สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 366 สิ้นสุดการเจรจา
ตอนที่ 366 สิ้นสุดการเจรจา
ตอนที่ 366 สิ้นสุดการเจรจา
เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ไม่สามารถสวมบทบาทเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเจรจาต่อรองกับจักรวรรดิชิงเหย้าได้เลย
ชนชั้นสูงพวกนี้กลัวว่าตัวเองจะเสียผลประโยชน์ และฝ่ายเจรจาของจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ก็ทำการเจรจาไม่ได้เรื่องเลยสักนิด
การเจรจาถูกล้มเลิกทันทีที่เริ่มต้นขึ้น เนื่องจากหนึ่งในฝ่ายเจรจาของจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ค้นพบว่าตัวเองเสียผลประโยชน์ในครั้งนี้
เยี่ยมไปเลย ยังไม่ทันได้เริ่มเจรจา การเจรจาก็ถูกล้มเลิกอีกครั้ง…!
ครั้งแล้วครั้งเล่าจนสวี่หลิงอวิ๋นโกรธจัด! และพลิกโต๊ะเจรจาจนล้มตึงในคราวเดียว!
เธอหยิบปากกาขึ้นมาและวาดเส้นตรงไปที่ยังพื้นที่ของจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ที่อยู่ใกล้กับจักรวรรดิชิงเหย้า “พอเถอะ! ฟังเสียงโหยหวนของพวกท่านแล้วน่ารำคาญชะมัด!”
“นักภูมิศาสตร์ช่วยมาดูด้วยว่านี่พอสำหรับยี่สิบเปอร์เซ็นต์หรือยัง?! ถ้ายังไม่พอก็เพิ่มใส่เข้าไปอีก!”
สวี่หลิงอวิ๋นมองดูผู้คนจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าง และพบว่าการแสดงออกของพวกเขาเปลี่ยนไป!
บนภาพวาดนี้มีดาวเคราะห์ทรงคุณภาพอยู่ตั้งกี่ดวง?! ยอดเยี่ยมกว่าที่เจรจาในตอนแรกเสียอีก!
“องค์หญิงสาม อย่าให้มันมากเกินไปนักเลย! นี่คือการเจรจาระหว่างสองจักรวรรดิ ถ้าไม่เห็นความสำคัญอะไรก็มาสู้กันอีกครั้ง!”
ชนชั้นสูงผู้ที่ได้รับการพิจารณาว่าแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ผู้คนรีบลุกขึ้นยืน และเตรียมต่อสู้กับสวี่หลิงอวิ๋นทันที!
สวี่หลิงอวิ๋นได้ยินดังนั้น และปรบมือ “ตกลง! เรารับคำท้าของท่าน!”
เสี่ยวอ้ายและนากาที่อยู่ด้านหลังลุกขึ้นยืน “โฮ่ง! อยากต่อสู้เหรอ?! ดีเลย! เสี่ยวอ้ายชอบต่อสู้! โฮ่ง!”
ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตระดับ 10 ดาวทั้งสองตัวจะเคลื่อนย้ายไปทางไหน ใบหน้าของเหล่าชนชั้นสูงก็ยิ่งบิดเบี้ยวมากขึ้นเท่านั้น
“องค์หญิงสาม ท่านกำลังทำอะไร? การเจรจาก็คือการเจรจา การที่ท่านเอาอสุรกายระดับ 10 ดาวทั้งสองตัวนี้มาด้วยหมายความว่าอย่างไร?!” ชนชั้นสูงมองดูสวี่หลิงอวิ๋นด้วยความไม่พอใจ “กระหม่อมก็แค่พูดไปเรื่อย ท่านจะจริงจังไปทำไม?”
“เราจะจริงจังไปทำไมอย่างนั้นเหรอ?” สวี่หลิงอวิ๋นเยาะเย้ย นั่งลงและพูดกับฝ่ายเจรจาว่า “ก็แค่พูดถึงเงื่อนไขของพวกท่านไง เฮอะ ไร้ยางอายชะมัด ทีตอนเราพูดกับพวกท่านดี ๆ พวกท่านกลับพูดเรื่องเงื่อนไข แล้วตอนที่พวกท่านได้ผลประโยชน์ทำไมไม่พูดแบบนี้ออกมาบ้างล่ะ? การต่อสู้ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนักหรอก! และพวกเราก็ไม่กลัวสงครามอะไรทั้งนั้น!”
ฝ่ายเจรจาของจักรวรรดิชิงเหย้าหัวเราะลั่น ขณะที่ความโกรธเคืองแทบจะถลนออกมาจากเบ้าตาของผู้คนจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์!
