สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 295 การล้างแค้นของมหาสงคราม 2
ตอนที่ 295 การล้างแค้นของมหาสงคราม 2
ตอนที่ 295 การล้างแค้นของมหาสงคราม 2
“ในเมื่อแกมีไหวพริบดีแบบนี้ เอาไว้หลังจากจบเรื่องนี้แล้ว ฉันจะส่งลูกกวาดถุงใหญ่ให้ถั่วชมพูล่ะกัน” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าว “ฉันใจกว้างพอสำหรับคนที่ทำงานให้ฉันเสมอแหละ!”
“แกรู้จักเอเลี่ยนที่แข็งแกร่งทรงพลังบ้างหรือเปล่า ฉันจะกำหนดที่ตั้งให้ แล้วแกช่วยหาวิธีพาเอเลี่ยนไปที่นั่นได้ไหม?”
“เมี๊ยว…! ที่ตั้งคืออะไร? กินได้ไหม?” ถั่วชมพูยังคงเป็นแค่เอเลี่ยนธรรมดา ไม่ว่ามันจะฉลาดหลักแหลมมากแค่ไหน มันก็ไม่สามารถเข้าใจคำนามเหล่านี้ได้
“หมายถึงฉันจะกำหนดดาวเคราะห์ให้”
“เมี๊ยว…! ถ้าเป็นอย่างนั้นคงจะทำไม่ได้ นอกจากว่าฉันจะอยู่บนดาวเคราะห์ดวงนั้น ถึงจะล่อมันเข้ามาได้เมี๊ยว…!” ถั่วชมพูกะพริบตาขณะจ้องมองสวี่หลิงอวิ๋น
สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองถั่วชมพู
ทันใดนั้นความคิดบางอย่างก็วาบเข้ามาในหัวของถั่วชมพู สวี่หลิงอวิ๋นไม่ได้จะให้มันย้ายรังใช่ไหม?
“เมี๊ยว…! ฉันจะอยู่และตายไปกับดาวเคราะห์หทัยกล้วยไม้ และเธอจะให้ฉันย้ายออกไม่ได้!”
ไม่ว่าถั่วชมพูจะตะกละมากแค่ไหน แต่มันกลับดูจริงจังมากในเรื่องนี้ เนื่องจากบนดาวเคราะห์หทัยกล้วยไม้มีไร่อ้อยที่ให้ช่วยเผ่าพันธุ์ของมันมีวิวัฒนาการขึ้น ดังนั้นพวกมันจึงไม่ต้องการจากไปไหน
สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองถั่วชมพู เจ้าตัวนี้ฉลาดนักนะ
“เจ้าเด็กโง่ ฉันไล่พวกแกตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันแค่ขอให้แกช่วยอะไรหน่อยเท่านั้นเอง” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าว “แกเคยคิดบ้างไหมว่าทำไมต้นอ้อยตรงนี้ถึงช่วยให้พวกแกวิวัฒนาการได้ แต่ต้นอ้อยในส่วนอื่นกลับไม่ช่วยอะไรเลย?”
ดวงตาที่เบิกกว้างของถั่วชมพูหรี่ลงเมื่อจ้องมองไปที่สวี่หลิงอวิ๋นด้วยความสงสัย “เมี๊ยว…! เธอทำอะไรไปงั้นเหรอ?”
“แน่นอนน่ะสิ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเรา แกคิดว่าพวกแกจะสามารถวิวัฒนาการได้ง่าย ๆ หรือไง?” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าว “แต่ฉันคงบอกแกไม่ได้หรอกว่าอะไรทำปฏิกิริยากับต้นอ้อย และในเมื่อพวกแกดื่มและกินอาหารของเราตลอดทั้งวันทั้งคืนแล้ว พวกแกก็ควรจะจ่ายค่าเช่ากับค่าอาหารให้เราไม่ใช่เหรอ?”
