สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 248 ลูกพี่ลูกน้องลงชื่อเข้าร่วมการแข่งขันหัวหน้าครั้งใหญ่ 19
- Home
- สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ
- ตอนที่ 248 ลูกพี่ลูกน้องลงชื่อเข้าร่วมการแข่งขันหัวหน้าครั้งใหญ่ 19
ตอนที่ 248 ลูกพี่ลูกน้องลงชื่อเข้าร่วมการแข่งขันหัวหน้าครั้งใหญ่ 19
ตอนที่ 248 ลูกพี่ลูกน้องลงชื่อเข้าร่วมการแข่งขันหัวหน้าครั้งใหญ่ 19
สวี่รุ่ยอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจ
เอ๊ะ? วันนี้สวี่หลิงอวิ๋นมาถูกทางแล้ว หรือว่าเธอเริ่มจะเข้าใจความผิดพลาดของตนเองแล้ว?
ฮึ่ม! ในฐานะที่เป็นผู้หญิงและน้องสาว เธอควรจะทำตัวน่าสนใจกว่านี้อีกสักหน่อย!
“น้องรู้ตัวแล้วก็ดี!” สวี่รุ่ยอวิ๋นพยักหน้าเล็กน้อย และวางท่าทีหยิ่งยโสโอหัง
“โอ้ ไม่ใช่น้องเท่านั้นหรอกที่อยากจะพูด แต่พี่ชายรอง พี่อย่าเอาแต่นั่งจับตามององค์ชายรัชทายาทแลนเซล็อตนักเลยเพคะ ยังไงซะมันก็เป็นไปไม่ได้สำหรับพี่ไม่ใช่เหรอเพคะ?!” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวออกมาอย่างจริงจังด้วยท่าทีสบาย ๆ
สวี่รุ่ยอวิ๋นถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น!
นั่งจับตามองแลนเซล็อตของเธอหมายความว่ายังไง? แล้วอีกอย่าง มันเกี่ยวอะไรกับเขาอย่างนั้นเหรอ?!
สวี่หลิงอวิ๋นน่ารังเกียจเกินไปแล้ว!
จงใจใช้คำพูดที่ชวนเข้าใจผิดเช่นนั้นต่อหน้าเสด็จพ่อและเสด็จแม่! นี่คือการทำลายล้างอนาคตของเขาชัด ๆ!
สวี่เจี้ยนอวิ๋นมีความสุขเมื่อได้ยินเช่นนั้น พยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “น้องสาวพูดถูก! นายอย่าหวังอะไรกับแลนเซล็อตนักเลย! ชายรอง อย่าได้หวังสูงแบบนั้นสิ!”
ไคกีเติมข้าวให้ตนเองอีกถ้วย และแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไร
มันค่อนข้างน่าอับอายเล็กน้อยที่พี่น้องสองพวกนั้นกำลังโต้ตอบสาดกระสุนใส่กันไปมา!
วินเซอร์รู้สึกง่วงเล็กน้อย ราวกับมีข้าวต้มอยู่ในหัวสมอง แต่ทันใดนั้นเธอกลับตื่นเต็มตาเมื่อสมองของเธอได้ยินข่าวที่น่าเหลือเชื่อ
อะไรนะ?! ลูกพี่ลูกน้องชายรองก็สนใจองค์ชายรัชทายาทแลนเซล็อตเหรอ?! ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงเอาแต่ตั้งเป้าหมายมาที่ลูกพี่ลูกน้องหญิงแบบนั้น!
เพราะทั้งสองคือศัตรูหัวใจกัน!
สารเลว! มันเป็นเรื่องต่อล้อต่อเถียงของผู้หญิงแท้ ๆ ทำไมผู้ชายถึงเข้ามามีส่วนร่วมด้วย?!
น้ำตาของวินเซอร์แทบจะไหลลงมา!
สวี่รุ่ยอวิ๋นเกือบจะทนไม่ไหวเพราะน้องสาวของเขา เขาอาจจะระบายความโกรธออกมา แต่เกรงว่าพ่อแม่จะเข้าใจผิด
หลังจากที่จักรพรรดินีมองดูอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่แปลกใจเลยที่ลูกมักจะหาข้ออ้างตอนที่นัดดูตัว!”
ไม่! มันไม่ใช่อย่างนั้น! สวี่รุ่ยอวิ๋นร้องคำรามในใจ!
เขาไม่ต้องการแต่งงานกับหญิงสาวชนชั้นสูงธรรมดาทั่วไป! เขาต้องการแต่งงานกับองค์หญิงที่คุยภาษาราชวงศ์กันรู้เรื่อง!
จักรพรรดิจ้องมองเขาด้วยความเห็นใจเป็นเวลานาน “ลูกเอ๋ย ถ้าชอบผู้ชายก็ไม่มีอะไรผิดเลย ถ้าชอบจริง ๆ ก็แค่พากลับมาให้ดูหน่อย!”