หัวใจของชาวปีกพิสุทธิ์กระชับแน่น ทุกคนจ้องมองไปที่ชนชั้นสูงอาวุโสด้วยความเกลียดชัง หากไม่ใช่เพราะเขา การเจรจาจะชะงักแบบนี้เหรอ?!
หลังจากการเจรจาสิ้นสุดลง ผิวหนังของชาวปีกพิสุทธิ์ก็ถูกถลกออกจนย่อยยับ!
ชาวชิงเหย้ารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก ในขณะที่ใบหน้าของชาวปีกพิสุทธิ์แข็งทื่อราวกับต้นไม้
เมื่อข่าวชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของฝ่ายเจรจาดังสนั่นมาถึงจักรวรรดิชิงเหย้า ทั่วทั้งจักรวรรดิก็อยู่ในความปีติยินดี
สำหรับพันธมิตรทั้งสองของจักรวรรดิชิงเหย้า ชิงเหย้าไม่ใช่จักรวรรดิที่ขี้งก พวกเขาจึงส่งมอบพืชพลังงานทั้งสองชนิดเป็นรางวัลให้กับทั้งสองจักรวรรดิ
ของรางวัลชิ้นนี้เป็นรางวัลชิ้นใหญ่!
ผู้คนจากทั้งสองจักรวรรดิรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก ไม่คาดหวังว่าพวกเขาจะได้รับของรางวัลชิ้นใหญ่โดยไม่ต้องลงแรงหนัก แล้วพวกเขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไร!?
ชาวปีกพิสุทธิ์กำลังกัดผ้าเช็ดหน้าเพื่อระบายความโกรธ พวกเขาโกรธที่คนพวกนี้เอาข้าวของของพวกเขาไปแจกจ่าย การเอาของของพวกเขาไปมอบเป็นสิ้นน้ำใจให้คนอื่นมันช่างเป็นเรื่องน่าโมโหนัก!
ขณะที่ผู้คนบนดาวเคราะห์จำนวนยี่สิบเปอร์เซ็นต์กำลังทำการโยกย้าย!
จักรวรรดิชิงเหย้าไม่ต้องการให้ประชากรที่อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์เหล่านั้นต้องโยกย้าย แต่ก็ไม่ได้คัดค้านเช่นกัน
เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือดาวเคราะห์ ต่อให้ไม่มีคนอาศัยอยู่ก็ไม่เป็นไร!
ยานอวกาศของจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ลอยตัวอยู่เหนือดาวเคราะห์ดวงดังกล่าว ใครก็ตามที่เต็มใจจะย้ายออกสามาถก้าวขึ้นมาบนยานอวกาศและออกไปได้ จักรวรรดิจะจัดเตรียมบ้านให้กับพวกเขา เพียงแค่พวกเขาก้าวเท้าขึ้นมาบนยานอวกาศเท่านั้น
ทว่ากลับไม่คาดคิดว่าชาวปีกพิสุทธิ์จะไม่ยอมเคลื่อนไหว! มีเพียงผู้บัญชาการระดับสูงเท่านั้นที่ย้ายออกมา ชาวบ้านธรรมดาไม่เต็มใจที่จะย้ายออก!
ถึงจะบอกว่าดาวเคราะห์ที่จัดสรรให้พวกเขามีสิ่งที่เอื้ออำนวยความสะดวกมากมายก็ตาม!
“ตอนนี้จักรวรรดิชิงเหย้าแข็งแกร่งมาก พวกเราไม่ใช่คนโง่ ทำไมจะต้องย้ายออกด้วย?!”
นี่คือคำพูดของผู้เป็นพ่อที่พูดกับลูกสาว ถึงเขาจะมีอายุมากแล้ว แต่ก็ยังมองดูปัญหาด้วยความเป็นจริง
“ใช่ค่ะพ่อ!” ลูกสาวดันแว่นตาขึ้น และพูดว่า “ชาวปีกพิสุทธิ์ก็รู้ว่าตอนนี้ราชวงศ์อ่อนแอขนาดไหน ภายในสิบปีข้างหน้าจะต้องระส่ำระสายแน่ และมันคงจะไม่ดีสำหรับชาวบ้านธรรมดาอย่างพวกเรา”
นี่คือสิ่งที่ผู้คนสามารถรับรู้ได้ และไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ถึงจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์จะรู้สึกเสียหน้า ทว่าพวกเขากลับทำอะไรไม่ได้
อาคาลมองดูน้องสาว “ทำไมน้องไม่เข้าจัดการงานเจรจาล่ะ?”
