สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 372 อาหารอันโอชะ
ตอนที่ 372 อาหารอันโอชะ
ตอนที่ 372 อาหารอันโอชะ
เสี่ยวอ้ายไม่สามารถตอบได้ว่าทำไม
ในขณะที่สวี่หลิงอวิ๋นระงับอุดมคติด้วยจิตใจที่สงบสุข ทว่าเธอไม่ได้เร่งรีบนัก เพราะเธอยังมีเสี่ยวอ้ายอยู่!
ไม่รู้ว่าใบหน้าของเธอจะยังต้องเจ็บปวดอีกหรือไม่ สวี่หลิงอวิ๋นครุ่นคิด
“ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาหารของเรารึเปล่า แต่ในเมื่อท่านขอให้เรามาที่นี่ นั่นก็หมายความว่าอาหารของเรามีความเป็นไปได้ถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่เหรอ?”
สวี่หลิงอวิ๋นพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “ไม่อย่างนั้น ท่านผู้เฉลียวฉลาดจะปล่อยให้มนุษย์เข้ามาที่ดินแดนของท่านได้ยังไง?!”
นอกจากนี้ยังต้องอดทนต่อการที่มียานอวกาศเคลื่อนตัวเข้ามา ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวเงือกไม่เคยทำมาก่อน!
แม้แต่อาของแลนเซล็อตก็ไม่ได้รับการต้อนรับเช่นนี้!
จักรพรรดิเงือกปรบมือพลางกล่าวชื่นชม “มนุษย์ เจ้าช่างฉลาดจริง ๆ!”
สวี่หลิงอวิ๋นคิดในใจ ไม่ใช่ว่าเธอฉลาดสักหน่อย แม้แต่คนโง่เขลายังคิดได้เลยเถอะ
“เราขอพบกิบสันตัวน้อยของพวกท่านได้ไหม?” สวี่หลิงอวิ๋นครุ่นคิด และได้แต่สงสัยว่าเด็กชายจะหล่อเหลาขึ้นบ้างไหม?!
“ตอนนี้เขากำลังวิวัฒนาการอยู่ และอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ จุดประสงค์ที่พวกเราเชิญท่านมาในครั้งนี้ก็เพื่อต้องการตรวจสอบอาหารทั้งหมดที่ท่านได้มอบให้กิบสันก่อนหน้านี้”
จักรพรรดินีปริปากพูด
สวี่หลิงอวิ๋นชอบเสียงของจักรพรรดินีเป็นอย่างมาก เสียงของเธอช่างไพเราะเหลือเกิน!
จึงได้มีบทกวีที่บรรยายถึงน้ำเสียงว่า ประสานเสียงหนักเบาดั่งไข่มุกเม็ดใหญ่เล็กตกกระทบลงมาบนแผ่นหยก!
“ได้เลย! จักรพรรดินี!” สวี่หลิงอวิ๋นหยิบอาหารออกมาจากปุ่มมิติกักเก็บของเธอ และวางลงบนจานของสาวรับใช้แสนสวย!
ถึงแม้แต่ละจานจะมีอาหารปริมาณเล็กน้อยวางอยู่ แต่ก็มีจานเกือบสิบกว่าใบ!
อาหารทุกประเภทส่งกลิ่นดึงดูด จนทำให้สายตาของชาวเงือกจับจ้องไปยังอาหาร และไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองได้
องครักษ์ชิงเหย้ารู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง!
ใช่แล้ว! นี่คืออาหารอันโอชะของชิงเหย้า! พวกเขารู้ดีว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่อาหารเหล่านี้ถูกยกเสิร์ฟ ผู้คนจะต้องตกตะลึง!
จักรพรรดินีพูดขึ้นอย่างเฉยเมย “ไม่แปลกใจที่หลานไม่ยอมกินอะไรตั้งแต่กลับมา…” หลังจากทานอาหารเข้าไปจำนวนหนึ่ง เขาก็ไม่อาจกลับไปกินอาหารของดาวสมุทรได้อีก!
เดิมทีพวกเขาชื่นชอบการกินปลาดิบและสาหร่ายทะเล และไม่ชอบอาหารที่ปรุงสุก
แต่ดูเหมือนพวกเขากำลังคิดว่าจะเริ่มปรุงสุกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป?
