สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 193 ศึกใหญ่ในสถาบัน 1
ตอนที่ 193 ศึกใหญ่ในสถาบัน 1
เครื่องจักรกลขององครักษ์ต่างได้รับการพัฒนาก่อนใคร สวี่เทียนอวี๋ฮัมเพลงและหวังว่าทุกคนในจักรวาลจะรับรู้ถึงข่าวดังกล่าว แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครรู้
หากประชากรจากต่างจักรวรรดิรู้เกี่ยวกับอาวุธลับ และเข้ามาโจมตีดาวเคราะห์ปลาหมึกยักษ์ของพวกเขาล่ะ?!
เก็บเงียบไว้! ต้องเก็บเป็นความลับ!
เครื่องปรุงรสหม้อไฟของสวี่หลิงอวิ๋นเริ่มวางจำหน่ายทางอินเทอร์เน็ตแล้ว
ร้านค้าออนไลน์เพิ่งรับลงทะเบียนและจัดจำหน่ายสินค้า ทว่าประชากรทั้งทั่วจักรวรรดิกลับเดือดพล่านยิ่งนัก! หลังจากจัดวางของภายในเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที เครื่องปรุงรสหม้อไฟหลายสิบล้านซองก็ขายหมดเกลี้ยง
ชาวเน็ตจำนวนนับไม่ถ้วนเคาะแป้นพิมพ์อย่างโกรธเคือง และสาปแช่งพวกสารเลวที่รวดเร็วกว่าพวกเขา
[ไอ้คนเลว!]
[ไอ้คนเลว!]
[ไอ้คนเลว!]
—
เยี่ยมมาก ทุกกระทู้เต็มไปด้วยความโกรธเคืองของชาวเน็ตทั้งหลาย!
บางคนถึงกับไปนั่งเฝ้าหน้าจักรวรรดิ กล่าวว่าพวกเขาจะไม่จากไปไหนหากไม่มีเครื่องปรุงรสหม้อไฟ!
นี่มันเรื่องอะไรกัน!
สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกขบขันกับอันธพาลพวกนี้ แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากแสดงตัวตน “พวกคุณลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ถ้ายังขวางหน้าประตูไว้แบบนี้อีก อย่าหาว่าฉันใจร้ายที่ใส่รายชื่อของพวกคุณขึ้นบัญชีดำก็แล้วกัน และพวกคุณก็จะไม่สามารถซื้อสินค้าได้อีก!”
“แต่ต่อให้พวกเราไม่ถูกขึ้นบัญชีดำ พวกเราก็ไม่สามารถซื้อมันได้!”
บุคคลที่กล้ามานั่งเฝ้าประตูทางเข้าจะต้องเป็นนักกินอย่างแน่นอน พวกเขาจ้องมองเธอตาปริบ ๆ โดยหวังว่าเธอจะตอบรับพวกเขา
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ถึงตอนนี้พวกคุณจะหาซื้อมันไม่ได้ แต่ต่อไปจะหาซื้อได้แน่นอน” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าว “เครื่องปรุงรสของเราเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว ในอนาคตเครื่องปรุงรสหม้อไฟจะมีเยอะเหมือนกับแป้งทำอาหารเลยล่ะ ถึงตอนนั้นก็กินกันให้พอนะคะ”
สวี่หลิงอวิ๋นพูดถูก ถึงแม้ว่าเดือนที่แล้ว ผู้คนจะหาซื้อเครื่องปรุงรสไม่ได้ นั่นเป็นเพราะผู้บริโภคยังต้องการสินค้าอยู่เป็นจำนวนมาก แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ทุกครัวเรือนจะสามารถหาซื้อเครื่องปรุงรสหม้อไฟได้
ใบหน้าของนิโคล รัฐมนตรีการคลังแดงระเรื่อ ขณะนับเงินภาษีของตนเองทุก ๆ วัน เงินภาษีส่วนหนึ่งมาจากการเครื่องปรุงรสหม้อไฟขององค์หญิงสาม นอกจากนี้ยังมีผักนานาชนิด เนื้อสัตว์ และเนื้อเอเลี่ยนต่าง ๆ ล้วนถูกนักกินกวาดซื้อไปจนเกลี้ยง
แค่การบริโภคอาหารเพียงอย่างเดียวก็ทำให้ภาษีของทั้งจักรวรรดิเพิ่มขึ้นถึงสิบเปอร์เซ็นต์!
รัฐมนตรีกระทรวงการเทคโนโลยีจ้องมองท่าทีของนิโคลอย่างระมัดระวัง เยี่ยมมาก ดูเหมือนว่าเขาจะมีความสุขมาก!