“ถ้าแกยังอยากจะนั่งเงียบ ๆ และรอคอยอาหารกับเครื่องดื่มเพื่อการเลื่อนขั้นล่ะก็ แกก็ควรจะอุทิศความแข็งแกร่งของตัวเองเพื่อคนอื่นบ้าง ไม่อย่างงั้นฉันจะสั่งให้ทหารทั้งหมดถอยทัพออกจากดาวเคราะห์หทัยกล้วยไม้ และตัดช่องต่อที่ทำปฏิกิริยากับต้นอ้อยซะ”
สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หลังจากนั้น แกคงจะรู้นะว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
ถั่วชมพูตระหนักได้ถึงการถูกตัดขาดเป็นอย่างดี เพราะนั่นหมายความว่าพวกมันจะไม่สามารถนั่งรอคอยการวิวัฒนาการได้อีกต่อไป พวกมันจะไม่มีวันมีชีวิตอันแสนสบายแบบนี้อีก และนอกจากนี้…พวกมันยังต้องกลายเป็นพวกเร่ร่อนไร้ถิ่นที่อยู่ที่ไม่มีใครป้อนอาหารให้พวกมัน
หากไม่มีอาหารอันแสนอร่อย มันจะต้องทนไม่ไหวอย่างแน่นอน!
มีคำกล่าวไว้ว่าอยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่น จะต้องก้มหัวเข้าไว้ ไม่ว่าถั่วชมพูจะเยี่ยมยอดมากแค่ไหน แต่มันก็ก้มหัวที่เย่อหยิ่งลง
ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยความน้อยใจ “เมี๊ยว…! ท่านราชินี ท่านพูดมาเลยว่าต้องการอะไรจากฉัน?”
สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้าด้วยความพึงพอใจขณะมองดูถั่วชมพู “ฉันจะให้คนเตรียมยานอวกาศไปรับพวกแก”
“แกก็แค่พาเกอหลัวที่โตเต็มวัยแล้วขึ้นยานอวกาศมา และยานอวกาศนี้จะพาแกมาหาฉัน”
สวี่หลิงอวิ๋นยิ้มและกล่าวว่า “หวังว่าฉันจะได้เจอพวกแกในวันพรุ่งนี้นะ”
เมื่อพูดจบ…เธอก็วางสาย
ไกอาจ้องมองสวี่หลิงอวิ๋นด้วยความชื่นชม และยกนิ้วโป้งให้ “ท่านหัวหน้าน่าทึ่งตลอดเลยครับ ผมได้ยินมาว่าเจ้าถั่วชมพูหยิ่งมากและมันไม่ยอมฟังใครทั้งนั้น!”
“เขาถึงว่าตีงูต้องตีให้ตาย จะบีบลูกพลับต้องเลือกที่นิ่มที่สุด” สวี่หลิงอวิ๋นบอกเล่าประสบการณ์ให้กับไกอา “อย่ากลัวที่ศัตรูแข็งแกร่ง แต่ควรกลัวศัตรูที่ไม่มีจุดอ่อน นายก็แค่ต้องหาจุดอ่อนและบีบเค้นมันแรง ๆ จนเขาหลุดออกมาจากกำมือไม่ได้”
จุดอ่อนของถั่วชมพูคืออะไร? ธรรมดามาก คือความขี้เกียจและตะกละ
เพียงแค่ข่มขู่ว่าจะไม่ปล่อยให้มันได้ขี้เกียจตัวเป็นขน จะไม่ให้มันกินอาหารอร่อย ๆ อีก เพียงเท่านี้ถั่วชมพูจะอดทนไหวได้อย่างไร?
สิ่งที่ต้องเตรียมเป็นลำดับต่อไปคือพืชที่ให้รสหวาน…
พืชชนิดนี้เป็นพืชที่ทำให้ดาวเคราะห์ทั้งหลายถูกทำลายจนย่อยยับ เมื่อไหร่ก็ตามที่พืชขนาดเล็กนี้ปรากฏตัวขึ้น มันจะขยายพันธุ์ออกไปอย่างรวดเร็วภายในช่วงระยะเวลาอันสั้น มันคือถั่งเช่าหวานนั่นเอง
ทำไมถึงเรียกว่าถั่งเช่าหวาน? คำตอบง่ายมาก อันเนื่องมาจากพืชชนิดมีกลิ่นหอมหวาน เพียงปรากฏตัวขึ้นแค่สองสามต้นก็สามารถทำให้เอเลี่ยนโจมตีอย่างบ้าคลั่งได้
และการดำรงอยู่ของพืชชนิดนี้ทำให้เอเลี่ยนเข้าครอบครองดาวเคราะห์ไปกี่ดวงแล้ว? ดังนั้นถั่งเช่าหวานนี้จึงสูญพันธุ์ไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน
แล้วสวี่หลิงอวิ๋นค้นพบมันเจอได้อย่างไร?
