สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 182 สงครามครั้งใหญ่บนดาวเคราะห์หทัยกล้วยไม้ 4
เอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์วิ่งเต้นอย่างรวดเร็วไปพร้อมกับหนวดทั้งแปดเส้นของมัน
ไม่วิ่งเร็วก็ไม่ได้เพราะพวกมันทั้งหลายกำลังทุกข์ทรมานกับการถูกโจมตีอย่างรุนแรง จนจำนวนลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว
หากพวกมันวิ่งช้ากว่านี้ บางทีเจ้าคนสารเลวพวกนี้อาจจะตัดพวกมันออกเป็นแปดส่วน และกลืนกินพวกมันทั้งหมด
เมื่อก่อนผู้คนต้องวิ่งหนีเมื่อเจอพวกมัน แต่ตอนนี้พวกมันกลับต้องวิ่งหนีเมื่อเจอผู้คน
เกลียดเหลือเกินที่เนื้อของตัวมันอร่อยจนเกินห้ามใจไหว!
เฉกเช่นเดียวกับเอเลี่ยนต๋าหลู่ เผ่าพันธุ์ของพวกมันเริ่มมีจำนวนลดน้อยลงเช่นกัน กลับกลายเป็นว่าถ้าพวกมันเพียงนิ่งเฉยและไม่ทำลายพื้นที่บนดาวเคราะห์ ผู้คนก็คงไม่สนใจมันมากนัก แต่ตอนนี้ไม่ว่าพวกมันจะอยู่ที่ไหน ผู้คนก็มักจะโผล่มาพร้อมกับไม้จิ้มฟัน!
สุดท้ายแล้วเอเลี่ยนมีสิทธิ์อะไรบ้างหรือไม่?!
ขณะที่พวกเขากำลังวิ่งไล่จับ และจ้องมองเอเลี่ยนตั๊กแตนกระโดดไปมาอยู่บริเวณโดยรอบอย่างอิสรเสรี โดยไม่ได้ตระหนักถึงความอันตราย อนิจจัง แต่หวังว่าพวกแกจะสามารถต้านทานช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตของพวกแกได้! และหวังว่าเผ่าพันธุ์ของพวกแกจะยังคงสืบต่อไป
เอเลี่ยนตั๊กแตนมีความสุขมาก กระโดดไปมาอย่างว่องไว และพักผ่อนหย่อนใจด้วยการกินธัญพืชทุกชนิดที่พวกมันพบเจอ ทันทีที่ผู้คนขับเคลื่อนเครื่องจักรกลเข้ามา พวกมันก็กระโดดหนี
ราวกับยึดตามนโยบาย ‘เมื่อศัตรูมา เราจะหนี เมื่อศัตรูไป เราจะอยู่’
สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองเวลา “พวกเราเร็วเข้า ใครมีน้ำหอมอีกบ้าง?”
น้ำหอมเหรอ? คงจะมีแต่นักเรียนหญิงเท่านั้นแหละ
อย่างไรก็ตาม แม้แต่เพื่อนผู้หญิงก็ไม่ได้เอาน้ำหอมติดตัวเข้ามาในสถาบันการศึกษาทางการทหารมากนัก เพราะในกองทัพไม่มีการแบ่งแยกเพศ มีเพียงการแบ่งแยกยศทหารเท่านั้น
นักเรียนจากแผนกเกษตรกรรมมองหน้ากันและกัน แองเจล่ารู้สึกลังเล ก่อนจะลุกขึ้นยืนและหยิบน้ำหอมรุ่นพิเศษออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก
“องค์หญิงเพคะ หม่อมฉันต้องแย่งชิงมานานกว่าจะหาซื้อมันได้นะเพคะ!” แองเจล่ายังคงรู้สึกไม่เต็มใจ
“หืม? ไม่ต้องกังวล ไว้กลับไปแล้ว ฉันจะซื้อให้เธอสักโหลหนึ่งเลย” สวี่หลิงอวิ๋นดมกลิ่นของมัน กลิ่นของมันค่อนข้างหอมราวกับกลิ่นของดอกไม้
คำมั่นสัญญาของสวี่หลิงอวิ๋น ทำให้แองเจล่ารู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
“เอาล่ะ เด็ก ๆ ตอนนี้พวกนายทำตามวิธีการของฉัน และเปลี่ยนพลังดวงดาวของพวกนายให้เป็นตาข่ายขนาดใหญ่ซะ!”
เหล่านักเรียนต้องพยายามอย่างหนัก เมื่อเปรียบเทียบกับความคล่องแคล่วขององค์หญิงสาม พวกเขากำลังคร่ำเคร่งอย่างมาก แม้แต่คนที่มีความสามารถยังต้องใช้เวลาตั้งสิบนาทีถึงจะแปรสภาพพลังสำเร็จ
ความสามารถของทุกคนเกือบจะสำเร็จแล้ว หลังจากเวลาผ่านไปเพียงครึ่งชั่วโมง ทุกอย่างก็เสร็จสิ้น
“ไป! ไป! จำไว้ว่าพวกเราจะต้องจับตั๊กแตนให้มีสภาพสมบูรณ์ที่สุด!”
