สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 179 สงครามครั้งใหญ่บนดาวเคราะห์หทัยกล้วยไม้ 1
พวกเขาทั้งหลายอยู่กับองค์หญิงสามมาระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถเข้าใจบุคลิกของเธอได้เป็นอย่างดี
องค์หญิงผู้นี้ไม่เพียงแต่จะมีเสน่ห์ของความเป็นผู้นำระดับสูง แต่ยังเข้ากับคนได้ง่ายอีกด้วย
“หวังว่าหลังจากนี้ไปพวกเราทุกคนจะสามารถเป็นเพื่อนกันได้ เอาล่ะ มารวมตัวกันแล้วไปกินบาร์บีคิวด้วยกันเถอะ ระยะเวลาสี่ปีในวิทยาลัยค่อนข้างผ่านไปไว เมื่อเวลานั้นมาถึง พวกเราคงไม่สามารถพบเจอกันได้อีก!”
นักเรียนชั้นปีที่หนึ่ง ปีที่สอง และปีที่สามต่างพากันเงียบสนิท…
“แน่นอนว่าฉันกำลังพูดถึงนักเรียนชั้นปีที่หนึ่ง สำหรับรุ่นพี่ทั้งหลาย ฮิฮิ เอาไว้ฉันจะพาคนไปติดต่อกับพวกพี่เป็นการส่วนตัวนะคะ หวังว่าพวกเราทั้งหมดจะมีความสุขกันถ้วนหน้า”
เดี๋ยวนะ?! หัวหน้าของนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งหมายความว่าอย่างไร? เธอประกาศสงครามกับพวกเขาเหรอ?!
หัวหน้าของนักเรียนชั้นปีที่สอง ปีที่สาม และปีที่สี่รู้สึกตกใจเล็กน้อย ความแข็งแกร่งขององค์หญิงสามอยู่ในระดับ 7 ดาวแล้ว และเธอมีความคิดบ้าบอมากมาย ซึ่งนั่นทำให้หัวหน้าอาวุโสรู้สึกสับสนเล็กน้อย
นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งปรบมืออย่างสุดชีวิต หากไม่ใช่ว่าถูกห้ามไม่ให้ส่งเสียงดัง พวกเขาทั้งหลายคงจะเป่านกหวีดถึงสองครั้งเพื่อป่าวประกาศความตื้นตันใจ
“ฉันหวังว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ทุกคนจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข อยากพูดอะไรก็พูด ไม่อยากพูดอะไรก็ไม่ต้องพูด พวกเรามาต่อสู้ด้วยความยุติธรรมกันเถอะ ใช้กำปั้นนี้ด้วยเหตุผล”
ผู้คนทั่วทั้งจักรวรรดิชิงเหย้าเชื่อในความแข็งแกร่ง และทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
ต่อสู้เหรอ? ไม่มีปัญหา!
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นขอจบเพียงเท่านี้นะคะ” สวี่หลิงอวิ๋นครุ่นคิดเกี่ยวกับคำพูดของตนเอง และไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมอีก เธอเกือบจะก้าวลงไป ทว่ากลับหันหลังกลับเสียก่อน “โอ้ นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งอย่าเพิ่งไปไหนล่ะ ไว้คืนนี้ไปกินหม้อไฟที่สวนในแผนกเกษตรกรรมกันนะ”
กินหม้อไฟ!
นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งรู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น! จนฝ่ามือเริ่มร้อน! ไม่ต้องเอ่ยเลยว่ามีความสุขมากแค่ไหน!
นักเรียนชั้นปีอื่นต่างจ้องมองนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งด้วยความอิจฉาและเคียดแค้น เกลียดชะมัด! กล้าดีอย่างไรถึงหยิ่งยโสโอหังต่อหน้ารุ่นพี่ทั้งหลาย?!
ยังมีหน้ามากินหม้อไฟอีกเหรอ?!
คณบดีพูลแมนรีบลุกขึ้นยืน “นักเรียนหลิงอวิ๋น ท่านช่วยเลี้ยวมองกลุ่มอาจารย์…”
“รับไปค่ะ!” สวี่หลิงอวิ๋นโบกมืออย่างใจกว้าง!
ไม่นานมานี้เธอทำกำไรได้เป็นจำนวนมาก ราวกับได้รับเงินมาอย่างง่ายได้ แต่อาจารย์มีจำนวนร้อยกว่าคนเองไม่ใช่เหรอ? ได้รับเยอะเกินไปแล้ว!
สำหรับนักเรียนที่อยู่ในชั้นปีที่สอง ปีที่สาม และปีที่สี่ เอ่อ พวกเขามีจำนวนเยอะเกินไป ลืมมันไปเสียเถอะ!
ถึงแม้ว่าเธอจะมีเงิน แต่เธอก็ไม่ได้มีอาหารเหลือเฟือขนาดนั้น!