“น้องจัดการ?” เหมยหมี่ยิ้มเล็กน้อย “ตาแก่พวกนั้นคงกังวลว่าพวกเขาจะไปทำอะไรขัดขาเข้า!”
“ตอนนี้อย่าเพิ่งทำอะไรเลยดีกว่าเพคะ ถ้าเราทำมากกว่านี้ ปัญหาจะกลายมาเป็นของเรา” เหมยหมี่พูดขึ้นขณะรถน้ำดอกไม้ “พี่ชาย จำไว้ให้ดีว่าตอนนี้เราต้องหัดเป็นคนหูหนวกไปก่อน”
อาคาลพยักหน้า
นักเรียนชั้นปีที่หนึ่ง หัวหน้าประจำชั้นปีที่สอง สาม และสี่ของจักรวรรดิชิงเหย้ากลับมาที่สถาบัน
เนื่องจากนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งมีส่วนร่วมในการทำสงครามครั้งนี้เช่นกัน ทางสถาบันจึงจัดตั้งการประชุมพิเศษเพื่อมอบเหรียญรางวัลให้กับนักเรียนเหล่านี้ และเหรียญดังกล่าวได้รับการออกแบบเป็นพิเศษจากกองทัพทหาร
นอกจากนี้ หากนักเรียนทั้งหลายเต็มใจ กองทัพทหารทั้งหลายก็ยินดีจะมาทำสัญญากับพวกเขาถึงที่!
และนั่นทำให้นักเรียนคนอื่นรู้สึกอิจฉาริษยา!
โดยเฉพาะนักเรียนระดับชั้นปีที่หนึ่งที่กำลังจะได้เลื่อนขั้นเป็นระดับเจ็ดดาว พวกเขาถึงกับทุบหน้าอกของตัวเอง ช้าไปเพียงแค่นิดเดียว แต่โชคชะตากลับแตกต่างกันลี้ลับ!
ไกอาได้รับความดีความชอบมากที่สุด เขาได้รับรางวัลชั้นหนึ่งโดยตรง! นี่คือผลอันดีงาม! แม้แต่จอมพลและพลเอกก็ไม่อาจได้รับความดีความชอบเช่นนี้!
เนื่องจากเขายังไม่สำเร็จการศึกษา แม้จะได้เลื่อยยศไปเป็นพลตรี แต่ก็ยังต้องอยู่ในสถาบันอยู่ดี!
เขากับอลิซาเบธที่เป็นแฟนสาวทำได้เพียงโบกมือลากันทั้งน้ำตา
วันนี้นักเรียนระดับชั้นปีที่หนึ่งของสถาบันการศึกษาทางการทหารของจักรวรรดิชิงเหย้าไม่ใช่นักเรียนระดับชั้นปีที่หนึ่งที่ถูกกลั่นแกล้งและร้องไห้หาหัวหน้าอีกต่อไป!
พวกเขาคว้าระดับ 7 ดาวและ 8 ดาวมาได้อย่างง่ายดาย จะมีชั้นปีไหนที่เทียบเทียมกับพวกเขาได้อีก?
ตอนนี้นักเรียนทั้งหมดล้วนเชื่อข้อเท็จจริงที่ว่าองค์หญิงสามจะต้องมีวิธีการทำให้ผู้คนเลื่อนขั้น!
คณบดีพูลแมนตามหาสวี่หลิงอวิ๋น และสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้
สวี่หลิงอวิ๋นยอมรับอย่างง่ายดาย และกล่าวว่าวิธีการเลื่อนขั้นของเธอนั้นจัดทำขึ้นเพื่อให้นักเรียนทั้งหลายได้รับการเลื่อนขั้น และจำเป็นต้องมีเงื่อนไข
เธอยังเรียกหาลุคและคนอื่น ๆ จากนั้นจึงขอให้คณบดีแผ่ขยายพลังจิตออกมาเพื่อดูสถานการณ์ดังกล่าวโดยเฉพาะ และทันทีที่คณบดีแผ่ขยายพลังจิตเข้าไป เขาก็ถูกต้นกล้าตัวน้อยทุบตีอย่างไร้ความปรานี!
คณบดีรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวไปถึงกะโหลก ทว่าโชคดีที่มันเป็นเพียงร่องรอยทางพลังจิต พักผ่อนไม่กี่วันก็หายดี
“องค์หญิงสาม ท่านพอจะยินดีสอนให้ทุกคนได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ?” ถึงแม้ว่าคณบดีจะถูกทุบตี แต่ว่าความตื่นเต้นของเขากลับมีมากขึ้น!
เขาจ้องมองสวี่หลิงอวิ๋น และเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น