สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 321 อสุรกายยักษ์
ตอนที่ 321 อสุรกายยักษ์
ตอนที่ 321 อสุรกายยักษ์
มั่นใจได้เลยว่ารสชาติจะต้องอร่อย!
ทหารทั้งหลายแทบจะบ้าตายเมื่อได้กลิ่นอาหารอันหอมละมุน!
“หอมมาก! จะต้องอร่อยมากแน่ ๆ!” เหล่าทหารกลืนน้ำลาย และเฝ้าดูต่อไป!
เชลยทั้งหลายที่อยู่ในห้องคุมขังเพิ่งได้รับอาหารเสริมไปจำนวนหนึ่ง แต่หลังจากดื่มลงไปไม่นาน พวกเขาก็ได้กลิ่นหอมที่ลอยมาจากด้านนอก!
“พวกมันกินอะไรกัน? รสชาติเป็นยังไง?” เชลยปีกพิสุทธิ์ทั้งหลายพยายามเอาศีรษะลอดออกมาจากหน้าต่างบานเล็กเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นด้านนอก
“เห็นอะไรบ้าง?” เมื่อเห็นคนหนึ่งมองออกไปด้านนอก คนข้างหลังก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“เดี๋ยวก่อน! ฉันยังไม่เห็นอะไรเลย!” ดวงตาของเชลยจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์จับจ้องมาที่หม้อขนาดใหญ่ ขณะที่แขนกลกำลังย่างและกวนอะไรบางอย่างตามหน้าที่ของมัน
ไม่เพียงแต่หม้อใบใหญ่เท่านั้น แต่ยังมีหม้ออีกหลายใบที่กำลังเดือดปุด
ปุด!
กลิ่นหอมละมุนลอยมาจากหม้อพวกนั้น!
“เห็นแล้วหรือยัง?” ทหารที่อยู่ด้านหลังเริ่มไม่พอใจ! จะบอกว่าไม่เห็นอะไรอย่างนั้นเหรอ? ไม่เห็นอะไรแต่ทำไมดูนานนักล่ะ?
“เห็นแล้ว เห็นแล้ว ดูอยู่เนี่ย! รออีกแป๊บนึง” ทหารแอบซุ่มมองจากทางหน้าต่างอย่างไม่เต็มใจนัก อยากจะออกไปลิ้มลองสักครั้งหนึ่ง ขอคำเดียวก็ได้
“โอเค…รีบลงไปซะ ถึงตาฉันล่ะ!” เมื่อพูดจบ ทหารที่อยู่ด้านหลังก็ผลักเขาออกไปและปีนขึ้นไปดูด้วยตัวเอง
ให้ตายเถอะ พวกทหารชิงเหย้ามีความสุขกันเหลือเกินนะ มีอาหารให้กินด้วย พวกนั้นจะกินเนื้อกันใช่ไหม? กลิ่นหอมกรุ่นเชียว!
อย่างไรก็ตาม เหล่าทหารชิงเหย้าพวกนี้ไม่ได้ทำสงครามอย่างจริงจังนัก และตอนนี้พวกเขายังมีเวลามาปิกนิกกันอีกเหรอ?
พวกเขาไม่กลัวว่าคนจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์จะจู่โจมกะทันหันหรือไง?
เชลยที่ถูกคุมขังอยู่ที่นี่ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ของพวกเขากำลังเผชิญหน้าอยู่ว่าวิกฤตการณ์ทำลายล้าง
ขณะที่ยานรบของจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์รีบกลับไปด้วยความเร็วสูงสุด เนื่องจากยังมีสมาชิกครอบครัวของจอมพลอีกหลายคนที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงของพวกเขาหวาดกลัวว่าเมื่อกลับไปแล้วจะต้องเผชิญหน้ากับร่างที่ไร้วิญญาณของลูก ๆ และภรรยา
ขณะนี้จักรวรรดิปีกพิสุทธิ์กำลังตกอยู่ในภัยอันตราย เหล่าเอเลี่ยนทั้งหลายค้นพบทางเข้าชั้นใต้ดินจำนวนมาก และหลังจากนั้นเลือดสีแดงสดก็ไหลลงสู่แม่น้ำ
มีเพียงกองทัพปีกพิสุทธิ์จำนวนหนึ่งในสามเท่านั้นที่รีบกลับมา จำนวนตัวเลขเหล่านี้เปรียบเสมือนหยดน้ำในมหาสมุทรเมื่อเทียบกับจำนวนของเอเลี่ยน
ทหารจำนวนนี้น้อยเกินไป!
