สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 425 เผ่าพันธุ์มนุษย์ในตลาดมืด
ตอนที่ 425 เผ่าพันธุ์มนุษย์ในตลาดมืด
ตอนที่ 425 เผ่าพันธุ์มนุษย์ในตลาดมืด
คุณลุงเขามังกรพยักหน้าหลังจากได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะคว้าการ์ดเอาไว้ในมือด้วยท่าทีเคร่งขรึมและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณให้ทำบาร์บีคิวอีกครั้งได้ไหม พอจะทำไหวไหมครับ?”
“แต่ว่าฉันไมได้เอาอะไรมาเลยค่ะ!” สวี่หลิงอวิ๋นยักไหล่ “ไม่มีเนื้อ ไม่มีไฟ”
“พวกเรามีครบครับ” เมื่อพูดเช่นนั้น ลุงเขามังกรก็พาสวี่หลิงอวิ๋นและพวงพ้องไปที่ร้านแผงลอยที่มีรถเข็นอยู่ที่นั่น สวี่หลิงอวิ๋นมองดูรถเข็นตรงหน้า มันเหมือนกับรถเข็นที่เธอทำขึ้นมาก่อนหน้านี้เลยไม่ใช่เหรอ?!
“ถ้าเนื้อพร้อมแล้วก็เอามาหั่นได้ ไม่รู้ว่ายังมีอะไรที่ต้องการอีกไหมนะ?” สวี่หลิงอวิ๋นมองดู แน่นอนว่าไม้เสียบถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว!
นี่มัน…
ถูกเตรียมพร้อมไว้หมดเลยสินะ!
สวี่หลิงอวิ๋นยิ้มมุมปาก บอกได้คำเดียวว่าเธอทำมันได้แน่นอน!
สวี่หลิงอวิ๋นยังคงจำได้ดีว่าผู้จัดการคนนี้ใจกว้างมาก บางทีครั้งนี้เขาอาจจะมอบรางวัลอย่างอื่นให้เธอ!
หลังจากที่สวี่หลิงอวิ๋นตรวจสอบแล้ว เธอก็หยิบเครื่องปรุงรสทั้งหลายออกมาจากปุ่มมิติกักเก็บ เอาหุ่นยนต์ออกมา ตั้งค่าโปรแกรมและปล่อยให้หุ่นยนต์ตกอยู่ในช่วงชุลมุนอีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน ลุงเขามังกรเห็นผู้รับตราส่งสินค้าดึงกรงเหล็กขนาดใหญ่ผ่านเข้ามาทางด่านเก็บค่าผ่านทาง แล้วเดินผ่านเข้ามาในตลาดมืดด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง
“สวัสดีครับ!” เมื่อผู้รับตราส่งสินค้าเห็นลุงเขามังกร เขาก็หยุดลงและพูดทักทายด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ลุงเจียวหลงนี่เอง! ไม่เห็นตั้งนาน!”
ดวงตาของลุงเขามังกรจับจ้องไปที่ด้านหลังของเขา “อะไรอยู่ในกรงที่อยู่ด้านหลังคุณน่ะ? คลุมผ้าสีดำด้วย ลึกลับจังนะครับ?”
ผู้รับตราส่งสินค้ายิ้มอย่างภาคภูมิใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ของดี ๆ น่ะครับ!”
“พวกมนุษย์!” ผู้รับตราส่งสินค้ากระซิบบอกลุงเขามังกร
แต่สิ่งที่เขาไม่ได้สังเกตนั่นคือมือของลุงเขามังกรกระชับแน่นขึ้นเมื่อได้ยินคำว่าพวกมนุษย์ แต่แล้วรอยยิ้มผ่อนคลายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “ไม่ได้เห็นพวกมนุษย์ในตลาดมืดมานานเลยแฮะ คุณไปได้มันมาจากไหน?”
“บอกไม่ได้หรอกครับ!” ผู้รับตราส่งสินค้าพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “แต่รับประกันได้เลยว่าหลังจากนี้ไปจะมีเผ่าพันธุ์มนุษย์เข้ามาเติมใหม่ทุกเดือน!”
