สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 205 มาสร้างโรงเรียนกันเถอะ! 1
ตอนที่ 205 มาสร้างโรงเรียนกันเถอะ! 1
“ในตอนนั้น เครื่องจักรกลไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ และยานอวกาศก็ถูกบังคับให้ปิดเครื่อง เนื่องจากสูญเสียการนำทางจากพลังจิตของมวลมนุษย์”
“มวลมนุษย์ทั้งหลายแคระแกร็นยิ่งนัก พวกเขาจะต่อสู้กับเอเลี่ยนขนาดมหึมาได้อย่างไร? มีเพียงอย่างเดียวที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดในตอนนั้นคือมหาอำนาจระดับ 10 ดาวทั้งสอง เพื่อลดอัตราการบาดเจ็บและล้มตาย…”
จักรพรรดิถอนหายใจ…
ต่อให้เขาไม่เล่าต่อ ชาวเน็ตทั้งหลายก็เข้าใจเป็นอย่างดี
หากตอนนั้นมวลมนุษย์ไม่เอาแต่พึ่งพาพลังดวงดาวและพลังจิต บางทีทุกอย่างอาจจะแตกต่างออกไป
“อันที่จริง พวกเราซ่อนซูเปอร์ฮีโร่ไว้” จักรพรรดิไม่สามารถหยุดพูดได้
“ซูเปอร์ฮีโร่”
อะไรนะ? ซูเปอร์ฮีโร่อะไร?! นอกจากมหาอำนาจสิบดาวทั้งสองคนแล้ว ยังมีผู้เชี่ยวชาญระดับ 10 ดาวอีกเหรอ!
“ไม่ ไม่! ไม่ใช่อย่างที่พวกท่านคิด!” จักรพรรดิส่ายหัวขณะจ้องมองคอมเมนต์ของชาวเน็ตทั้งหลายบนจอ
“เขาเป็นเพียงคนธรรมดา แต่พ่อของเขาเป็นนักวิจัยในสถาบันวิจัยของเรา ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขากำลังวิจัยเครื่องจักรกลในห้องปฏิบัติการวิจัยของพ่อเขา และคิดค้นเครื่องจักรกลลำแรกที่ไม่ต้องใช้พลังดวงดาวและพลังจิตในการขับเคลื่อน”
“ตอนที่พ่อของเขาถูกเกณฑ์ออกไปสนามรบ เขาก็ขับเคลื่อนเครื่องจักรกลไปกับพ่อของเขา” จักรพรรดิหวนนึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว “เด็กคนนั้นอายุน้อยกว่าเราตั้งสิบปี แต่กลับกล้าหาญและไม่เกรงกลัวสนามรบสักนิด”
“พอแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะเล่าต่อเอง!” คณบดีพูลแมนถอนหายใจเล็กน้อย “ตามจริงแล้วบุคคลนั้นมีพี่ชายครับ และพวกคุณทุกคนรู้จักเขาเป็นอย่างดี เขาคือคณบดีของแผนกเกษตรกรรม”
“แต่ว่าวันนี้พวกเราจะไม่พูดถึงเขา พวกเรามาพูดถึงฮีโร่คนนี้ที่ไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนกันเถอะครับ!”
คณบดีพูลแมนกล่าว “เนื่องจากเอเลี่ยนเผ่าพันธุ์ราชายับยั้งพลังดวงดาวและพลังจิต จนทำให้ทหารหลายนายเกือบจะเสียชีวิตคามือของเอเลี่ยนพวกนั้น ทหารชั้นยอดคนนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นและช่วยชีวิตผู้คนได้ทันเวลา”
“เพื่อไม่ให้มหาอำนาจสิบดาวทั้งสองคนต้องออกไปต่อสู้กับเอเลี่ยนพันธุ์ราชาด้วยความวิตกกังวลและคอยช่วยเหลือทหารทั้งหลาย ทหารคนนั้นจึงหลอกล่อเอเลี่ยนจำนวนกว่าครึ่งมาทางเขา และจุดชนวนระเบิดลูกใหญ่ในเครื่องจักรกลเพื่อแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน”
“พวกคุณรู้ไหมครับ ถ้าไม่ใช่เพราะคนธรรมดาคนนั้น บางทีมวลมนุษยชาติอาจจะต้องเผชิญกับวิกฤตครั้งยิ่งใหญ่และสูญเสียกองกำลังทหารไปถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์”
อย่างไรก็ตาม รายงานได้กล่าวไว้ว่ามีการสูญเสียถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์
“ชื่อของทหารคนนั้นคือเฮนรี่ เฮย์แมน”
ชาวเน็ตทั้งหลายต่างจินตนาการถึงคนธรรมดาดังกล่าวที่เสียสละต่อสู้กับเอเลี่ยนอย่างกล้าหาญ
แต่กลับไม่ปรากฏชื่อหลงเหลืออยู่
“ทำไมฮีโร่ที่กล้าหาญขนาดนั้นกลับไม่มีชื่อหลงเหลืออยู่เลย?”