สวี่หลิงอวิ๋นยกแขนขึ้นและตะโกนว่า “ลุยกันเลย!”
กองทัพที่ยิ่งใหญ่ถูกจัดเตรียมเสร็จเรียบร้อย
เอเลี่ยนตั๊กแตนวิ่งอย่างรวดเร็ว ทว่าสวี่หลิงอวิ๋นไม่ได้รู้สึกกังวลเลยสักนิด
“ทุกคนดูวิธีการของฉันให้ดี!” ทันทีที่สวี่หลิงอวิ๋นเคลื่อนไหว ตาข่ายยาวกว่าสิบเมตรที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเธอก็บินโฉบออกไปห่อหุ้มเอเลี่ยนตั๊กแตนสิบกว่าตัว
“เห็นหรือยัง?” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเธอก็ขับเคลื่อนเครื่องจักรกลเข้าไปใกล้ตั๊กแตน เปิดใช้งานกระแสไฟฟ้า จนทำให้เหล่าตั๊กแตนช็อก
“ตอนนี้พวกนายใช้วิธีการนี้และเริ่มต่อสู้ได้” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าว “ขั้นแรกพวกนายต้องฝึกความเร็วให้เข้ากันกับพลังดวงดาวซะก่อน”
นักเรียนทั้งหลายพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะเผยรอยยิ้มขณะจ้องมองเอเลี่ยนตั๊กแตนที่ปรากฏตัวอย่างเย่อหยิ่งที่อยู่ตรงหน้า
เอาล่ะ เจ้าพวกเด็กน้อย! พวกเรามาสู้ไปด้วยกัน!
สวี่หลิงอวิ๋นยิ้ม เธอรู้สึกไม่เป็นกังวลมากนักเมื่อมองดูคณะอาจารย์ที่อยู่กับเหล่านักเรียน
เธอจ้องมองเอเลี่ยนตั๊กแตนที่ถูกไฟฟ้าช็อตจนไม่ตอบสนอง “ไหน ให้ฉันชิมดูหน่อยสิว่าเนื้อของแกจะอร่อยสักแค่ไหนกัน”
หลังจากนั้น ตาข่ายขนาดใหญ่ก็จางหายไป ขณะที่เธอถือเคียวขนาดใหญ่ไว้ในมือทั้งสองข้าง “รู้ไหมว่าสิ่งนี้เรียกว่าอะไร?”
ชาวเน็ตทั้งหลายกลืนน้ำลาย ภาพตรงหน้ามันช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก จนพวกเขาแทบจะทนดูต่อไม่ไหว
ผมสีทองขององค์หญิงสามพลิ้วไหวตามสายลม รอยยิ้มอันน่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของเธอ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย เพียงแค่ตวัดเคียวขนาดใหญ่ในมือทั้งสอง หัวของฝูงตั๊กแตนนับสิบตัวก็ร่วงหล่นลงมาในอีกด้านหนึ่ง
“นี่คือเคียวของมัจจุราช”
เลือดสีเขียวไหลรินตามเคียวลงมาบนพื้น เอเลี่ยนตั๊กแตนหลายสิบตัวนอนเกลื่อนอยู่บนพื้นพร้อมกับหัวของพวกมันที่หล่นอยู่บริเวณใกล้เคียง ขณะที่ดวงตายังคงปิดอยู่ ราวกับว่าพวกมันแค่ผล็อยหลับไป
ชาวเน็ตทั้งหลายไม่กล้าแสดงความโกรธออกมา ทั้งหมดล้วนหัวใจเต้นแรงและตกตะลึงกับความกล้าหาญขององค์หญิงสาม ขณะที่ดวงตาของพวกเขาเป็นประกาย
“ไหนดูซิ ร่างตั๊กแตนพวกนี้จะกินได้บ้างหรือเปล่านะ!”
เธอดูเท่เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น หลังจากนั้นเคียวขององค์หญิงสามก็จางหายไป และถูกแทนที่ด้วยมีดขนาดเล็ก หลังจากดูดปากจนเสียงดัง ‘จ๊วบจ๊าบ’ เธอก็วิ่งเข้าไปหาตั๊กแตนที่มีความสูงถึงหนึ่งเมตร ก่อนจะหัวเราะ ‘ฮิฮิ’ ออกมา “เอาล่ะ ที่รัก!”
การแสดงออกที่แตกต่างกันทำให้ชาวเน็ตทั้งหลายชะงักและตกตะลึงไปชั่วขณะ
ตามที่คิดไว้ไม่มีผิด องค์หญิงสามสามารถนึกถึงอาหารได้ทุกที่
[ไม่รู้ว่าส่วนไหนของตั๊กแตนจะกินได้บ้าง ว่าแต่องค์หญิงสามจะกินพวกมันกับอะไรล่ะ?]
เป็นเรื่องดีที่องค์หญิงสามค้นหาวิธีการในการปรุงแต่งรสชาติ เพราะนั่นหมายความว่าพวกเขาจะได้รับสูตรอาหารรูปแบบใหม่และวิธีการกินแบบใหม่!
