สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 355 สงครามการเมืองของจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์
ตอนที่ 355 สงครามการเมืองของจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์
ตอนที่ 355 สงครามการเมืองของจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์
เธอยักไหล่ “องค์หญิงเหมยหมี่ล้อกันเล่นหรือไง? นากาเป็นถึงเอเลี่ยนระดับ 10 ดาว เราจะไปจัดการอะไรได้?”
“ถ้าท่านมีความสามารถนักก็ทำให้มันปล่อยมือซะสิ”
เหมยหมี่กัดฟันแน่น จ้องมองไปทางสวี่หลิงอวิ๋น และยิ้มเยาะ “ไม่เป็นไร ท่านเอามันกลับไปด้วยเถอะ”
สวี่หลิงอวิ๋นดีดนิ้ว “ก็ได้ ขอบใจท่านมาก!”
หลังจากมองดูผู้คนจากจักรวรรดิชิงเหย้าออกไป ผู้คนจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ก็เข้ามา
นอกจากจอมพลคาซีแล้ว จอมพลคนอื่นก็ค่อย ๆ ลงจอดจากเหนือน่านฟ้าจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์แล้วลงมายังพื้นดิน
ผู้คนที่ซ่อนตัวอยู่ในชั้นใต้ดินได้รับความช่วยเหลือจากเหล่าทหาร พวกเขามองดูท้องฟ้าที่ลับสายตาไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น
เอเลี่ยน! ชื่อนี้ช่างเป็นที่น่าสยดสยองนัก!
“องค์หญิงเหมยหมี่ ท่านช่วยบอกทีว่าตอนนี้จะเอาอย่างไรกันดีพ่ะย่ะค่ะ?!” จอมพลคนหนึ่งเดินเข้ามาและจ้องมองเธออย่างไม่แยแส
“ท่านคงไม่ได้อยากจะมอบพืชพลังงานกับดาวเคราะห์ให้พวกจักรวรรดิชิงเหย้าจริง ๆ หรอกใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?!”
จอมพลนาสยาเป็นคนแรกที่โพล่งขึ้นมา ชายรูปร่างอวบเผยให้เห็นความเย่อหยิ่งในแววตาเล็กน้อย
วันนี้ราชวงศ์แห่งจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์อ่อนแอลง และหญิงสาวผู้ดูเหมือนตุ๊กตาคนนี้จะกลายเป็นจักรพรรดินีคนต่อไปอย่างนั้นเหรอ?
เฮอะ ๆ เขาไม่ยอมรับหรอก!
เธอเป็นผู้หญิง แล้วผู้หญิงจะมีความสามารถและความเด็ดขาดพอที่จะปกครองจักรวรรดิเหมือนผู้ชายได้อย่างไร?!
เหมยหมี่จ้องมองนาสยาด้วยสายตาเย็นชา “โอ้ เราไม่ยักจะรู้ว่าจอมพลนาสยามีข้อคิดเห็นอะไรด้วย?”
“ข้อคิดเห็น? กระหม่อมไม่สามารถพูดเช่นนั้นได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมแค่อยากถามว่าฝ่าบาทมีแผนการอะไรต่อไป” จอลพลนาสยาพูด “ถ้าต้องตอบแทนพวกจักรวรรดิชิงเหย้าด้วยสิ่งของมากมายหลายอย่าง กระหม่อมก็อยากจะถามท่านว่า ท่านรู้ไหมว่าจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ของเราจะล้าหลังไปอีกกี่ปี!?”
“…อย่างน้อยก็ตั้งห้าปีเชียวนะพ่ะย่ะค่ะ! ท่านรู้บ้างไหม?!”
จอมพลคนอื่นมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา และทุกสายตาก็จับจ้องมาที่เหมยหมี่
เมื่อใดก็ตามที่องค์หญิงเหมยหมี่แสดงความอ่อนแอออกมา พวกเขาจะร่วมมือกันต่อต้านเธอ
แน่นอนว่าองค์หญิงเหมยหมี่รู้เรื่องนี้ดี เธอจ้องมองคนพวกนั้นกลับด้วยสายตาเย็นชา
คนเหล่านี้เคยให้เกียรติและสุภาพกับเธอมาก่อน แต่เมื่อพ่อของเธอจากไป คนพวกนี้ก็เร่งรีบเข้ามาราวกับเอเลี่ยนผู้ตะกละตะกลามทันที!
“ตอนนี้กระดูกของเสด็จพ่อยังไม่ทันเย็นด้วยซ้ำ พวกท่านก็เข้ามาสร้างปัญหาให้เราในช่วงสำคัญแล้วเหรอ?!”
เหมยหมี่เยาะเย้ย “เอาล่ะ ใครคิดว่าแก้ปัญหาได้ คนนั้นก็ไปแก้ปัญหาเองแล้วกัน!”