“เอ่อ ท่านรัฐมนตรีนิโคล กระทรวงการเทคโนโลยีของเราก็ต้องการงบว่าจ้าง…” ซ่งจิ้งวางเอกสารที่จักรวรรดิอนุมัติก่อนหน้านี้ไว้ตรงหน้าของเขา
แม้ว่ารัฐมนตรีว่าการการกระทรวงเทคโนโลยีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่นิโคล ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบด้านการเงินกลับเป็นคนตระหนี่มาก ใครก็ตามที่อยากจะเอาเงินออกจากการคลังย่อมเป็นศัตรูของเขา!
หากถูกขู่เข็ญ เขาก็กล้าที่จะโต้เถียงกับจักรพรรดิเป็นเวลาสามถึงห้าวัน!
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้บัญชาการทหารหรือกระทรวงการเทคโนโลยีอย่างพวกเขา หรือแม้แต่กระทรวงกิจการพลเรือนเองยังต้องอ่อนน้อมถ่อมตัวต่อหน้านิโคลเป็นเวลาสามวินาที
“เท่าไหร่ล่ะครับ?” นิโคลเปิดดูเอกสาร โชคดีที่งบประมาณไม่เยอะมากนัก!
ภาษีในเดือนนี้เรียกเก็บมาได้ในจำนวนที่พอเหมาะ!
เขาประทับตราลงบนเอกสารเบิกงบประมาณทันทีและพูดติดตลกกับซ่งจิ้ง “ท่านรัฐมนตรีซ่ง ได้ยินว่าแผนกเทคโนโลยีของท่านค้นคว้าสิ่งใหม่เจอแล้วงั้นเหรอครับ? ยินดีด้วยนะครับ ยินดีด้วยจริง ๆ!”
“ขอบคุณครับ!” ซ่งจิ้งถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่ไม่ต้องโต้เถียงและวิ่งหนีไปพร้อมกับเอกสารเบิกงบประมาณ เพราะหวาดกลัวว่าชายคนนี้จะปฏิเสธกลางทาง
นิโคลอารมณ์ดี สวี่หลิงอวิ๋นก็อารมณ์ดีเช่นกัน
ในชาติที่แล้ว เธอทั้งยากจนและล้าหลัง แต่ในชาตินี้ ต่อให้เธอไม่ต้องพึ่งพาสถานะทางราชวงศ์ เธอก็จะมีกินไปตลอดชีวิต!
เครื่องปรุงรสหม้อไฟเพิ่งเปิดตัว และยอดขายก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์
รายได้ของเนื้ออบแห้งและเปลือกของต๋าหลู่ก็พุ่งสูงเช่นกัน ส่วนอาหารกระป๋องยังคงขายได้กำไรมากที่สุด
นอกจากนี้ยังมีงานหัตถกรรมทุกประเภทที่ทำให้ทุกคนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น
ตอนนี้เครื่องปรุงรสมากมายถูกวางขายในตลาดแล้ว และยังสร้างกำไรจำนวนมหาศาล
ตอนนี้เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเธอกลายเป็นหญิงสาวที่ร่ำรวยที่สุดในจักรวาลแล้ว!
นอกจากเธอจะร่ำรวยแล้ว เธอยังตั้งใจไปเรียนรู้ที่สถาบัน รวมถึง ‘กลั่นแกล้ง’ รุ่นพี่ชายหญิงในระดับชั้นที่สูงกว่าเล็กน้อย
ตั้งแต่นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งเอาชนะนักเรียนชั้นปีที่สี่ได้ ผู้คนทั่วทั้งวิทยาเขตก็กลายเป็นคนประเภท “รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ฉันอยู่ปีไหน? ฉันจะทำยังไงกับพวกเด็กปีหนึ่งที่ไม่เชื่อฟังดี?!”
สถาบันไม่มีสถานภาพ มีเพียงความแตกต่างทางระดับชั้นเท่านั้น
นักเรียนชั้นปีที่สี่ยังคงคลางแคลงใจเกี่ยวกับชีวิต จึงไม่กล้ามาสร้างปัญหาให้กับนักเรียนชั้นปีที่หนึ่ง แต่นักเรียนชั้นปีที่สองและปีที่สามแตกต่างออกไป!