สวี่หลิงอวิ๋นพบข้อแก้ตัวที่เหมาะสมที่สุดให้กับความขี้เหนียวของตนเอง และค่อย ๆ เดินจากไป
นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งติดตามไปพร้อมกัน และอาจารย์ทั้งหลายก็รีบแยกย้ายไปจากฝูงชนเช่นกัน จากนั้นจึงวิ่งกลับไปหากล่องข้าวของพวกเขา
จะต้องหากล่องข้าวที่ใหญ่กว่านี้ โดยกล่องหนึ่งจะต้องสามารถบรรจุให้พอกับจำนวนสองถึงสามคนให้ได้ ถ้าเกิดว่าตัวเองกินไม่หมด จะได้เอากลับไปให้ภรรยาและลูก ๆ ที่บ้าน
ทุกคนล้วนมีจิตวิญญาณที่แรงกล้า
หลังจากรอคอยมาตลอดทั้งวัน พื้นที่เปิดโล่งของแผนกเกษตรกรรมก็อัดแน่นไปด้วยฝูงชน พวกเขาล้วนจ้องมองไปที่หม้อใบใหญ่ที่ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่โล่ง เสียง ‘ปุดปุด’ ดังขึ้นขณะถูกทำให้เดือด กลิ่นหอมของรสชาติเผ็ดจัดจ้านลอยเข้ามากระตุ้นต่อมรับรสของพวกเขา
น้ำลายกำลังไหลเวียนอยู่ในช่องปากอย่างร้อนแรง ราวกับรอการปะทุออกมาจากปากเพื่อไหลออกไปเพลิดเพลินกับอาหารที่น่าดึงดูด
ผักนานาชนิด เนื้อสัตว์ และเนื้ออสูรกายถูกวางลงต่อหน้าของทุกคนทีละจาน
หนึ่งกลุ่มจะประกอบไปด้วยนักเรียนจำนวนคนสิบคนที่นั่งรายล้อมกันอยู่บนโต๊ะ หลังจากน้ำซุปเดือดแล้ว แขนกลก็แจกจ่ายน้ำซุปให้แต่ละคน ไม่ว่าพวกเขาจะอยากกินอะไร พวกเขาก็สามารถเติมอาหารใส่ได้ด้วยตนเอง
ทุกคนไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาจากถ้วยได้ นานแค่ไหนแล้วที่พวกเขาไม่ได้กินอาหารอันแสนอร่อยเช่นนี้?!
ตั้งแต่องค์หญิงสามไปที่ดาวเคราะห์กาตาร์ พวกเขาต้องคอยทำให้ลิ้นของตนเองหยุดโหยหาด้วยการพึ่งพาอาหารกระป๋อง พร้อมกับเรียกร้องและรอคอยการกลับมาขององค์หญิงสามอยู่ทุกวัน
ในที่สุดพวกเขาก็ได้ลิ้มลองรสชาติอันแสนล้ำเลิศนี้แล้ว และจะไม่บ้าคลั่งได้อย่างไร?!
หลังจากสวี่หลิงอวิ๋นสะสมเครื่องปรุงรสมาเป็นเวลาครึ่งปี เครื่องปรุงรสทั้งหลายก็มีปริมาณมากพอแล้ว และตอนนี้ก็ถึงเวลาเปิดตัวเครื่องปรุงรสสำหรับหม้อไฟเสียที!
สวี่หลิงอวิ๋นเริ่มถ่ายทอดสด
ชาวเน็ตทั้งหลายต่างรู้ดีว่าองค์หญิงสามกลับมาแล้ว พวกเขาเพียงคิดว่าเธอจะใช้เวลาพักผ่อนสักพักหนึ่งก่อนจะเริ่มถ่ายทอดสดอีกครั้ง โดยไม่คาดคิดว่าเธอจะเริ่มถ่ายทอดสดอีกครั้งหลังจากกลับมาได้เพียงสามวัน และทำให้ดวงใจอันบริสุทธิ์ของพวกเขาบ้าคลั่งด้วยอาหารที่แสนอร่อย!
อย่างไรก็ตาม สวี่หลิงอวิ๋นเปิดระบบแบ่งปันกลิ่นให้กับพวกเขา อืม กลิ่นหอมเหลือเกิน!
องค์หญิงสาม ท่านสามารถแบ่งปันได้ตามที่ต้องการเลย! ดีจัง!
“อร่อยใช่ไหมล่ะ?” สวี่หลิงอวิ๋นยกตะเกียบของตนเองขึ้น และจิ้มเนื้อชิ้นบางลงไปในซอสเล็กน้อย ก่อนจะลิ้มลองรสชาติของมัน ว้าว รสชาติของมันช่างอร่อยเหลือเกิน!
ชาวเน็ตทั้งหลายต่างจินตนาการรสชาติของมันผ่านการแบ่งปันรสชาติ แต่พวกเขากลับไม่สามารถรับรู้ได้ว่ารสชาติที่แท้จริงของมันเป็นอย่างไร?!
“ฉันกำลังจะวางขายเครื่องปรุงรสสำเร็จรูปสำหรับหม้อไฟ พวกคุณสนใจอยากจะซื้อมันไหมคะ? แค่ซื้อเครื่องปรุงรสเหล่านี้ เติมน้ำ และเติมเกลือเข้าไปสักหน่อย” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม “แม้แต่คนที่ทำอาหารไม่เป็นก็สามารถปรุงรสชาติแบบฉันได้!”