ไม่ไม่ไม่! ผมชอบผู้หญิง! ผู้หญิงแท้ ๆ! ผมชอบผู้หญิงเซ็กซี่ที่มีหน้าอกตู้ม ๆ และบั้นท้ายใหญ่ ๆ!
ผมชอบผู้หญิงที่อ่อนกว่าและดูมีสกุล!
สวี่รุ่ยอวิ๋นขบฟัน “ไม่! ลูกชอบผู้หญิง!”
“ไม่ต้องกลัวไปหรอกลูก! ชอบผู้หญิงหรือชอบผู้ชายก็ไม่เป็นไร! ตอนนี้เทคโนโลยีก้าวหน้ามากแล้ว ถ้าอยากมีลูกก็แค่ให้คนมาอุ้มท้องแทน!” จักรพรรดิยังคงปลอบใจลูกชายคนที่สอง!
เสด็จพ่อเงียบสักที! สวี่รุ่ยอวิ๋นครุ่นคิดในใจอย่างฉุนเฉียว
“ใช่! ชายรอง ถ้าชอบผู้ชายก็ไม่ผิดอะไรสักหน่อย! แต่ว่ามันคงเป็นเรื่องที่ยากเกินไปสำหรับองค์ชายรัชทายาทหรือเปล่า?” สวี่เจี้ยนอวิ๋นเกลี้ยกล่อมเขาด้วย ‘ความเป็นห่วง’ “อันที่จริงยังมีคนหล่ออีกเยอะแยะในห้วงดวงดาวของเรานะ เอาไว้ให้หลิงอวิ๋นแนะนำให้สักหน่อยดีไหม”
หลังจากนั้นเขาจึงมองไปที่สวี่หลิงอวิ๋น “น้องสาว พอเข้าไปร่วมการแข่งขันหัวหน้าแล้วก็ช่วยสอดส่องดูด้วยนะว่ามีคนที่เข้าตาบ้างไหม จะได้มาแนะนำให้ชายรองสักที!”
สวี่หลิงอวิ๋นตอบรับคำสั่งอย่างมีความสุข “ไม่ต้องกังวลไปเพคะพี่ชายใหญ่! เรื่องของพี่ชายรองก็เป็นเหมือนเรื่องของน้อง น้องจะพาพี่เขยรองสุดหล่อกลับมาให้เอง!”
สวี่รุ่ยอวิ๋นไม่สามารถทนได้อีกต่อไป และร้องคำราม “ฉันบอกว่าฉันชอบผู้หญิงไง! ผู้หญิง!”
ทุกคนต่างตกตะลึง!
องค์หญิงวินเซอร์ผู้น่าสงสารช่างแสนบอบบาง ร่างกายของเธอซีดเผือดหลังจากได้ยินเสียงร้องคำราม และไม่ได้สติอยู่นาน ไคกีรีบลากน้องสาวออกไปทันทีที่เขาสังเกตเห็น
สวี่หลิงอวิ๋นวางตะเกียบลงด้วยความไม่พอใจ “พี่ชายรอง ทำไมจะต้องตะโกนด้วย? ดูสิว่าพี่ทำให้ลูกพี่ลูกน้องของเราหวาดกลัวมากแค่ไหน!”
จักรพรรดินีวางตะเกือบลงและจากไปด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
เมื่อเห็นเช่นนั้น จักรพรรดิก็ส่ายหัวและตามติดจักรพรรดินีออกไป
สวี่เจี้ยนอวิ๋นตบไหล่ของเขาและถอนหายใจ “ฉันบอกแล้วไงชายรอง ว่าแค่ชอบผู้ชายมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ทำไมนายจะต้องตื่นตัวด้วย? ราชวงศ์ของเราเปิดกว้าง และคงไม่ทำอะไรกับนายหรอก!”