ไม่ว่าจะเป็นการหาเรื่องในโรงอาหาร พวกเขาสั่งให้นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งไปต่อแถวด้านหลัง และเมื่อถึงคิวของนักเรียนชั้นปีที่หนึ่ง อาหารทั้งหมดก็เย็นชืดเสียแล้ว
รวมถึงการหาเรื่องในสนามฝึกซ้อม ทันทีที่ถึงคิวของนักเรียนชั้นปีที่หนึ่ง พวกเขาก็เอาแต่คลุกตัวอยู่ในห้องฝึกซ้อมและปล่อยให้นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งต้องรอ
แม้แต่ในสนาม ยังถูกกลั่นแกล้งทุกรูปแบบ…
ตอนแรกสวี่หลิงอวิ๋นไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอเพียงหลับใหลอยู่ในแผนกเกษตรกรรมทุกวัน และไม่รู้ว่าคนของเธอถูกข่มเหง
ทว่าวันหนึ่ง เธอบังเอิญมองดูตราเข็มกลัดประจำตัวหัวหน้า และตรวจสอบว่าคนของเธอกำลังทำอะไรอยู่ ปรากฏว่าพวกเขายืนอยู่ในสนามทั้งที่เป็นช่วงเวลาฝึกซ้อมในสนามฝึกซ้อม
เธอจึงมองลอดออกไปด้วยความอย่างรู้อยากเห็นและพบเข้ากับคนของเธอที่ถูกชั้นปีที่สองกลั่นแกล้งให้อยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ โดยให้พวกเขาวิ่งไปเก็บลูกเทนนิสที่ถูกขว้างออกไป
สวี่หลิงอวิ๋นโกรธเคืองเป็นอย่างมาก!
เธอเดินตรงไปหานักเรียนชั้นปีที่สองและเตะพวกเขาถลาลงไปกองกับพื้น จนไม่สามารถลุกขึ้นมาได้เป็นเวลานาน
เมื่อนักเรียนชั้นปีที่สองเห็นสวี่หลิงอวิ๋น หัวหน้าของชั้นปีที่หนึ่ง พวกเขาก็พยายามควบคุมการกระทำที่ก่อขึ้นโดยพลการ
“เป็นหัวหน้าของชั้นปีที่หนึ่งนี่เอง ขอโทษด้วยจริง ๆ นะ” นักเรียนชั้นปีที่สองค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าที่ไม่ใส่ใจนัก
ท่าทางที่ไม่แยแสทำให้นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งที่อยู่ทางด้านหลังสวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกขุ่นเคือง!
ไม่เป็นไรถ้าคนพวกนั้นดูถูกพวกเขา แต่ถ้าคนพวกนั้นกล้าดูถูกหัวหน้าของพวกเขาเมื่อไหร่ นั่นคือการประกาศตัวเป็นศัตรูกับนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งทั้งหมด!
สวี่หลิงอวิ๋นหัวเราะเล็กน้อย คนพวกนี้จัดการได้ง่ายนัก! เธอห้ามปรามเพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ด้านหลัง “เอาล่ะ อยู่ข้างหลังนั่นแหละ ไม่ต้องลงมืออะไร”
นักเรียนชั้นปีที่สองประมาณสิบกว่ากำลังเอ้อระเหยลอยชาย ขณะที่นักเรียนชั้นปีที่สองอีกกลุ่มเดินเข้ามา รวมถึงโทนี่ ฮีทเธอร์ มือขวาของหัวหน้าชั้นปีที่สอง
“องค์หญิงสาม ท่านทำเกินกว่าเหตุหรือเปล่าครับ?” โทนี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถึงท่านจะมีอคติกับคนของเรา แต่พวกเขาก็เป็นรุ่นพี่ของท่านนะครับ ถึงกับต้องลงไม้ลงมือกันเลยเหรอ? ท่านยังรู้จักการวางตัวอยู่ไหม?!”
สวี่หลิงอวิ๋นเกือบจะหัวเราะจนท้องแข็งเมื่อได้ยินดังนั้น “โอ้ นายมันก็งั้น ๆ เหมือนกันป่ะ? ยังมีหน้ามาบอกให้ฉันวางตัวอยู่อีกเหรอ?”
เธอย่างก้าวไปด้านข้างโทนี่อย่างเชื่องช้า “ฉันก็เป็นแบบนี้แหละ แล้วนายจะทำอะไรฉันได้?!”
โทนี่กำหมัดและกล่าวเย้ยหยัน “ท่านอย่าลืมว่าถึงแม้ท่านจะเป็นหัวหน้า แต่ท่านก็ต้องรู้จักเคารพรุ่นพี่เหมือนกัน!”
“เคารพ?! นี่นายล้อฉันเล่นหรือไง?” สวี่หลิงอวิ๋นส่ายหัว “ความเคารพมีไว้ให้สำหรับคนที่ควรเคารพ และสำหรับคนกากอย่างพวกนาย ฉันยังจะต้องให้ความเคารพอยู่เหรอ? มันจะไม่ดูหมิ่นฉันไปหน่อยหรือไง?!”