สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 206 มาสร้างโรงเรียนกันเถอะ! 2
ตอนที่ 206 มาสร้างโรงเรียนกันเถอะ! 2
รัฐมนตรีการคลังกอดขาจักรพรรดิ ขณะเช็ดน้ำมูกและน้ำตา
“ฝ่าบาท! ท่านก็แค่ปล่อยให้องค์หญิงสามสร้างโรงเรียนก็พอพ่ะย่ะค่ะ เหตุใดถึงต้องสอนวิธีขับเคลื่อนเครื่องจักรกลด้วยพ่ะย่ะค่ะ! สถานการณ์นั้นก็ผ่านมาหลายปีแล้ว พวกเขาคุยไว้แล้วว่าจะเลือกพูดในเวลาที่เหมาะสมไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ!”
“ฮือ ๆๆ! ท่านรู้ไหมว่าเราต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่สำหรับเครื่องจักรกล? งบประมาณสำหรับการฝึกสอนคนธรรมดาพวกนั้น ท่านรู้ไหมว่าจะต้องใช้จ่ายเท่าไหร่?!”
จักรพรรดิแตะจมูกและกล่าวเยาะเย้ย “โอ้ เราไม่ใช่คนไม่รู้ความเสียหน่อย!”
จักรพรรดินีที่เดินเข้ามากล่าวว่า “พอแล้ว อย่าถือโทษท่านจักรพรรดิเลย เราพูดออกไปหมดแล้ว”
“นิโคล เรื่องนี้ปิดไว้เป็นความลับไม่ได้หรอก ไม่ช้าหรือเร็วมันก็คงจะถูกเปิดเผย สู้พูดออกไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ?”
“ท่านจักรพรรดินี! จะมีคนธรรมดาสักกี่คนที่มีความสามารถเหมือนกับเฮนรี่? หากเราฝึกผู้คนจำนวนหนึ่งหมื่นคน ท่านคิดว่าเราจะต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่? และไม่รู้ว่าจะมีสักกี่คนที่ฝึกสอนจนไปลงสนามรบได้? ท่านได้คิดคำนวณกันบ้างไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
นิโคลรู้สึกวิตกกังวลเมื่อต้องพูดถึงเรื่องเงิน หัวสมองปลอดโปร่งของเขากำลังคำนวณค่าใช้จ่ายอย่างหนักจนหัวแทบจะระเบิด
“ก็ใช่ แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีสักคนเดียว แล้วเราจะให้โอกาสนี้แก่พวกเขาไม่ได้เหรอ? นิโคล ความสุขของผู้คนทั่วทั้งจักรวรรดิอยู่ในกำมือของพวกเรานะ ทำไมเราไม่ให้ความหวังเล็กน้อยแก่คนธรรมดาเหล่านี้บ้างล่ะ!?”
นิโคลมักจะไร้เล่ห์เหลี่ยมเมื่อต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดินี
เขาปล่อยขาของจักรพรรดิและกล่าวพึมพำ “ถึงท้องพระคลังในปีนี้จะยังเต็มอยู่ แต่นี่สำหรับก่อสร้างเล็กน้อยก่อนเท่านั้น ส่วนเงินส่วนเกินยังเอามาไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”
จักรพรรดินีพยักหน้าเล็กน้อย
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำให้คนขี้เหนียวคนนี้เห็นด้วย! เพียงแต่ตอบรับไปก่อน!
ประชากรจากชุมชนแออัดอยากจะร้องไห้! หลายปีที่ผ่านมา พวกเขาเป็นเพียงปรสิตทางสังคมและเป็นขยะที่ไร้ประโยชน์ในสายตาของผู้คน
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกคัดค้านในใจ แต่ก็จะอยากร้องตะโกนออกมา และทำความฝันให้เป็นจริงเสียที
แต่ความฝันของพวกเขาคืออะไร? จะประสบความสำเร็จได้อย่างไร? ไม่มีอารยธรรม ไม่มีความแข็งแกร่งทางกายภาพ เป็นเพียงคนทำงานแบกหามที่น่ารังเกียจ พวกเขาก็เป็นแค่พวกขี้แพ้ที่นอกจากจะหายใจและนอนกินไปวัน ๆ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีก
พวกเขามักจะคิดว่านี่คือบทลงโทษจากพระเจ้า แต่ตอนนี้พระเจ้าก็ได้ตระหนักรู้แล้วว่ามันไม่ใช่!