เสี่ยวอ้ายดมกลิ่น “โฮ่ง! ยังมีอีกหลายอย่างที่เสี่ยวอ้ายไม่เคยกิน!”
นากาพยายามเหยียดลำคอระหงเพื่อมองดูอาหาร นั่นไส้กรอกหรืออะไร มันยังไม่เคยกินเลย!
สวี่หลิงอวิ๋นแลบลิ้น “เพราะชาวชิงเหย้าไม่ชอบกินกุนเชียงอันนี้กัน ฉันเลยไม่ได้ทำสำรองไว้ แต่ที่ครั้งนี้ฉันเอากุนเชียงมาด้วยเพราะไม่รู้ว่ากิบสันกินอะไรเข้าไปบ้าง?!”
ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกไข่ปู สวี่หลิงอวิ๋นก็นำติดมาด้วยเช่นกัน!
เสี่ยวอ้ายรู้สึกตะกละขึ้นมาเล็กน้อย
ก็ใช่น่ะสิ! ใครบ้างจะไม่รู้สึกตะกละเมื่อต้องมองดูอาหารที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อน?!
การแสดงออกของนากาช่างไม่สุภาพยิ่งนัก น้ำลายของมันหยดย้อยลงมา!
สวี่หลิงอวิ๋นวางกุนเชียงลงบนจานของพวกมัน แม้แต่ข้าวกับน้ำพริกไข่ปูก็ถูกยกมาวางไว้บนโต๊ะของพวกมันเช่นกัน
เพียงแค่เสี่ยวอ้ายกับนากาอ้าปาก ข้าวในถ้วยขนาดใหญ่ก็หายไปในชั่วพริบตา!
สำหรับกุนเชียง แค่กัดเพียงนิดเดียวก็หมดแล้ว!
เสียงพวกมันเคี้ยวกุนเชียงและข้าวน้ำพริกไข่ปูนั้นดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องจัดเลี้ยง
จักรพรรดิเงือกกับจักรพรรดินีเงือกได้แต่มองดูด้วยความกระตือรือร้น
ดูเหมือนว่าสวี่หลิงอวิ๋นจะไม่ได้สังเกตเห็นอะไร เธอเอื้อมมือออกไปหยิบผลไม้บนจานมากัดกิน
รสชาติของผลไม้พวกนี้ไม่ได้หวานหอม รสชาติของมันค่อนข้างคล้ายกับพืชน้ำเสียมากกว่า
สวี่หลิงอวิ๋นกัดเข้าไปหนึ่งคำ และทำได้เพียงวางผลไม้ลงเงียบ ๆ รสชาติของมันไม่สอดคล้องกับปุ่มรับรสชาติของมนุษย์ยิ่งนัก!
จากนั้นเงือกสาวรับใช้ก็ว่ายเข้ามาพร้อมกับปลาดิบ สวี่หลิงอวิ๋นคีบปลาดิบขึ้นมาและเอาใส่ปาก
“โอ้! นุ่มละมุนลิ้นมาก ไม่ได้กลิ่นคาวเลย! เป็นปลาดิบที่อร่อยมาก!” สวี่หลิงอวิ๋นยกนิ้วโป้งขึ้นพลางกล่าวชมเชยไม่หยุด
จักรพรรดิเงือกกับจักรพรรดินีเงือกตอบรับคำชมอย่างมีสติ และพูดว่า “ปลาดิบนี้เป็นปลาที่หายากที่สุดในดาวสมุทรของเรา พวกมันอร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการและให้พลังงานสูง”
“พวกท่านเป็นแขกผู้มีเกียรติ เราถึงเสิร์ฟปลาดิบนี้ให้”
ไม่อย่างนั้น เราคงไม่ให้อาหารพวกท่านหรอก!
สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้าและมองไปยังปลาในมือด้วยความชื่นชม “เราพอจะซื้อขายปลานี้กันได้ไหม? หรือมอบให้เราสักคู่ได้ไหม?”
“ฮ่า ๆๆ! เจ้าจะเอามันกลับไปเพาะพันธุ์หรือไง?!” จักรพรรดิเงือกพูดอวด “ปลารุ่งอรุณเพาะเลี้ยงไม่ง่ายนักหรอกนะ! ต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและต้องให้อาหารมันด้วยสาหร่ายชนิดพิเศษ ไม่อย่างนั้นปลาจะเฉาตายลงภายในสองวัน!”