[องค์หญิงสามเพคะ ได้โปรดท่านรีบแก้ปัญหาเอเลี่ยนตั๊กแตนเสียที และกลับไปเริ่มโรงงานผลิตเครื่องปรุงรสหม้อไฟ! หม่อมฉันเฝ้ารอคอยมันมาตลอดทั้งวันทั้งคืน ถึงกับซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์รุ่นใหม่มาก็แล้ว ทำไมท่านยังไม่ขายมันสักทีล่ะเพคะ!?]
[เชี่ยยย!! คอมเมนต์บนจะรวยไปไหน คุณซื้อคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์รุ่นล่าสุดจริง ๆ น่ะเหรอ? ฉันเพิ่งเห็นใบเสนอราคา มันราคาหลายแสนเหรียญดวงดาวเชียวนะ!]
[ควรให้ความสำคัญกับตั๊กแตนพวกนี้มากกว่าไม่ใช่หรือไง?]
—
สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองเอเลี่ยนตั๊กแตน
ความจริงแล้ว เอเลี่ยนตั๊กแตนเหล่านี้คล้ายคลึงกับตั๊กแตนในชาติก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งขาของพวกมัน หึหึ อีกทั้งยังกระโดดได้สูงมาก โครงสร้างทางสรีรวิทยาเกือบจะเหมือนกับของตั๊กแตน
มองแวบแรกก็รู้ว่าร่างกายของพวกมันไม่มีเนื้ออยู่ เพราะฉะนั้นจุดสำคัญน่าจะอยู่ที่ต้นขาทั้งสองข้าง
สวี่หลิงอวิ๋นแกะปล้องแข็งที่ห่อหุ้มออก จนสามารถเห็นเนื้อสีขาวขนาดเล็กที่อยู่ภายใน บริเวณตรงกลางจะเป็นท่อกลวง ซึ่งของเหลวบางส่วนจะถูกกักเก็บไว้ในนั้น
นี่คือเคล็ดลับที่พวกมันสามารถกระโดดไปมาได้อย่างรวดเร็ว
สวี่หลิงอวิ๋นเทของเหลวที่อยู่ด้านในลงในพื้นที่โล่ง เดิมทีพื้นที่โล่งแห่งนี้เคยเป็นไร่อ้อยมาก่อน โชคร้ายที่ถูกเอเลี่ยนสารเลวพวกนี้กลืนกินไปจนหมด
ตั๊กแตนพวกนี้สามารถเก็บเนื้อได้เกือบสิบกรัม เหมือนกับเนื้อไก่หรือเปล่า?
ถ้าอย่างนั้นทำตามขั้นตอนของเนื้อไก่ก็แล้วกัน!
กระดูกของตั๊กแตนค่อนข้างเบา และมีกลิ่นหอมเล็กน้อย
สวี่หลิงอวิ๋นครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน สิ่งนี้สามารถเอามาทำเป็นต้มซุปกระดูกได้
ต้มกระดูกตั๊กแตนลงไปในน้ำซุปเดือด ไม่อยากจะบอกเลยว่าน้ำซุปนี้มีกลิ่นหอมเย้ายวนมากแค่ไหน ต่อให้ยืนอยู่ในระยะไกลก็จะได้กลิ่นสดชื่นและรสชาติหอมหวานนี้ชัดเจน มันค่อนข้างดีกว่ากระดูกหมูด้วยซ้ำ!
ชาวเน็ตทั้งหลายเริ่มตะกุยหน้าจออย่างบ้าคลั่ง ขณะร้องขอให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเปิดปุ่มแบ่งปันกลิ่นและรสชาติ
ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถกินมันได้ แต่แค่ได้กลิ่น ก็สามารถรับรู้ได้ว่ารสชาติของมันเป็นอย่างไร!
สวี่หลิงอวิ๋นจ้องไปที่ต้นขาของตั๊กแตน ยิ่งมองดูเนื้อส่วนขาของตั๊กแตนมากเท่าไหร่ ก็เหมือนกับมองดูเนื้อไก่มากเท่านั้น หึหึ ถ้าอย่างนั้นมาทำตั๊กแตนผัดเผ็ดกันเถอะ!
แค่ลงมือทำมัน!
หั่นเนื้อส่วนน่องของตั๊กแตนเป็นลูกเต๋าและโยนมันลงไปผัดในกระทะ หลังจากได้ยินเสียง ‘ซ่า’ แล้ว น้ำมันในกระทะก็ผุดขึ้นเป็นฟอง ขณะที่กลิ่นหอมสดชื่นเบิกบานใจระเบิดออกมา กลิ่นหอมลอยละล่องผ่านหน้าจอถ่ายทอดสดไปยังรูจมูกของชาวเน็ตทั้งหลาย จนทำให้ทุกคนถึงกับน้ำลายไหลเยิ้ม
มองดูน้ำมันบนกระทะอย่างใจจดใจจ่อ อยากจะหยิบขึ้นมาชิมดูสักชิ้น!