พวกคุณดูสิ ฮีโร่อยู่ที่นั่นแล้วไม่ใช่หรือ? เฮนรี่ เฮย์แมน ชื่อนี้ช่างดูธรรมดายิ่งนัก แต่กลับนำความหวังใหม่มาสู่พวกเขา ท้ายที่สุดแล้ว คนธรรมดาก็สามารถเป็นฮีโร่ได้เช่นกัน!
สำหรับคนที่อยากขอบคุณมากที่สุดก็คือองค์หญิงสาม หากองค์หญิงสามไม่ได้เสนอให้สร้างโรงเรียนสำหรับคนธรรมดา จักรพรรดิจะริเริ่มเล่าเรื่องราวในอดีตหรือ?
พวกเขาปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะถวายพระพรด้วยธูปแก่รูปภาพขององค์หญิงสามที่อยู่ในบ้าน เพื่อให้องค์หญิงสามอายุยืนยาวและพบเจอแต่สิ่งดี ๆ
เฮอร์รู้สึกโกรธจัดทันทีที่เขาลืมตาขึ้นและพบว่าเขาถูกขังอยู่ในห้องเรียนวิชาสมรรถภาพทางกาย ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับการลดโทษเหลือไม่ให้ถูกขังอยู่ในนั้นเป็นเวลานาน แต่มันกลับช่างน่าอับอายยิ่งนัก!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขาได้ยินมาว่าทุกเหตุการณ์ถูกถ่ายทอดสดออกไป และนั่นทำให้เขาแทบจะเป็นลม!
แต่ก่อนที่เขาจะโกรธไปมากกว่านี้ เหล่าคณะอาจารย์ทั้งหลายจากสถาบันเก่าของเขาได้ส่ง ‘จดหมายแสดงความเห็นอกเห็นใจ’ มาให้เขา เพื่อแสดงความห่วงใย แต่ที่จริงแล้วกลับกำลังเยาะเย้ยเขาต่างหาก
ฮึ่ม! คนพวกนั้นก็แค่อิจฉา! พวกเขาอิจฉาที่เขาได้เป็นอาจารย์ของสถาบันการศึกษาทางการทหารของจักรวรรดิ! ในวันนี้เขาเก่งกาจพอแล้วที่ได้มายืนอยู่ตรงนี้! พวกเขาก็ทำได้แค่เยาะเย้ยเท่านั้น!
“รอก่อนเถอะ องค์หญิงสาม มารอดูกันสิว่าฉันจะทำยังไงกับพวกเธอ!”
เฮอร์ยังคงรอคอยการแก้แค้นกับนักเรียนชั้นปีที่หนึ่ง ขณะที่เยลตกอยู่ในสภาวะจนตรอก
เขาไม่สามารถปกป้องตำแหน่งหัวหน้าของตัวเองได้อย่างที่เขาคิดว่าเอาไว้ นักเรียนทั้งหลายถึงกับวิ่งแจ้นเข้ามาหาเขาโดยตรงเพื่อถามว่าเขาไม่มีพลังดวงดาวอีกต่อไปแล้วเหรอ? คำพูดที่ออกมาจากปากเหล่านั้นฟังดูเห็นอกเห็นใจ แต่สายตากลับดูเยาะเย้ยอย่างเห็นได้ชัดเจน
ตระกูลออสมอนด์ถอดตำแหน่งทายาทออกจากเขา และพี่ชายต่างมารดาจะเป็นผู้ขึ้นครองตระกูลอย่างมีชัย ขณะจ้องมองมาที่เขาราวกับมองดูเศษขยะ
เอริก้าไม่ใจดีกับเขาอย่างเช่นเคย เมื่อก่อนเธอขี้อายและยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ตอนนี้กลับไม่แยแสและเฉยเมยต่อเขามากยิ่งขึ้น
เยลคิดมานานแล้วว่าตัวเองจะต้องตกมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่เขากลับรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้จริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเอริก้า
ถ้าไม่ใช่เพราะเอริก้า เขาจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เหรอ? เขาสูญเสียทุกอย่างไปได้อย่างไร? แต่นังสารเลวนี้กลับแค่หลอกใช้เขาด้วยคำพูดอ่อนหวานเพื่อร้องขอให้ปลดปล่อยความขุ่นเคืองของเธอ!