อะไรนะ! ปลาตัวหนึ่งเลี้ยงยากขนาดนี้เชียวหรือ?!
สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกผิดหวัง
จักรพรรดินีเงือกตีแขนสามี และพูดเบา ๆ ว่า “เอาไว้พวกท่านใกล้เดินทางกลับเมื่อไหร่ เราจะให้เงือกไปจับมันมาเป็นของขวัญให้พวกท่านคู่หนึ่ง”
ถึงแม้จะรู้ดีว่าพวกมันไม่มีทางอยู่รอด แต่สำหรับผู้คนที่เต็มใจเดินทางมาจากดินแดนอันไกลโพ้นก็สมควรได้รับของขวัญกลับไป…
ตอนแรกไม่รู้ว่าจะมอบของขวัญอะไรให้พวกเขาดี แต่ตอนนี้รู้แล้ว ในเมื่อมนุษย์เอ่ยปากขึ้นมาเอง พวกเขาก็จะไปจับปลาคู่หนึ่งมาให้!
ส่วนไข่มุกรัตติกาลก้อนโต อัญมณีดาวสมุทร และแร่พลังงานในคลัง…
เก็บรักษาเอาไว้ให้หมด!
สวี่หลิงอวิ๋นไม่รู้ว่าเธอขาดอะไรไป หากเธอรู้เข้า บางทีก็อาจจะต้องร้องไห้!
สมบัติเหล่านั้นคุ้มค่ากว่าปลาคู่นี้เป็นอย่างมาก เธอกำลังเก็บของชิ้นน้อยและขว้างของชิ้นใหญ่ทิ้งอยู่ใช่ไหม?!
โชคดีที่เธอไม่รู้!
จักรพรรดิเงือกกับจักรพรรดินีเงือกมองดูเสี่ยวอ้ายด้วยความกระตือรือร้น หลังจากที่พวกมันกินกุนเชียงกับข้าวน้ำพริกไข่ปูหมดแล้ว พวกมันก็หันมาจดจ่ออยู่กับปลาดิบที่วางอยู่ด้านหน้า
พวกมันเคยหลงใหลในปลาดิบเป็นอย่างมาก ทว่าตอนนี้มันกลับยากที่จะกลืนลงคอ
สงสัยว่ากุนเชียงจะมีรสชาติเป็นเช่นไร?
จู่ ๆ พวกเขาก็นึกขึ้นได้ว่าพวกเขาไม่ได้ส่งกุนเชียงชิ้นนี้ไปตรวจสอบที่สถาบันการวิจัยใช่ไหม? แต่หวังว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะไม่ได้ทดสอบอาหารอันโอชะทั้งหมด
บางทีอาจจะมีของบางอย่างที่พวกเขายังไม่ได้ลิ้มลอง
ในช่วงท้ายของงานเลี้ยง สาวรับใช้รีบว่ายเข้ามากระซิบอะไรบางอย่างกับจักรพรรดิเงือก ก่อนที่จักรพรรดิเงือกจะลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น
“เจ้าพูดจริงเหรอ? พระเจ้าอวยพรชาวเงือกแล้ว!” จักรพรรดิเงือกพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น เขาโก่งตัวขณะหัวเราะออกมาเสียงดัง
“หลานชายของเราเยี่ยมไปเลย เดาไม่มีผิดว่าเขาจะต้องเป็นองค์ชายเงือกตามสายเลือดของเรา!”
สวี่หลิงอวิ๋นมองดูท่าทางของเขา และเดาว่ากิบสันคงจะวิวัฒนาการเสร็จแล้วใช่ไหม?
วิวัฒนาการของกิบสันจบลงแล้วหรือ? ไม่ใช่ เพียงแต่ช่วงเวลาที่ยากที่สุดของเขาได้ผ่านพ้นไปแล้ว ส่วนที่เหลือจะค่อย ๆ ใช้เวลาในการเตรียมความพร้อม และจะสิ้นสุดลงภายในสองสามวันถัดไป
จักรพรรดิเงือกไม่สามารถระงับความตื่นเต้นของเขาได้อีกต่อไป พลางแหวกว่ายไปมาภายในห้องโถง ส่วนจักรพรรดินีเงือกก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน ทว่าเธอกลับดูสงบกว่าจักรพรรดิเงือก