ชาวเน็ตรู้สึกแสบจมูกจนแอบหลั่งน้ำตา ทั้งที่ฮีโร่ผู้กล้าหาญต้องเสียสละอย่างโดดเดี่ยว พวกเขากลับมัวแต่เริงร่ากับชีวิตจนลืมสำนึกบุญคุณ อีกทั้งยังดูถูกดูแคลนคนธรรมดาไปทั่วทุกหนแห่ง
“เพราะไม่มีทางที่จะคงอยู่ได้” จักรพรรดิถอนหายใจ “ในตอนนั้นทั่วทั้งจักรวรรดิกำลังตกอยู่สภาวะปั่นป่วน การเสียชีวิตของมหาอำนาจสิบดาวทำให้ประชากรสูญเสียความเชื่อมั่น”
“ในทางกลับกัน หากชื่อของเฮนรี่ถูกป่าวประกาศออกไป คนธรรมดาจะต้องร้องขอออกไปเป็นแนวหน้าหรือร้องขอสิทธิทางสังคมของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ตอนนั้นเองเศรษฐกิจของจักรวรรดิกำลังตกอยู่ในสภาวะตึงเครียด และไม่มีกำลังมากพอที่จะครอบคลุมถึงคนธรรมดา”
ชาวเน็ตต่างออกความคิดเห็นต่าง ๆ นานา!
นั่นคือเหตุผลทั้งหมดเหรอ? นั่นคือเหตุผลที่ฮีโร่ถูกฝังใช่ไหม?!
[ทำไม? ด้วยเหตุผลแค่นี้เองเหรอ? พวกเขาฟังชัด ๆ! อยากรู้ให้กระจ่าง!]
[เฮนรี่อาจจะไม่เคยต้องการเป็นวีรบุรุษด้วยซ้ำ แต่คงไม่คาดคิดว่าสิ่งที่เขาทำลงไปมันจะไม่ได้ไปช่วยเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับคนธรรมดาทั่วไปเลย]
[ฮึ่ม! การเมืองชัด ๆ!]
“พวกคุณอย่ากล่าวโทษฝ่าบาทเลยครับ” คณบดีพูลแมนกล่าว “อันที่จริงจักรพรรดิต้องการเปิดเผยความจริงเหล่านี้มาโดยตลอด แต่กลับถูกพวกเขาขัดขวางเอาไว้”
“เพราะว่ายังไม่ถึงเวลา”
“การที่คนธรรมดาต้องการมีสิทธิประโยชน์เช่นเดียวกับคนที่มีพลังดวงดาว พวกเขาจะต้องมีความแข็งแกร่งที่สอดคล้องกันเสียก่อน”
“พวกคุณก็เห็นว่าที่เฮนรี่สามารถเป็นฮีโร่ได้ เพราะว่าเขาได้รับการศึกษาที่ดีมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก นอกจากนี้เขายังมีสมองอันชาญฉลาดที่สามารถสร้างสรรค์เครื่องจักรกลสำหรับคนธรรมดาได้”
“ผมเห็นชาวเน็ตบางคนถามว่าทำไมไม่สร้างเครื่องจักรกลให้กับคนธรรมดาล่ะ” คณบดีพูลแมนถอนหายใจ “ทำไมพวกเราจะไม่เคยสร้างล่ะครับ?”