เมื่อพูดจบ เขาจึงส่ายหัวและเดินจากไป
สวี่หลิงอวิ๋นไม่แม้แต่จะมองเขา และเดินจากไปเช่นกัน
มีเพียงสวี่รุ่ยอวิ๋นที่บ้าคลั่งและถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังอย่างโศกเศร้า
ขณะนี้ที่วิทยาเขตมีชีวิตชีวาอย่างมาก ถึงแม้ว่านักเรียนส่วนใหญ่จากสถาบันการศึกษาทางการทหารของจักรวรรดิชิงเหย้าอยู่ช่วงพักร้อน แต่เจ้าหน้าที่และหัวหน้าที่เดินทางเข้ามากลับทำให้ทั้งวิทยาเขตมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น
สื่อข่าวจับตัวกันมาเข้ามาเป็นกลุ่มใหญ่
ไม่มีใครรู้ว่าเครื่องถ่ายทอดสดทั้งหลายกำลังซ่อนตัวอยู่บนฟากฟ้าที่ดูโปร่งใส และนักข่าวทั้งหลายที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเพื่อบรรยายสถานการณ์ให้สาธารณชนฟัง
สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกเบื่อหน่ายทุกสิ่งอย่าง ขณะที่เยล ออสมอนด์ หัวหน้าประจำชั้นปีที่สองที่ยืนอยู่ด้านข้างเธอ ต่อด้วยคริส เดลล์ หัวหน้าประจำชั้นปีที่สาม และหลี่ซิว หัวหน้าประจำชั้นปีที่สี่
หัวหน้าจากสถาบันการศึกษาทางการทหารของจักรวรรดิชิงเหย้าแต่ละคนแต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบสีเงิน
หัวหน้าของแต่ละจักรวรรดิสวมชุดสีเดียวกัน และเพียงแต่ตราสัญลักษณ์ที่หน้าอกเท่านั้นที่สามารถบ่งบอกได้ว่าพวกเขามาจากสถาบันเดียวกัน
สีเงินสำหรับจักรวรรดิชิงเหย้า
สีทองสำหรับจักรวรรดิเหมยรุ่ย
สีขาวสำหรับจักรวรรดิเอเดน
สีดำสำหรับจักรวรรดิเบเกอร์
สีน้ำเงินเข้มสำหรับจักรวรรดิอีโน่
แต่ละจักรวรรดิได้จัดตั้งทีม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับพิธีเปิดงาน
สวี่หลิงอวิ๋นและคนอื่น ๆ ต่างต้องจัดเตรียมการแสดงเช่นกัน และแน่นอนว่ามันไม่ใช่การแสดงความสามารถเหมือนกับในชาติที่แล้ว ทว่าใช้ความแข็งแกร่งของตนเองมาจัดแสดงแทน
พวกเขาอัดฉีดพลังจิตทั้งหมดลงไปในเครื่องดนตรี หลังจากนั้นเครื่องดนตรีก็เริ่มบรรเลงเพลง
ยิ่งพลังจิตโดยรวมของจักรวรรดิแข็งแกร่งมากแค่ไหน บทเพลงก็จะยิ่งขันขานนานขึ้นเท่านั้น
เพียงแค่พิธีเปิดงานก็สามารถเห็นความแข็งแกร่งโดยรวมของแต่ละจักรวรรดิได้
เยลรับรู้ได้ว่าองค์หญิงสามที่ยืนอยู่ด้านข้างกำลังรู้สึกเบื่อหน่าย ทว่าไม่สามารถแสดงความรู้สึกกระสับกระส่ายออกไปได้
นับตั้งแต่พลังดวงดาวของเขาฟื้นคืนมาจนได้รับการเลื่อนขั้นไปถึงระดับ 8 ดาว ตระกูลของเขาและรวมถึงตระกูลของแม่ก็คอยตามรังควานเขาทุกวัน
ตะโกนเรียกร้องให้เขากลับไปสานต่อกิจการของตระกูล
หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะรู้สึกดีใจ ทว่าตอนนี้เขากลับรู้สึกขยาด
ตอนนี้เยลได้รับทุนการศึกษาจากทางสถาบันแล้ว และได้รับเงื่อนไขที่ดีในการฝึกฝนโดยไม่ต้องใช้เงินทุนจากทางครอบครัว
แน่นอนว่ามันย่อมมีข้อแลกเปลี่ยน นั่นคือเขาต้องกลับไปฝึกสอนให้กับนักเรียนจากสถาบันเก่าเป็นครั้งคราว
และมันคือหน้าที่ที่เขาต้องรับผิดชอบ
ตอนนี้นักเรียนชั้นปีที่สองกลายเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ไร้ซึ่งสังคมที่ป่าเถื่อน มีความคิดที่เรียบง่าย (เนื่องจากพวกเขาได้รับการฝึกฝนมามากจนไม่มีความคิดที่จะก่อความวุ่นวายอีก)
ส่วนอาจารย์เฮอร์น่ะเหรอ? หากอยากจะฝึกสอนนักเรียนทั้งหลายก็ฝึกซะเลย!
การฝึกฝนสมรรถภาพทางการให้มากขึ้นไม่ใช่สิ่งที่ผิด! ไม่เห็นเหรอว่านักเรียนชั้นปีที่สองมีความกระหายเพิ่มขึ้นและทักษะการต่อสู้ของพวกเขาก็ดีขึ้นด้วย?
ทว่าเยลกลับรู้สึกสับสนเล็กน้อย
เขาไม่รู้จะกล่าวคำขอบคุณองค์หญิงสามอย่างไรดี
แต่กลับไม่มีช่องว่างให้เขาได้ครุ่นคิด เนื่องจากพิธีการเปิดงานได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!
ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพ จักรวรรดิชิงเหย้าจึงเป็นกลุ่มแรกที่ปรากฏตัว
สวี่หลิงอวิ๋นเป็นผู้นำของทั้งสี่คน เธอก้าวขึ้นไปบนเวทีสูง และที่เหลือก็ยืนอยู่ในจุดของตนเองตามลำดับ