“ก่อนหน้านี้ที่จักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ถูกปิดล้อมพวกท่านไปอยู่ไหนกัน? โอ้ ลืมไป! พวกท่านทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่นา ถึงไม่กล้าแม้แต่นำยานลงจอดที่นี่กัน!”
เธอมองดูกำแพงที่พังทลายลงอยู่รอบตัว ผู้คนทั้งหลายเดินออกมาจากใต้ดินด้วยความลำบาก
“พวกท่านมาเพื่อกล่าวโทษเรางั้นเหรอ? จะให้เราตัดสินใจสินะ? ได้เลย แต่พวกท่านฟังอยู่หรือเปล่าล่ะ? ถ้าฟังอยู่ เราก็จะตัดสินใจซะเดี๋ยวนี้ แต่ถ้าไม่ฟัง พวกท่านก็ตัดสินใจกันเอาเองเถอะ”
คำพูดของเหมยหมี่ทำให้ชายชราทั้งหลายหน้าแดงก่ำ ถึงพวกเขาจะขี้ขลาดในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่ว่า!
“ฮึ่ม! ถ้าพ่อของท่านไม่เอาแต่ทำตามใจชอบ และยืนกรานให้กองทัพทั้งหมดออกไป พวกเอเลี่ยนจะบุกเข้ามาโจมตีจักรวรรดิของเราได้ง่ายดายแบบนี้เหรอ?”
“เฮอะ! ท่านพูดแบบนี้ไม่ละอายใจบ้างหรือไง?” เหมยหมี่พูดเยาะเย้ย “ถึงเราจะมีทางออกให้พวกระดับ 9 ดาว โดยบอกว่ากองทัพสามารถปกป้องเมืองหลวงได้ แต่แล้วพวกระดับ 10 ดาวนั่นล่ะ?”
เหมยหมี่มองดูเขา และเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มหัวร้อน เธอจึงพูดว่า “ท่านควรจับอสุรกายยักษ์ระดับ 10 ดาวตัวนั้นมาให้เรา!”
อสุรกายยักษ์ระดับ 10 ดาวจะถูกตัวมาจับง่ายดายดั่งคำพูดได้อย่างไร?!
จอมพลนาสยาโพล่งออกไปอย่างขุ่นเคือง “ท่านกำลังต่อล้อต่อเถียง!”
“บางทีอสุรกายระดับ 10 ดาวนั่นอาจจะถูกพวกเอเลี่ยนดึงดูดมา!”
“อ๋อ อย่างงั้นเหรอ?” องค์หญิงเหมยหมี่ยิ้มเยาะ “งั้นท่านช่วยบอกเราหน่อยสิว่ามันถูกเอเลี่ยนดึงดูดมาได้อย่างไร?”
“ในเมื่อจอมพลนาสยามีข้อชี้แนะมากมายนัก อย่างนั้นก็ช่วยบอกเราทีว่าตอนนี้เราควรจะทำอย่างไร?”
จอมพลนาสยายืนหลังตรงหลังจากได้ยินเหมยหมี่พูดเช่นนั้น “เราจะมอบพืชพลังงานกับดาวเคราะห์ให้พวกเขาไม่ได้”
“มอบพืชพลังงานกับดาวเคราะห์ให้พวกเขาไม่ได้?” เหมยหมี่รู้สึกราวกับได้ยินเรื่องตลกฉากใหญ่ เธอลุกขึ้นยืนและหัวเราะเสียงดังลั่น!
จอมพลนาสยาจ้องเขม็งไปที่องค์หญิงเหมยหมี่ เธอรู้สึกราวกับถูกท้าทายศักดิ์ศรี “ท่านหัวเราะอะไร?!”
องค์หญิงเหมยหมี่ส่ายหัว จ้องมองไปที่จอมพลด้วยสายตาเหยียดหยาม “เราแค่หัวเราะที่ท่านไม่รู้เรื่องรู้ราว และหัวเราะที่ท่านเป็นตาเฒ่าเจ้าเล่ห์แต่กลับมีมุมมองที่โง่เง่าดื้อด้านอย่างไม่น่าเชื่อ!”
“ถ้าอย่างงั้นเราจะป่าวประกาศทั่วทั้งอินเทอร์เน็ต เพื่อให้ประชาชนปีกพิสุทธิ์เป็นสักขีพยานว่านี่คือความคิดของท่าน ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับราชวงศ์ปีกพิสุทธิ์ของเรา!”
จอมพลนาสยาได้ยินแล้วจะตอบตกลงหรือไม่?! เขาจะกล้าทำแบบนั้นได้อย่างไรกันเล่า!
เพราะนี่คือการทำลายชื่อเสียงของตัวเขาเอง!
“นี่คือสิ่งที่ราชวงศ์ทำลงไป พวกท่านต้องรับผิดชอบ!”