ยิ่งไปกว่านั้นความแข็งแกร่งของเอเลี่ยนพวกนี้อยู่ในระดับสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอสุรกายหุ้มเกราะที่อยู่ในระดับ 9 ดาว และที่เหลืออยู่ในระดับ 6-8 ดาว
ผู้คนจากจักรวรรดิอื่นได้รับสาสน์ข้อความช่วยเหลือจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ เนื่องจากผลตอบแทนคือพืชพลังงาน จักรวรรดิทั้งหลายจึงกระตือรือร้นที่จะส่งกองกำลังมาช่วยเหลือพวกเขา
เหมยหมี่ยืนอยู่ในห้องใต้ดินด้วยท่าทีสงบนิ่ง ฟังเสียงกรีดร้องที่ดังเล็ดลอดมาจากด้านนอก เธอได้ยินแม้กระทั่งเสียงเอเลี่ยนขนาดมหึมาที่พลิกคว่ำอยู่เหนือศีรษะของเธอ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเอเลี่ยนคงจะถูกค้นพบในไม่ช้าและจบสิ้นลง
สาวใช้ทั้งหลายรู้สึกหวาดกลัวจนเริ่มร้องไห้ แม้แต่สีหน้าขององครักษ์ยังเปลี่ยนไป
“จะร้องไห้ทำไม?” เหมยหมี่พูดเบา ๆ “ถ้าเจ้าตายทุกคนก็ต้องตายเหมือนกันนั่นแหละ เรายังไม่กลัว แล้วพวกเจ้าจะกลัวอะไร?”
สาวใช้ทั้งหลายมองดูเหมยหมี่ที่อยู่ในท่าทีสุขุมตลอดเวลาด้วยน้ำตานองหน้า ปาดน้ำตาออกเงียบ ๆ และไม่กล้าพูดอะไรอีก
สเปนเซอร์มองมาที่ลูกสาว เขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่เขาไม่ยอมฟังลูกสาวและเรียกกองทัพกลับมา
“ตอนนี้จะทำยังไงกันดีเพคะ? เสด็จพี่ น้องกลัว!” หลี่ผิงผิงปาดน้ำตา “ไม่รู้ว่าพี่ชายอยู่ที่ไหน ถ้าพี่รู้ว่าน้องติดอยู่ที่นี่ พี่ชายคงรีบมาช่วยน้องแล้ว!”
เหมยหมี่พูดไม่ออก
ขณะครุ่นคิดในใจ อย่าคิดพึ่งพาท่านลุงเลยเพคะ! บางทีเขาอาจจะรอให้ท่านไปช่วยอยู่ก็ได้!
ใช่ไหมล่ะ? ตอนนี้จอมพลหลี่จื้อผิงได้ตกลงมาสู่วันที่มืดมิดที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว!
เขายังไม่ตาย! เพียงแต่ถูกอสุรกายยักษ์ห้วงดวงดาวลากเข้ามาในถ้ำ
ถ้ำแห่งนี้อยู่บนดาวเคราะห์ที่ไกลโพ้นและรกร้างมาก อีกทั้งสภาพอากาศบนนี้ก็ย้ำแย่มากเช่นกัน มีเพียงเมฆสีเหลืองเข้ม ทราย และก้อนหิน ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต!
อสุรกายตัวนี้มีขนาดใหญ่มาก!
ยานรบอันใหญ่โตและงดงามของพวกเขาเป็นเหมือนของเด็กเล่นเมื่ออยู่ตรงหน้ามัน และสามารถโลดแล่นได้อย่างอิสระในปากของมัน
ภายในของยานรบสั่นสะเทือนอย่างผิดปกติจนทำให้พวกเขาอาเจียนออกมาตลอดจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
อสุรกายยักษ์ตัวนี้ปกคลุมไปด้วยขนหนา หากมองลอดหน้าต่างบานเล็กของยานรบออกไปจะพบว่ามันมีขนสีขาวปกคลุมไปทั่วทั้งตัวอย่างชัดเจน
แต่ไม่สามารถเห็นภาพรวมทั้งหมดได้
ทุกคนเม้มริมฝีปากแน่น หวาดกลัวว่าจะเผลอส่งเสียงอะไรออกไปจนอสุรกายยักษ์ตัวนี้ค้นพบพวกเขา และเทพวกเขาลงไปในปากของมันราวกับเม็ดถั่ว
“จอมพล เราจะทำยังไงกันดีครับ?” ผู้ช่วยพันเชือกเอาไว้รอบเอวของเขาอย่างแน่นหนา และผูกติดกับราวบันไดเพื่อไม่ให้ตัวเองกลิ้งไปมา
คนอื่นก็ทำแบบนี้เช่นกัน
ตอนนี้หลี่จื้อผิงกำลังรู้สึกเวียนหัวและสับสน ไม่ได้สนใจที่จะตอบคำถามของผู้ช่วยด้วยซ้ำ!
