ถ้าให้ท่านพลเอกช่วยพูด องค์หญิงสามก็น่าจะยอมสอนให้แน่นอน!”
“เป็นความคิดที่ดี แล้วเราจะแนะนำใครให้ท่านพลเอกดีล่ะ?”
เอ่อ! ทหารมองหน้ากันและกัน ทุกคนก้มหน้าลง
“ไปหาผู้ช่วยชาร์ลกันเถอะ!”