“พวกเราต้องรับผิดชอบ?” องค์หญิงเหมยหมี่ยิ้มเยาะขณะมองดูเขา ส่ายหัวและพูดว่า “ท่านคิดว่าเราสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเองอย่างนั้นเหรอ?”
“ท่านยังเด็ก ท่านต้องให้ผู้ใหญ่อย่างพวกกระหม่อมช่วยพ่ะย่ะค่ะ” จอมพลนาสยาพูดออกมาอย่างมีชัย “ไม่ต้องให้กระหม่อมพูดก็รู้ว่าเงื่อนไขที่ท่านมอบให้คนพวกนั้นค่อนข้างเหนืออภิสิทธิ์ กระหม่อมจะเป็นคนบอกให้ว่าควรมอบพืชพลังงานชนิดไหนให้พวกเขาบ้าง”
องค์หญิงเหมยหมี่จ้องมองเขาอย่างเย็นชา “เอาสิ จอมพลนาสยา เราจะไว้หน้าท่านแล้วกัน เพราะงั้นท่านไม่ต้องทำหน้าจริงจังไปนักหรอก”
“ท่านหมายความว่าอย่างไร? องค์หญิงเหมยหมี่” คำพูดขององค์หญิงเหมยหมี่ทำให้เขาอับอาย “อย่าได้โอหังไปนักเลย อย่าลืมสิว่าราชวงศ์ไม่เหมือนเดิมแล้ว ท่านก็อย่าทำตัวหยิ่งทะนงให้มากนัก!”
“ก็เราเป็นแบบนี้ ท่านจะทำอะไรเราได้?” องค์หญิงเหมยหมี่เย้ยหยันขณะมองดูเขา
“อย่าได้เที่ยวคิดว่าอาวุโสแล้วจะดูถูกใครก็ได้ ตอนนี้จักรวรรดิปีกพิสุทธิ์รวมกันเป็นหนึ่งแล้ว ท่านคิดว่าจะทลายข้อพิพาทได้เหรอ?”
เหมยหมี่หันหลังกลับไป เธอขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับเขา
“ถ้าท่านอยากจะเป็นตัวแทนจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ ก็ตามสบาย เราจะส่งต่อการเจรจาต่อรองให้กับท่าน แต่เราไม่สามารถรับประกันได้ว่าประชาชนชาวชิงเหย้าจะขุ่นเคืองและปล่อยให้อสุรกายยักษ์ระดับ 10 ดาวเข้ามาระบายความโกรธอีกหรือเปล่า”
“แล้วก็เราได้บันทึกคำพูดทุกอย่างของท่านเอาไว้แล้ว เราไม่รังเกียจที่จะส่งต่อถ้อยคำพวกนี้ให้กับประชาชนหรอกนะ” เหมยหมี่พูด “เราอาจจะต้องแบกรับความผิดพลาดของราชวงศ์ แต่เราจะไม่ปล่อยให้ท่านทำสิ่งโง่เขลาจนปีกพิสุทธิ์ต้องเจอกับเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเด็ดขาด”
“ถ้าท่านทำตัวมีปัญหานัก เราจะบอกจักรวรรดิชิงเหย้าตามความเป็นจริง และสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป มันจะไม่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์ปีกพิสุทธิ์อีก!”
จอมพลนาสยาโกรธจัดจนร่างกายสั่นเทา หัวใจของเขากระชับแน่น
เด็กสาวคนนี้คิดจะเล่นสกปรกกับเขาอย่างนั้นเหรอ?
จอมพลคาซีจ้องมองกลุ่มจอมพลนาสยาด้วยสายตาเยาะเย้ย “พวกท่านนี่มันเหลือเกิน พอฝ่าบาทเสด็จสวรรคตแล้วก็คิดจะบีบบังคับองค์หญิงเหมยหมี่อย่างนั้นเหรอ?”
“พวกท่านไม่มองดูความยุ่งเหยิงของจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์กันบ้างเลย ไม่มองดูประชาชนที่บาดเจ็บล้มตาย พวกท่านได้แต่ฉวยโอกาสเข้ามาแล้วก็ชี้นิ้วสั่งกันอย่างเดียว” จอมพลคาซีพูด “ตามที่องค์หญิงเหมยหมี่บอก ถ้าพวกท่านมีความสามารถกันนักก็จัดการกันเองซะ!”
ใครจะสามารถจัดการได้?!
อย่างน้อยจอมพลนาสยาก็ไม่สามารถรับมือได้!
มันคือปัญหาใหญ่หลวง! เดิมทีเขาแค่ปล่อยให้เหมยหมี่ออกหน้ามาเป็นหุ่นเชิดเพื่อสร้างบารมีให้ตัวเองเท่านั้น
แต่แล้วตอนนี้ล่ะ?! เขายิ่งรู้สึกเกลียดมากเมื่อเห็นจอมพลคนอื่นหันหลังกลับไปเงียบ ๆ!