ก่อนหน้าที่จะทุบตีเขา ทำไมไม่นึกถึงว่าเขาเป็นจอมพลบ้างล่ะ!?
เมื่อผู้ช่วยคนอื่นเห็นเช่นนั้น และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง อสุรกายยักษ์ก็หยิบฉวยของของพวกเขาไปเสียก่อน และกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง
ทำให้พวกเขาต้องประสบกับความตื่นตระหนกครั้งใหญ่อีกครั้ง
คอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ร้องคร่ำครวญอย่างอ่อนแรง
“ล้มเหลว…ล้ม…ล้ม…เหลว…”
ดูเหมือนว่าอสุรกายยักษ์จะชอบฟังเสียงนี้มาก ทุกครั้งที่มันได้ยินเสียงดังกล่าว มันเอาหูเข้ามาแนบกับยานรบและตั้งใจฟัง
เมื่อไหร่ก็ตามที่เสียงหยุดไป มันก็หยิบขึ้นมาและปาลงกับพื้นอีกครั้ง…
“ไอ้คอมพิวเตอร์เวรนี่!” ทุกคนต่างสาปแช่งมันอยู่ในใจ!
พลังทำลายล้างช่างมีอยู่เหลือเฟือ!
หลังจากโยนทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นเวลาสามชั่วโมงกว่า อสุรกายตัวร้ายก็ผล็อยหลับไป
“หยุดได้สักที!”
ทุกคนต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก
“รีบไปปิดคอมพิวเตอร์ซะสิ!” จอมพลหลี่จื้อผิงพูดออกมาอย่างโกรธจัด ร่างกายของเขาแข็งทื่อเหมือนกับท่อนไม้มากขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้ามัวหมองจนเดาอะไรไม่ออก
ผู้ช่วยทั้งหลายต่างเพิกเฉยต่อเขา
ในที่สุดก็ได้มีเวลาพักหายใจสักที มาโน้มตัวลงนอนสักพักหนึ่งเถอะ!
ว่ากันตามตรงตอนนี้พวกเขารู้สึกว่าจิตใจของพวกเขาว้าวุ่นและได้ยินเสียงหึ่ง ๆ อยู่ตลอดเวลา
หลี่จื้อผิงรู้สึกถึงท้องที่ว่างเปล่า จึงหยิบปุ่มมิติกักเก็บที่เต็มไปด้วยเสบียงอาหารออกมาจากร่างกาย ซึ่งภายในล้วนเต็มไปด้วยอาหารเสริม
โดยปกติจอมพลหลี่จื้อผิงจะไม่แยแสอาหารเสริมด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ เขาที่ไม่ได้ชอบมันกลับกำลังดื่มเข้าไปอึกใหญ่!
“ขอพวกเรามั่งสิ!”
ผู้ช่วยแบมือออกทั้งสองข้าง และร้องขอ
“ฮึ่ม! ไม่!” หลี่จื้อผิงปฏิเสธอย่างเย็นชา!
เขาเป็นถึงจอมพล! แต่ผู้ช่วยพวกนี้กลับทำให้เขาโกรธเคืองถึงหลายครั้ง ดังนั้นเขาจะไม่ให้อาหารแก่คนพวกนี้!
“โอเค! จะไม่ให้สินะ!” ผู้ช่วยเย้ยหยัน “ต่อให้พวกเราอดตาย ยังไงซะท่านก็ไม่รอดหรอก!”
“ท่านก็น่าจะเคยเห็นนะว่าดาวเคราะห์ดวงนี้มันรกร้างขนาดไหน ถึงอสุรกายจะไม่ได้ชอบเล่นกับยานรบลำนี้มากนัก แต่ท่านคิดว่าด้วยความแข็งแกร่งและความสามารถของท่านจะสามารถเอาตัวรอดออกไปจากที่นี่ได้หรือไง?”