สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 397 ความหลังวันสิ้นโลก
ตอนที่ 397 ความหลังวันสิ้นโลก
ตอนที่ 397 ความหลังวันสิ้นโลก
ในชั่วพริบตา สวี่หลิงอวิ๋นยิงธนูของเธอออกไป
เธอรู้สึกราวกับว่าตนเองได้ยินเสียงคร่ำครวญที่แผ่วเบา อสุรกายร้ายและจักรวาลด้านหน้าอยู่ที่ไหนกัน?
สวี่หลิงอวิ๋นมองไปรอบ ๆ พบว่ามีเพียงซากปรักหักพังอยู่ที่นี่
อีกทั้งยังเห็นผีดิบหนึ่งถึงสองตัวผ่านซากปรักหักพังที่สั่นคลอนได้เป็นครั้งคราว เมื่อไหร่ที่มันเห็นผู้รอดชีวิต มันก็จะกระโดดเข้าหา!
สวี่หลิงอวิ๋นคุ้นเคยกับภาพตรงหน้าเป็นอย่างดี! รู้สึกคิดถึงและตื่นเต้นเล็กน้อย!
ดูเหมือนว่าผีดิบจะได้กลิ่นของเธอ มันส่งเสียงร้องโหยหวนขณะเข้ามาใกล้เธอ!
สวี่หลิงอวิ๋นกระโดดหนีไปไกลเพื่อหลีกเลี่ยงการจู่โจมของผีดิบ แต่ทำไมเธอถึงได้รู้สึกอ่อนแอนัก จู่ ๆ ทำไมแขนขาของเธอถึงหนักอึ้ง?!
แล้วพละกำลังของเธอล่ะ?! พลังจิตของเธออยู่ไหน?! พลังดวงดาวหายไปไหน?!
พลังทั้งหมดหายเกลี้ยง!
แบบนี้คงไม่ดีแน่! เมื่อก่อนแค่ออกหมัดสามครั้ง ผีดิบก็ล้มลงแล้ว แต่ตอนนี้ขอแค่ไม่โดนจับได้ก็พอ!
สวี่หลิงอวิ๋นวิ่งหนี!
ผีดิบไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง สวี่หลิงอวิ๋นไม่รู้ว่านี่คือภาพลวงตา และทำได้เพียงคาดเดา
อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองเผลอเข้ามาในภาพลวงตาหรือเข้ามาในทางเชื่อมมิติกันแน่ ก่อนจะปล่อยให้ตัวเองกลับไปใช้ชีวิตแบบชาติที่แล้ว
ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร ตอนนี้เธอแค่ต้องมีชีวิตรอดเท่านั้น!
จิตใจที่ผ่อนคลายลงกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง!
โอคาซีเองก็ถูกดึงให้เข้ามาอยู่ในภาพลวงตาเช่นกัน
ชายหนุ่มดีใจที่เห็นสวี่หลิงอวิ๋นเดินเข้ามาใกล้ ทว่าสายตาของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ!
“พี่โอคาซีคะ!” ดวงตาของหญิงสาวเปล่งประกายด้วยความรักอย่างแรงกล้า ราวกับว่าเธอไม่ใช่สวี่หลิงอวิ๋นคนเดิม
เขาจึงหยุด และมองดูสวี่หลิงอวิ๋นที่เข้ามาใกล้มากขึ้น “น้องขอให้เสด็จพ่อจัดงานแต่งของเราแล้ว พี่ว่าดีไหมคะ?!”
ดีหรือไม่ดี?!
โอคาซีมองดูสวี่หลิงอวิ๋นที่อยู่ตรงหน้า ในที่สุดเขาก็แน่ใจว่าสวี่หลิงอวิ๋นคนนี้ไม่ใช่สวี่หลิงอวิ๋นคนเดียวกันกับที่เขาชอบ
หากให้เลือกอีกครั้ง เขาไม่มีวันชอบเธอคนที่อยู่ตรงหน้านี้อย่างแน่นอน!
“พี่หมายความว่ายังไงคะ?!” สวี่หลิงอวิ๋นมีท่าทีโกรธจัด! ดวงตาของเธอมืดมนและเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง มือของเธอเผยให้เห็นแส้พลังดวงดาวที่ใช้สำหรับฟาดโอคาซี!
“ฮึ่ม! พี่หมายความว่ายังไง?!” สวี่หลิงอวิ๋นตะคอก! “ฉันไม่ดีพอใช่ไหม? กล้าปฏิเสธองค์หญิงอย่างฉันได้ยังไง?!”