“จริง ๆ แล้วระบบกลไกของเครื่องจักรกลที่เฮนรี่ขับค่อนข้างซับซ้อน พวกเขาแอบคัดเลือกผู้คนจำนวนมากให้มาลองขับเครื่องจักรกลเหล่านั้น แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวเหมือนเช่นเคย มันไม่ง่ายเลยที่จะขับเคลื่อนเครื่องจักรกลได้ราบรื่นเหมือนเฮนรี่”
“ดังนั้นพวกเราจึงต้องคอยปรับปรุงอยู่เสมอ”
“พวกเราไม่ต้องการให้ชื่อเสียงของฮีโร่จางหายไปเพียงเพราะคนธรรมดาไม่ได้อุทิศตนเพื่อสังคม เราจะไม่ยอมเผยแพร่ต่อสาธารณะ หากทุกคนไม่สอดคล้องกัน”
ชาวเน็ตทั้งหลายน้ำตาคลอเบ้า หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ทุกอย่างก็ได้รับการอธิบายแล้ว
สวี่หลิงอวิ๋นมีท่าทีนิ่งสงบเช่นกัน ประวัติศาสตร์ยังมีอดีตที่ถูกซ่อนเร้นอยู่มากมายสินะ
จักรพรรดินีจ้องมองลูกสาวของเธอด้วยสายตาอ่อนโยน “หลิงอวิ๋น ลูกเป็นคนดูแลการก่อสร้างโรงเรียนดีไหม?”
“หือ อ๊ะ?! อะไรนะเพคะ?! ลูกไม่รู้เรื่องแบบนั้นเลยเพคะเสด็จแม่!” สวี่หลิงอวิ๋นโบกมือ ไม่เต็มใจที่จะรับช่วงต่อมากนัก
มันดูเหมือนงานที่ต้องรับผิดชอบ! เธอไม่ต้องการมันหรอก!
“ไม่ต้องกังวลไป จะมีทีมงานก่อสร้างเฉพาะด้านติดตามลูกเข้าไปด้วย! แม่รู้ว่าลูกไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการก่อสร้างเลย แต่แม่เห็นว่าแผนกเกษตรกรรมมีคนที่เชี่ยวชาญอยู่นะ พวกเขาน่าจะทำอะไรได้หลายอย่างใช่ไหมจ๊ะ?!”
นักเรียนแผนกเกษตรกรรมที่ชื่นชอบการก่อสร้างเกือบจะทับถมที่ดินจนกลายเป็นหิน!
จักรพรรดินีรู้เกี่ยวกับพวกเขาจริง ๆ เหรอ?!
สหายทั้งหลายจ้องมองพวกเขาด้วยความอิจฉาริษยา! อา! กลับกลายเป็นว่าจักรพรรดินีดูการถ่ายทอดสดของพวกเขาอยู่ตลอดเวลาสินะ! ฮือ ๆๆ! หากรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ พวกเขาคงจะแสดงศักยภาพให้ออกมาดีกว่านี้!
เช่น…
อืม อะไรดีล่ะ? พวกเขาจะทำอะไร? โอ้ โชว์กินยังไงล่ะ! อ๋อ อืม! จะเป็นยอดนักกินเชียวล่ะ!
ขณะนี้ เรื่องราวการต่อสู้เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วได้กระจายไปทั่วทั้งจักรวรรดิ อีกทั้งเรื่องของฮีโร่ท่ามกลางผู้คนธรรมดายังทำให้ทั่วทั้งจักรวรรดิตกอยู่ในอาการตกตะลึง
ทว่าปัญหากลับเกิดขึ้นอีกครั้ง
การเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับคนธรรมดาเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี แต่สิ่งสำคัญคือการเพิ่มสวัสดิการ เพิ่มจำนวนเงิน และเพิ่มโอกาสในการทำงาน
อย่างไรก็ตาม ตามคำกล่าวของจักรพรรดิ จะต้องเริ่มให้คนธรรมดาศึกษาเล่าเรียนเสียก่อน รวมถึงค้นคว้าการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และการต่อสู้
จะปล่อยให้คนธรรมดาพวกนี้ต่อสู้อย่างนั้นหรือ? เพียงการต่อสู้เล็กน้อยก็สามารถทำให้พวกเขาบาดเจ็บสาหัส แล้วเหตุนี้พวกเขาจะไปสนามรบได้อย่างไร?
นอกจากนี้ ยานอวกาศและเครื่องจักรกลของพวกเขาจะต้องจัดทำขึ้นมาเป็นพิเศษ แล้วกองทัพทหารจะต้องใช้งบประมาณส่วนนี้เพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่?
รัฐมนตรีการคลังเป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย!
“รัฐมนตรีเฒ่านั่นไม่เห็นด้วยอย่างแรง! กองทัพทหารจะต้องเพิ่มงบประมาณอีกเท่าไหร่?!”