“ตอนนี้พวกชนชั้นสูงบอกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ฉลาดขึ้นและหาจับตัวได้ยาก เฮอะ! ตลกเป็นบ้า! พวกเขาก็แค่ไม่หวังจะได้มนุษย์เป็นสัตว์เลี้ยงเองหรือเปล่า?!”
ผู้รับตราส่งสินค้าพูดดูถูก “นอกจากนี้ ยังเห็นว่ามีลูกครึ่งมนุษย์ครึ่งอสุรกายเพียงไม่กี่ตัวตลอดทั้งปีที่ผ่านมาไม่ใช่เหรอ?”
“อย่าเพิ่งคุยอะไรกันมากเลยลุงเขามังกร เอาไว้วันนี้ผมขายมันในราคาสูงได้แล้วจะเชิญคุณไปกินข้าวด้วยแล้วกัน!”
ผู้รับตราส่งสินค้าลากกรงเข้าไปในตลาดมืดเงียบ ๆ
กรงที่ถูกคลุมด้วยผ้าสีดำถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว ปรากฏให้เห็นมนุษย์เพศหญิงผอมเพรียวที่อุ้มทารกอยู่ด้านใน จ้องมองสิ่งมีชีวิตชาญฉลาดที่มีรูปร่างแปลกประหลาดด้านนอก
“พระเจ้า! ฉันไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม!? เผ่าพันธุ์มนุษย์จริงด้วย! ทำไมไอ้สารเลวนี่โชคดีจัง? ตามจับพวกมนุษย์มาได้ยังไง?!”
“ดูมนุษย์นั่นที่อุ้มลูกของมันไว้ในอ้อมแขนสิ หึหึ! ผู้รับส่งตราเจ๋งเวอร์! แค่ลูกมันตัวเดียวก็ขายได้สิบเหรียญทองอินทนิลแล้ว!”
“สิบเหรียญ? ผมว่าน่าจะยี่สิบเหรียญ! นั่นคือลูกมนุษย์เชียวนะ! ถ้าเกิดชนชั้นสูงซื้อกลับไปฝึกฝนให้อยู่ในความเหมาสม มันจะกลายเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีคุณภาพ!”
“มนุษย์เพศหญิงน่าจะคุ้มค่ากว่า! มันเป็นตัวเมีย! น่าจะคลอดลูกได้อีก!”
…
กลุ่มสิ่งมีชีวิตอันชาญฉลาดกำลังพูดคุยกันอย่างออกรส
สวี่หลิงอวิ๋นมองดูมนุษย์เพศหญิงและเด็กทารกตัวน้อยที่ยังพูดอ้อแอ้ โดยไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์เลวร้ายอะไร
เมื่อไม่นานมานี้ เธอไปมาหาสู่กับสิ่งมีชีวิตอันชาญฉลาดเสียจนลืมความเป็นธรรมชาติของพวกเขา ตอนนี้เธอมาคิดดูอีกทีว่าถ้าเธอไม่ได้สวมบทบาทเป็นเอลฟ์ บางทีเธอก็จะได้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีไว้โอ้อวดเช่นกัน ไม่ว่าฝีมือการทำอาหารของเธอจะดีสักแค่ไหนก็ตาม
ชิงเย่มองดูลูกพี่ใหญ่อย่างระมัดระวัง กระแอมเบา ๆ “ลูกพี่ อยากให้ผมไปซื้อไหมครับ?”
สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า “จับตาดูการเคลื่อนไหวไว้”
โอคาซีจับมือเธอไว้ ขณะที่เสี่ยวอ้ายมองดูเจ้านายทีและมองดูมนุษย์ที่อยู่ในกรงที
หากนายท่านต้องการ มันก็แค่ต้องเปิดปากกว้างเพื่อช่วยชีวิตมนุษย์แม่และเด็กทารกคนนี้
ฝูงชนมุ่งความสนใจไปที่มนุษย์แม่และเด็กทารก
หลังจากที่ลุงเขามังกรเห็นผู้รับตราส่งสินค้าออกมาพร้อมกับกรงขัง เขาก็รีบส่งข้อความไปหาผู้จัดการเงียบ ๆ
“อัญมณีปรากฏตัวแล้ว จะประมูลไหมครับ?”