จริงเหรอ? จริงใช่ไหม? จริงนะ!?
‘ฉันจะซื้อ! ฉันจะซื้อ!’
‘องค์หญิงสามจงเจริญ! ฮ่า ๆๆ! ในที่สุดพวกเราก็กินอาหารอร่อย ๆ อย่างหม้อไฟได้แล้ว! แงแงแง!’
‘ฉันอยากกินหม้อไฟ! หม้อไฟ! หม้อไฟ!’
‘แล้วเมื่อไหร่จะขายเครื่องปรุงรสเนื้อเสียบไม้ล่ะคะ? ฉันอยากกินเนื้อเสียบไม้ด้วย!’
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้แบ่งปันกลิ่นเนื้อเสียบไม้ให้กับพวกเขา แต่เมื่อพวกเขาพวกมองดูภาพน้ำมันเยิ้มและนักเรียนทั้งหลายที่หยุดกินไม่ได้ จึงเข้าใจได้ว่าเนื้อเสียบไม้เหล่านั้นไม่ได้มีรสชาติที่แย่อย่างแน่นอน!
“ไม่ต้องห่วง จะวางขายแน่นอน! แล้วก็จะวางขายของหวานด้วย!” สวี่หลิงอวิ๋นทิ้งระเบิดลูกใหญ่ด้วยคำพูดดังกล่าว และยกยิ้ม!
“อะไรนะ? ของหวาน? องค์หญิงสามไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?!” สำหรับของหวาน พวกเขาไม่อยากจะคิดเลย เพราะแค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขารู้สึกพึงพอใจกับรสชาติอาหารอันแสนอร่อยไปตลอดชีวิตแล้ว จะซื้อมันได้จริง ๆ ใช่ไหม?!
การปลูกต้นอ้อยของสวี่หลิงอวิ๋นประสบความสำเร็จแล้ว
อย่าลืมว่าน้ำตาลทรายขาวที่เธอเคยใช้ก่อนหน้านี้ทำมาจากอ้อย!
น่าเสียดายที่พื้นที่สำหรับปลูกต้นอ้อยยังมีขนาดเล็กไปหน่อย และไม่สามารถจัดหาในปริมาณมากได้ อย่างไรเสีย ตอนนี้เธอเห็นทางสว่างแล้ว หึหึ ตราบใดที่เธอปกป้องมันราวกับเหมืองทองคำ เอเลี่ยนทั้งหลายก็ไม่สามารถค้นพบมันได้!
วะฮ่าฮ่าฮ่า!
สวี่หลิงอวิ๋นกระโดนโลดเต้นอย่างมีความสุข!
เธอมีความสุขมาก ชาวเน็ตต่างก็ดีใจเช่นกัน
ทุกคนล้วนมีความสุขกันถ้วนหน้า
แต่หลังจากนั้นความสุขของเธอก็จางหายไป เพราะ…เอเลี่ยนจำนวนมหาศาลบุกรุกมายังไร่อ้อยของเธอ!
กล่าวได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เอเลี่ยนเหล่านี้ได้ลิ้มลองรสชาติหวานอร่อยของต้นอ้อย จากนั้นมันก็เริ่มเรียกหาพรรคพวก จนทำให้เอเลี่ยนบุกรุกเข้ามาเป็นจำนวนมาก!
เธอรู้สึกโกรธจัด!
หัวหน้ากำลังรู้สึกร้อนรนหลังจากกลับมายังไม่ถึงสองวัน เธอรีบถอดชุดเครื่องแบบหัวหน้าสีขาวประจำสถาบันออกและตรงดิ่งไปยังจักรวรรดิเพื่อร้องขอกองกำลังจากผู้เป็นพ่อ เพราะเธอต้องการไปกอบกู้ไร่อ้อยที่ดาวเคราะห์หทัยกล้วยไม้ด้วยตัวเธอเอง
ขณะเดียวกันเอเลี่ยนเหล่านี้รู้ว่าสิ่งของบางอย่างไม่สามารถแตะต้องได้!
จักรพรรดิรู้สึกตกตะลึง ก็แค่ไร่อ้อยส่วนหนึ่งไม่ใช่เหรอ? เหตุใดจึงจำเป็นจะต้องออกไปสู้สุดตัวกับเอเลี่ยนด้วย?
“ไร่อ้อยมีไว้ทำไมน่ะเหรอเพคะ? นั่นเป็นวัตถุติดที่ลูกเอามาทำเป็นน้ำตาล!” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวอธิบายอย่างตรงไปตรงมา ก่อนจะหยิบกระปุกน้ำตาลทรายขาวออกมา “เสด็จพ่อดูสิเพคะ มันคือของสิ่งเดียวกัน!”
พ่อผู้แก่ชราลิ้มลองรสชาติแล้วรู้สึกโกรธจัด กล้าดีอย่างไร้ถึงมาบุกรุกไร่อ้อยเช่นนี้? เอเลี่ยนพวกนั้นสมควรตายไปเสีย!