โอคาซีใช้มือจับแส้ที่ฟาดลงมา มองดูหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เขาบีบกำปั้นและมองดูฝ่ามือของตัวเอง นี่เขาอยู่ในระดับ 8 ดาวเองเหรอ?!
ใบหน้าของสวี่หลิงอวิ๋นถมึงทึง กัดฟันแน่น “ฉันจะบอกอะไรให้นะ ในชีวิตนี้ถ้าพี่ไม่แต่งงานกับฉัน พี่ก็ไม่มีสิทธิ์ไปแต่งงานกับใครทั้งนั้น!”
โอคาซีนึกถึงบทสนทนาของเขากับสวี่หลิงอวิ๋นก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการเดินทางไปดาวเคราะห์ปลาหมึก
เขากลับมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?!
สวี่หลิงอวิ๋นซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเกล็ดหิมะที่ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า
ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่าฉากนี้เกิดหลังจากวันสิ้นโลกได้ไม่นาน เธอยังไม่มีความสามารถ จึงต้องซ่อนตัวอยู่ทุกหนทุกแห่ง ฤดูหนาวในปีนี้เป็นปีที่ยากลำบากมากเกินกว่าผู้คนจะรอดชีวิตไปได้
ไม่มีอาหาร ไม่มีที่ให้ความอบอุ่น ไม่มีเสื้อกันหนาว…
เธอหันกลับมาหลังจากหลบหนีการไล่ตามของเหล่าผีดิบได้สำเร็จ แล้วเดินไปยังโกดังที่อยู่ด้านหลังร้านค้าสะดวกซื้อ หลังจากค้นหาสิ่งของเป็นเวลานาน เธอพบเข้ากับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสองสามห่อ และนำมันกลับมาที่ห้องใต้ดิน
เธอเคาะประตูเหล็กของห้องใต้ดิน
เสียงของเด็กหญิงตัวเล็กดังเล็ดลอดออกมาจากด้านใน “นั่นน้าเหรอ?!”
น้ำตาสวี่หลิงอวิ๋นไหลพรากในทันที!
เธอพยักหน้า “น้าเอง”
เสียงหนักแน่นดังมาจากด้านในประตูเหล็ก เด็กหญิงตัวเล็กที่ผมเผ้ารุงรังสกปรกโผล่หัวออกมา “น้า!”
สวี่หลิงอวิ๋นลูบหัวของเด็กน้อย “อย่าดื้อนักนะ!”
คนที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องใต้ดินนี้คือญาติเพียงคนเดียวของเธอในชีวิตที่แล้ว…สวี่เจียวเจียว
แน่นอนว่าสวี่เจียวเจียวไม่ใช่หลานของเธอ อีกฝ่ายเป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อยในตระกูล และหากอ้างอิงจากความอาวุโสก็นับว่าเธอเป็นน้า
ไม่คาดคิดว่าเธอจะได้พบกับหลานสาวอีกครั้งหลังจากผ่านไปหลายปี ตอนนี้เธอจึงมีความสุขอย่างมาก
สวี่เจียวเจียวมีความสุขมากที่เห็นสวี่หลิงอวิ๋นเอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลับมาด้วย
หลังจากที่ผีดิบโผล่มา สวี่เจียวเจียวก็สูญเสียความมีชีวิตชีวา กลายเป็นคนที่เชื่อฟังและสุขุม แต่สวี่หลิงอวิ๋นรู้ว่าในใจของเธอรู้สึกหวาดกลัวมาก!
เธอกลัวว่าน้าจะถูกผีดิบทำร้าย และเธอจะต้องอยู่คนเดียว!
ภายในห้องใต้ดินที่มืดมิด สวี่หลิงอวิ๋นจัดเตรียมเทียนหลายเล่มให้เธอ เพื่อที่เธอจะได้รู้สึกหวาดกลัวน้อยลง
เมื่อมองดูเจียวเจียวที่อยากกินบะหมี่ สวี่หลิงอวิ๋นก็เหลือบเห็นหม้อต้มแอลกอฮอล์ที่อยู่มุมห้อง ก่อนจะลูบหัวเจียวเจียว “น้าจะทำบะหมี่ให้หนูเอง!”
เจียวเจียวส่ายหัว “ไม่เอาหรอกค่ะน้า มันอันตราย”
สวี่หลิงอวิ๋นส่ายหัวพลางถอนหายใจ “ไม่เป็นไร แค่รับเอาไว้ ถือว่าสำหรับชดเชยความเสียใจ”
ดูเหมือนว่าสวี่เจียวเจียวจะไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด ขณะมองดูสวี่หลิงอวิ๋นเทน้ำใส่หม้อ
สวี่เจียวเจียวมองดูเธอจากด้านหลัง
ขณะที่สวี่หลิงอวิ๋นเฝ้าดูน้ำที่กำลังเดือด ช่องว่างบางอย่างแวววาวอยู่บนพื้น แต่เธอกลับไม่ได้สนใจมัน
“น้าดีใจที่ได้เจอหนูอีกครั้ง เจียวเจียว” สวี่หลิงอวิ๋นถอนหายใจ ดูเหมือนว่าเธอจะมองไม่เห็นกรงเล็บยักษ์ของสวี่เจียวเจียวที่ยื่นออกมาจากด้านหลังของเธอ “ครั้งก่อนหนูบอกว่าหนูอยากกินบะหมี่มากเลย น้าขอโทษจริง ๆ ที่ทำให้ความปรารถนาของหนูเป็นจริงไม่ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะน้า” น้ำเสียงของสวี่เจียวเจียวเลือนรางมากขึ้นเรื่อย ๆ
เตาที่อยู่ด้านหน้าสวี่หลิงอวิ๋นเปลี่ยนรูปร่างเป็นครั้งคราว แต่เธอก็ยังเพิกเฉย
“หลังจากที่หนูจากไป น้าก็ปลุกพลังเหนือธรรมชาติขึ้นมา” สวี่หลิงอวิ๋นก้มหน้าลง ขณะโรยเครื่องปรุงรสใส่หม้อ
เมื่อเห็นว่าน้ำเดือดปุด ๆ ก็นำบะหมี่ลงต้ม ทว่าบะหมี่กลับไร้ซึ่งรสชาติ
“ถึงจะผ่านมานานแล้ว แต่น้าก็อยากจะพูดว่าขอโทษ ขอโทษที่ปกป้องหนูได้ไม่ดีพอ…”
กรงเล็บยักษ์ที่อยู่ด้านหลังยกขึ้นสูง เด็กหญิงสวี่เจียวเจียวอยู่ที่ไหน?
มีเพียงอสุรกายร้ายที่กำลังน้ำลายไหล มองดูอาหารที่อยู่ตรงหน้าและถ่มคำพูดอันละเอียดอ่อนของมนุษย์
“ไม่เป็นไรค่ะน้า”
หลังจากนั้นมันก็กระโดดขึ้น
สวี่หลิงอวิ๋นพลิกตัวกลับเพื่อหลบหลีก บัดนี้ดาบยาวทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของอสุรกาย
ดินแดนแห่งความเพ้อฝันสิ้นสุดลง…
โอคาซีเองก็หลุดออกมาจากความฝันเช่นกัน
ทั้งสองมองหน้ากัน ขณะที่เสี่ยวอ้ายอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
ความสามารถของอสุรกายสามตาคือการทำให้ผู้อื่นตกอยู่ในภาพลวงตา
ภาพลวงตาดังกล่าวมีความสมจริงมากจนคุณไม่สามารถแยกมันออกจากอดีตได้
ไม่น่าเชื่อว่านายท่านจะหลุดออกมาได้เร็วขนาดนี้!
ไม่ใช่ว่าสวี่หลิงอวิ๋นสามารถแยกแยะภาพลวงตาได้ แต่เถาวัลย์งูที่เธอยิงใส่อสุรกายสามตากำลังออกฤทธิ์ต่างหาก
การที่อสุรกายยังไม่ตอบสนองในตอนแรก เป็นเพราะเถาวัลย์งูกำลังค่อย ๆ แล่นเข้าสู่ร่างกาย เริ่มดูดเลือดของมัน และพุ่งเข้าสู่หัวใจ จนกลายเป็นความเจ็บปวดเกินจะต้านไหว หลังจากนั้นสวี่หลิงอวิ๋นจึงค้นพบภาพลวงตา
เอาชนะได้หรือเปล่า?!
แน่นอนว่าอสุรกายสามตาล้มลงกับพื้น กรงเล็บของมันจับเข้าที่หน้าอก คว้าคราบเลือดที่ไหลออกมาจากร่างกายพลางร้องโหยหวน “นี่มันอะไร?!”
สวี่หลิงอวิ๋นยิ้มเยาะ “ของเล็กน้อยน่ะ ถือว่าเป็นของขวัญสำหรับแกแล้วกัน!”