เยลรู้สึกโกรธจัด แต่ไม่สามารถทำอะไรได้
เขากลายเป็นเพียงคนธรรมดา และไม่สามารถกลับเข้าไปในหอพักได้ หอพักได้จัดแจงหอพักใหม่ให้กับเขา มันเป็นเพียงบ้านหลังเล็กที่มีพื้นที่น้อยกว่าห้าตารางเมตร
เมื่อเปรียบเทียบกับบ้านพักของหัวหน้า มันแทบจะเป็นสรวงสวรรค์กับพื้นดิน
สวี่หลิงอวิ๋นดำเนินคดีกับเขาอีกครั้งในข้อหา ‘ดูหมิ่นราชวงศ์’
เขาไม่สามารถปฏิเสธความผิดตามที่เขาต้องการได้ เพราะชาวเน็ตทั้งหลายได้ยินคำพูดด่าทอของเขาชัดถ้อยชัดคำ ดังนั้นจึงถูกนำตัวไปคุมขังเป็นเวลาสิบวัน
และเยลไม่มีทางเลือกอื่น
สวี่หลิงอวิ๋นถูกบีบบังคับให้ออกจากสถาบันไปสร้างโรงเรียนแห่งใหม่
ขณะที่เฮอร์ คลิทซ์เริ่มจุดประกายการเป็นเผด็จการ
สวี่หลิงอวิ๋นติดตามกู้หยวนข่าย นักเรียนจากแผนกเกษตรกรรมที่มีความเชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรม หลังจากทั้งสองตรวจสอบแหล่งที่ตั้งของโรงเรียนแห่งใหม่ด้วยกันเรียบร้อยแล้ว เธอก็รีบสะบัดตูดหนี และจากไปพร้อมกับทิ้งความยุ่งเหยิงไว้กับกู้หยวนข่าย
หลังจากที่โอคาซีรู้เรื่องดังกล่าว เขาจึงขอให้พ่อส่งผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมจากตระกูลแอนดรูว์ไปช่วยแนะแนวทางให้กับกู้หยวนข่าย เพื่อให้มั่นใจว่าทั้งวิทยาเขตจะสร้างเสร็จโดยเร็วที่สุด
“พวกคุณบอกว่าผมขาดสอนวิชาสมรรถภาพเหรอ? เฮ้อ แล้วจะไม่ให้ผมสอนพวกคุณต่อหรือไง?” เฮอร์จ้องมองนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งด้วยสายตาเย็นชา ขณะถือแส้หนังอยู่ในกำมือ
นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งจากกองบัญชากำลังพลยืนขาเดียว และไม่ได้รับอนุญาตให้ขาอีกข้างแตะพื้น
รุยต้องการทฤษฎีของเฮอร์ และกลับกลายเป็นว่า “นี่คือวิธีการสอนของผม ถ้าพวกคุณไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ ผมจะได้ให้เกรดเทอมนี้เป็นศูนย์ไปซะ!”
แส้หนังในมือของเฮอร์ คลิทซ์ฟาดลงกับพื้น “ใครก็ตามที่เอาขาแตะพื้น ก็รับแส้ได้เลย!”
“ฮึ่ม! ต่อให้หัวหน้าของพวกคุณอยู่ที่นี่ ผมก็กล้าทำเหมือนกัน!”
เฮอร์ทั้งยิ่งผยองและเผด็จการ ขณะที่นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งก็ไม่มีหนทางที่จะตอบโต้เขาได้
ไม่ว่าอาจารย์จะแย่สักเพียงไหน แต่เขาก็ยังเป็นอาจารย์ และไม่ว่าข้อขัดแย้งระหว่างนักเรียนกับนักเรียนจะยิ่งใหญ่แค่ไหน พวกเขาก็ยังมีสถานะเท่าเทียมกัน แต่สถานะของอาจารย์กับนักเรียนนั้นแตกต่างออกไป!
ไม่ใช่ว่านักเรียนชั้นปีที่หนึ่งไม่ร้องเรียน แต่ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้
แม้แต่ผู้อำนวยการก็ยังรู้สึกไม่พอใจในตัวเฮอร์มากเช่นกัน
ดังที่เฮอร์กล่าวเอาไว้ วิธีการฝึกกายภาพของแต่ละคนแตกต่างกันออกไป และพวกเขาไม่สามารถกล่าวได้ว่าเฮอร์ทำไม่ถูกต้อง