เธอไม่ได้ค้นพบมัน ทว่าเธอสามารถจับคู่รสชาติได้
นอกจากนี้เธอยังมีลูกกวาดที่คุ้มค่ากับคุณภาพ
ขณะที่แลนเซล็อตและผู้ช่วยคนอื่นได้รวบรวมแผนการแบบเรียบง่ายเอาไว้แล้ว
เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านเวลา พวกเขาจึงไม่สามารถลงรายละเอียดได้มากนัก
“ท่านต้องการเพิ่มเติมอะไรอีกไหมครับ?” แลนเซล็อตยื่นแผนการสู้รบให้สวี่หลิงอวิ๋น
“จักรวรรดิทั้งสามของเราจะแยกกันไปโจมตีดาวเคราะห์แต่ละดวงเหรอคะ? อืม ดีค่ะ ฉันไม่มีอะไรจะค้าน”
เรียวนิ้วของสวี่หลิงอวิ๋นจิ้มลงบนแผนการสู้รบ
“ต้องระวังตรงนี้! คนจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์จะต้องมารับช่วงต่อ เพราะฉะนั้นเราควรจำให้ขึ้นใจว่าจะต้องระวังการถูกโจมตีจากกำลังเสริมทั้งภายในและภายนอก”
“ถ้าเกิดฉันคิดไม่ผิด พวกนั้นจะต้องตั้งท่าป้องกันการถูกโจมตีและพยายามถ่วงเวลา เพราะงั้นฉันขอแนะนำให้พวกเรามุ่งเน้นไปที่พลังการโจมตีตั้งแต่เนิ่น ๆ และอย่าปล่อยให้ลูกกระสุนขาดช่วงเด็ดขาด”
“ถูกต้อง องค์หญิงสามพูดถูก!” แลนเซล็อตพยักหน้า “ทุกคนมีลูกกระสุนพอไหม? ถ้าเกิดไม่พอก็เติมลูกกระสุนเข้าไปอีก”
“ไม่ต้องห่วง ลูกกระสุนมีมากพอ” ไคกีกล่าวด้วยความมั่นใจ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นการเข้าร่วมรบในแนวหน้าครั้งแรกของเขา แต่เขากลับรู้สึกมั่นใจว่ามันจะต้องประสบความสำเร็จ
ทั้งสามคนเตรียมความพร้อม ขณะที่ผู้ช่วยทั้งหลายติดตามพวกเขาขึ้นไปยานรบอวกาศ
ในขณะนี้ ผู้คนจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ที่ตั้งหลักอยู่บนดาวเคราะห์เอบีสาม ดาวเคราะห์เอบีสี่ และดาวเคราะห์เอบีห้าเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทาย
“เฮอะ ๆ กับพวกไม่เอาถ่านพรรค์นั้น จะมาเอาชนะจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ของเราได้ยังไง?” พลเอกมาการ์แห่งจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์กล่าวออกมาด้วยถ้อยคำดูถูก
“ท่านพลเอก ท่านกับเนี่ยหานต่างเป็นพลเอกอายุน้อยที่โดดเด่นที่สุดในจักรวรรดิของเรา แล้วคนพวกนั้นจะมาเปรียบเทียบกับท่านได้ยังไง?” ผู้ช่วยชมเชยมาการ์
เห็นได้ชัดว่าคำชมเชยนั้นแตกต่างออกไปจากเจตนาที่แท้จริง
เนี่ยหานหน้าแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และทุกคนในห้วงดวงดาวก็ได้เห็นมันแล้ว แต่ผู้ช่วยคนนี้กลับเปรียบเทียบเขากับเนี่ยหาน นั่นหมายความว่าไม่ช้าหรือเร็วเขาจะต้องอับอายเหมือนกันใช่ไหม?
มาการ์ไม่ใช่คนที่มีจิตใจเมตตาอารมณ์ดีนัก และทันทีที่คำพูดของผู้ช่วยสิ้นสุดลง เขาก็เตะผู้ช่วยจนถลาออกไปด้านข้าง นอนโอดครวญเป็นเวลานานก่อนจะลุกขึ้นมาได้
“ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแกจะมีความคิดเห็นแบบนี้กับฉัน แกกำลังสาปแช่งในฉันแพ้สงครามหรือไง?” มาการ์กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หรือว่าแกอยากให้อับอายขายขี้หน้าเหมือนเนี่ยหานกันแน่?”
“ท่านพลเอก ท่านกำลังเข้าใจผิด ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น” ผู้ช่วยอธิบายด้วยความตื่นตระหนก ขณะกุมหน้าท้องของเขาด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว