สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 412 ต้นไม้แห่งชีวิตย้ายที่
ตอนที่ 412 ต้นไม้แห่งชีวิตย้ายที่
ตอนที่ 412 ต้นไม้แห่งชีวิตย้ายที่
เขามองดูสวี่หลิงอวิ๋น “ท่านจะเอาโคลนเมือกไปทำอะไร? ถ้าท่านอยากได้ จักรวรรดิเอลฟ์เรามีอีกเยอะเลย!”
สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองเขา “จักรวรรดิเอลฟ์มีเยอะเลยเหรอ?”
“อืม!” ชิงเย่พยักหน้า “ผมคุ้นเคยกับของแบบนี้ดี เดาว่าโคลนเมือกนี้จะต้องมาจากจักรวรรดิเอลฟ์แน่ ๆ! ไม่เชื่อก็ถามเขาดูสิ”
พ่อค้ารายเล็กไม่พอใจอย่างมาก! กลุ่มเอลฟ์พวกนี้มายืนหยอกล้อกันอยู่ได้! รู้อยู่แล้วจะมาทำซากอะไร?!
“จะซื้อไม่ซื้อ? ไม่ซื้อก็ไปให้พ้น!”
หื้ม! ทำจนเคยตัวสินะ! แล้วดูเอาขาพาดไว้บนโต๊ะ! อวดเก่งเหลือเกิน!
“ใครบอกว่าฉันจะไม่ซื้อ? ดูนี่ซะก่อนไหม?” เมื่อพูดจบ เธอก็หยิบเหรียญทองอินทนิลออกมาจากกระเป๋า “เป็นไง ยังดูจนอยู่อีกไหมล่ะ?”
“ไม่ครับไม่ครับ! คุณเป็นเทพธิดา! เป็นคนสวยที่สุด!” พ่อค้าตัวน้อยมองเหรียญทองด้วยสายตาเปล่งประกาย ถ้าเขาแลกโคลนเมือกเป็นเหรียญทองอินทนิลได้ เขาจะกลายเป็นสุดยอดพ่อค้าในตลาดมืดแห่งนี้ทันที!
ฮึ่ม!
สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ และหยิบเหรียญดวงดาวห้าสิบเหรียญออกมา “อะ เท่านี้ได้ไหม?”
“อะไรนะ! ล้อเล่นกันหรือไง?!” พ่อค้ารายเล็กจ้องมองสวี่หลิงอวิ๋นดว้ยความขุ่นเคือง อารมณ์ของเขาเหมือนกับรถไฟเหาะที่มีขึ้นและมีลง
“ฉันล้อเล่นอะไร? นายดูก่อนสิ ทีนายยังกำหนดราคาได้เลย แล้วฉันจะกำหนดราคาบ้างไม่ได้เหรอ?” สวี่หลิงอวิ๋นพูดออกมาอย่างฉะฉาน “บอกมา จะขายไม่ขาย?!”
ชิงเย่ชิงพูดขึ้นมา “ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมท่านจะต้องซื้อของอันนี้ด้วย? ไว้ผมกลับไปจะขุดมาให้เป็นคันรถเลย!”
ไม่ได้จะบอกว่าโคลนเมือกไม่ดี แต่มันไม่ใช่ของล้ำค่าอะไรในจักรวรรดิเอลฟ์ โดยพื้นฐานแล้ว ทุกครัวเรือนย่อมมีโคลนเมือกนี้อยู่
สวี่หลิงอวิ๋นพยายามยืนกรานจนกระทั่งตอนนี้ โดยปกติแล้วเจ้าตัวใหญ่ในหัวของเธอมักจะเชื่อฟังเสมอ แต่วันนี้มันกลับตั้งแง่ ถ้าไม่ยอมซื้อสิ่งนี้เป็นอันเลิกคบกัน
ช่างเถอะ ของสิ่งนี้อาจจะเป็นประโยชน์กับต้นไม้แห่งชีวิตมาก แค่ซื้อมันซะ!
ปกติแล้วพวกมันก็ไม่ค่อยต้องการอะไรสักหน่อย
“นายจะขายไหม? นายลองคิดดูสิ” สวี่หลิงอวิ๋นวางเหรียญดวงดาวห้าสิบเหรียญลงต่อหน้าเขา “ลองคิดดูว่านอกจากฉันแล้ว ใครในตลาดมืดจะมาซื้อมันอีก ใครจะมานั่งฟังคำพูดของนาย? ชนชั้นสูงที่ไหนเขาจะมาปลูกดอกไม้ต้นไม้เอง? เขาก็ไปซื้อกับจักรวรรดิเอลฟ์กันไหม? แล้วแบบนี้คนจะมาซื้อของกับพ่อค้ารายย่อยอย่างนายหรือไง?”
พ่อค้ารายเล็กคนนี้รอคอยลูกค้ามานานเช่นกัน ช่างเถอะ เขารู้ดีว่าสิ่งที่สวี่หลิงอวิ๋นพูดเป็นความจริงทั้งหมด และสมควรได้รับเหรียญดวงดาวห้าสิบเหรียญ!
เขาพึมพำและเก็บเหรียญดวงดาวที่วางอยู่บนโต๊ะ จากนั้นจึงห่อโคลนเมือกใส่กล่องและส่งให้สวี่หลิงอวิ๋น “ฮึ่ม! เพราะเห็นว่าคุณมาใหม่หรอกนะ ถึงได้ยอมขายให้! ไม่อย่างงั้นสู้เก็บโคลนเน่านี้ไว้ในมือดีกว่าขายให้คุณอีก!”
ให้ใครให้พูดตอกกลับรุนแรงแบบนี้!
สวี่หลิงอวิ๋นไม่ได้สนใจความปากแข็งของพ่อค้ารายน้อย หลังจากรับสิ่งของเอาไว้ในมือ ต้นไม้แห่งชีวิตในหัวก็ตื่นเต้นมาก อดทนได้รอดูดซับโคลนเมือกแทบจะไม่ไหว ทว่าสวี่หลิงอวิ๋นกลับรั้งมันไว้!
มันเหมือนลำไส้ที่เก็บกักจนเต็มแล้ว แต่ยังต้องอดทนรอไม่ปล่อยออกไปทำนองนั้น?
สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกว่าเธอกำลังเผชิญหน้าอยู่กับสถานการณ์เช่นนั้น
สวี่หลิงอวิ๋นรีบลากโอคาซีวิ่งออกไป วิ่งตรงไปที่ประตูทางออก ทว่าลุงเขามังกรกลับหยุดเธอไว้ เพราะถึงเวลาต้องจ่ายเงินแล้ว!
วันนี้สวี่หลิงอวิ๋นได้รับเหรียญทองอินทนิลถึงสิบเหรียญ ตามกฎระเบียบที่วางไว้ จะต้องถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหนึ่งเปอร์เซ็นต์จากการขาย สวี่หลิงอวิ๋นหยิบเหรียญจักรกรินสิบเหรียญและยื่นให้
หลังจากกลับมาที่โรงแรม เอลฟ์ตัวอื่นที่จดจำพวกเธอได้ก็รีบแสดงตัวออกมาและเริ่มพูดจาอ้อมค้อม สงสัยว่าสวี่หลิงอวิ๋นจะทำอาหารเช้าในวันพรุ่งนี้ให้พวกเขาทานหรือไม่? พวกเขาเต็มใจจะจ่ายเงิน!
พวกเขามีเงินและไม่ขาดเงิน!
สวี่หลิงอวิ๋นทำลวก ๆ โดยบอกว่าเธอจะคิดอีกทีในวันพรุ่งนี้ เพราะว่ามีส่วนผสมไม่เพียงพอ!
ส่วนผสมไม่เพียงพอ? บังเอิญอะไรขนาดนี้?!
เอลฟ์ทั้งหลายรู้สึกตกใจมาก! ต้องรีบขนส่งทางอากาศ! จะต้องรีบสั่งซื้อ!
ขณะที่สวี่หลิงอวิ๋นยังไม่รู้เรื่องเหตุการณ์ดังกล่าว กลุ่มเอลฟ์ก็พากันเข้าไปเยี่ยมชมร้านค้าออนไลน์ และค้นหาส่วนผสมที่หลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็นเนื้อ ไข่ นม หรือผักทุกชนิด!
แม้แต่ครัวเบื้องหลังของโรงแรมเอลฟ์ยังเริ่มสั่งซื้อสินค้าจำนวนมาก เพราะชนชั้นสูงหลายคนในโรงแรมคาดหวังว่าโรงแรมจะสามารถหาซื้อวัตถุดิบที่สดใหม่ได้ และจะต้องส่งไปยังหน้าห้องพักของพวกเขาในวันพรุ่งนี้เช้า!
ถ้าถามว่าทำไมไม่ทำในครัวล่ะ? ไร้สาระ!
พ่อครัวทุกคนมีความเชี่ยวชาญทางด้านอาหาร ถ้าให้พวกคุณมาสอน มันจะผสมผสานกันได้ยังไง?! ตลกสิ้นดี!
ทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสวี่หลิงอวิ๋น!
ทันทีที่สวี่หลิงอวิ๋นกับโอคาซีเข้ามาให้องพัก พวกเขาก็ล็อกห้องและปล่อยให้ชิงเย่อยู่ด้านนอก เอาโคลนเมือกมาวางลงบนพื้น ยังไม่ทันได้ขยับให้เข้าที่ ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกราวกับศีรษะที่คลายตัวออก เมล็ดจิ๋วสองเมล็ดกระโดดออกมาจากหัวของพวกเขา!
และกระดอนลงไปในโคลนเมือกเบา ๆ!
สวี่หลิงอวิ๋นตรวจสอบและค้นพบว่าต่อให้เมล็ดพันธุ์จะกระโดดออกไป แต่เธอก็ยังควบคุมมันได้อยู่
หลังจากที่เมล็ดพันธุ์วิ่งเข้าไปหาโคลนเมือก สิบนาทีต่อมา เมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตทั้งสองก็เริ่มแตกกิ่งและเจริญเติบโตเคียงข้างกัน
ต้นกล้าต้นหนึ่งมีสีสันคล้ายกับหยกคริสตัล ส่วนอีกต้นหนึ่งมีสีเขียวมรกตดูมีพละกำลังเต็มเปี่ยม ต้นกล้าทั้งสองต่างแนบชิดเข้าหากัน ต้นกล้าที่ดูเหมือนหยกเติบโตสูงขึ้นเล็กน้อย และปกป้องต้นกล้าสีเขียวมรกต
ปริมาณโคลนเมือกเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เดิมทีขนาดของมันเท่ากับอ่างล้างหน้าหนึ่งใบ แต่ตอนนี้มันกลับมีขนาดเท่าอ่างล้างหน้าสองใบ!
ดูเหมือนว่ามันจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ!
สวี่หลิงอวิ๋นพบว่าพลังดวงดาวของเธอเลื่อนขั้นเป็นระดับ 13 ดาว!
โอคาซีก็เหมือนกัน!
เกิดอะไรขึ้นกันแน่? พวกเขาเบนความสนใจไปที่เสี่ยวอ้าย หวังว่าผู้อาวุโสโฮ่งจะช่วยให้คำตอบอะไรได้บ้าง
เสี่ยวอ้ายเหรอ? เสี่ยวอ้ายเองก็ยังคงสับสนเหมือนกัน!
เจ้าของมันมักจะปลูกต้นไม้แห่งชีวิตไว้ในหัว ไม่เคยเอามันออกมาสักครั้งจนกระทั่งมันถูกลบออกให้กลายมาเป็นบาเรีย!
ต้นไม้ที่แตกกิ่งออกมาของเสี่ยวอ้ายเชื่อมต่อกับบาเรียอยู่เสมอ หากบาเรียจางหายไป มันก็จะปลูกสร้างรอยประทับและเติบโตขึ้นมาอีกครั้ง
มันเดินวนรอบต้นไม้แห่งชีวิต “โฮ่ง หรือว่าโภชนาการทางอาหารของพวกท่านมีไม่พอ?”
บัดซบ! หมายความว่าขาดสารอาหารใช่ไหม? เห็นได้ชัดว่าอากาศภายนอกสดชื่นกว่าหรือเปล่า?!
สวี่หลิงอวิ๋นครุ่นคิดเรื่องนี้เป็นเวลานานและไม่สามารถคิดหาเหตุผลได้ ดังนั้นเธอจึงเลิกคิด!
“ช่างเถอะ! พวกเราอย่าไปคิดอะไรเยอะแยะนักเลย! ในเมื่อพวกมันชอบโคลน ก็ปล่อยพวกมันไว้ที่นี่ก่อนแล้วกัน!” สวี่หลิงอวิ๋นโบกมือ อย่างไรเสียเธอก็สามารถจดจำต้นไม้แห่งชีวิตได้ด้วยการนึกย้อนกลับ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องหารือเรื่องนี้อีกต่อไป