ขณะที่ผู้จัดการกำลังคำนวณบางอย่างในสำนักงาน ทันใดนั้นเขาก็ได้รับข้อความจากลุงเขามังกร “เข้าใจแล้ว”
เขาลุกขึ้น เผาทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะ และเดินจากไป
สวี่หลิงอวิ๋นผสมโรงกับฝูงชนเพื่อเข้าไปดู ผู้รับตราส่งสินค้ามองดูฝูงชนด้านล่างอย่างมีชัย และชี้นิ้วไปยังแม่ลูกที่อยู่ในกรง
“ทุกท่านดูสิครับ นี่คือคู่เผ่าพันธุ์มนุษย์ของจริง! มนุษย์ตัวนี้เป็นเพศเมีย! นอกจากนี้เด็กทารกนั่นก็เป็นเพศเมียเหมือนกัน!”
และทันทีที่ข้อมูลแพร่กระจายออกมา ฝูงชนด้านล่างก็เกิดความโกลาหลอีกครั้ง
เพศเมียค่อนข้างคุ้มค่ามากกว่าเพศผู้ เพราะนั่นหมายถึงการผลิตที่มีมากกว่า
“ทุกท่าน ในเมื่อตอนนี้เราอยู่ในตลาดมืดกันแล้ว ผมก็จะไม่พูดอะไรมาก” ผู้รับตราส่งสินค้าพูด “ราคาเริ่มต้นของมนุษย์เพศเมียตัวนี้อยู่ที่สิบเหรียญทองอินทนิล!”
“เอาล่ะครับ ทุกท่านสามารถเริ่มประมูลได้!”
ฝูงชนเดินขวักไขว้ และในไม่ช้า ใครบางคนก็เริ่มตอบสนอง “ผมให้ยี่สิบเหรียญทองอินทนิล!”
ทันทีที่คำพูดนั้นหลุดออกมา คนอื่นก็เริ่มกัดฟันกรอดอย่างทำอะไรไม่ถูก!
ไอ้สารเลวนั่นไม่คิดจะให้โอกาสใครต่อรองเลยหรือไง?! เริ่มประมูลที่ยี่สิบเหรียญเลยเหรอ?!
สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองไปที่ผู้เสนอราคาประมูล
ทว่าน่าเสียดายที่อีกฝ่ายสวมเสื้อคลุม จึงทำให้ไม่สามารถเห็นรูปลักษณ์ของเขาได้ แต่ในแง่ของลักษณะทางกายภาพ เขาน่าจะเป็นเอลฟ์เผ่าพันธุ์โกต้า หรือไม่ก็เผ่าพันธุ์ตานหยางที่ยังไม่โตเต็มวัย
ทำให้คนโมโหได้ดีจริง ๆ!
“ท่านสุภาพบุรุษท่านนี้เสนอราคาเหรียญทองอินทนิลยี่สิบเหรียญ! มีใครให้มากกว่านี้ไหมครับ?!” ผู้รับตราส่งสินค้าที่อยู่บนเวทีตื่นเต้นมากที่ผู้ประมูลคนแรกเสนอราคามาสูงลิ่ว เขาตื่นเต้นเสียจนอยากจะกระโดดโลดเต้น
ชิงเย่มองดูสวี่หลิงอวิ๋นก็พบว่าเธอไม่ได้พูดอะไร แต่กลับให้ชิงเย่เริ่มประมูลราคา
“สามสิบเหรียญ!”
เชี่ยเอ๊ย! เธออยากจะรู้เหลือเกินว่าไอ้สารเลวหน้าไหนกล้ามาแย่งเธอ!
เจ๊ก็มีเงินทองไหลมาตลอดทั้งปีเหมือนกันแหละน่า!
ชายในชุดคลุมสีดำหันไปมองสวี่หลิงอวิ๋น ครุ่นคิดว่าอีกฝ่ายเป็นใครและทำไมถึงพยายามมาแย่งเขา
“สี่สิบเหรียญ!”
ผู้คนที่นั่นเสนอราคาอย่างไม่เร่งรีบนัก
“ห้าสิบเหรียญ!” สวี่หลิงอวิ๋นครุ่นคิด
เชี่ย! อย่าได้คิดจะให้ราคามากกว่านี้ ไม่งั้นฉันจะส่งคนไปลอบสังหารนายแน่!
เมื่อไหร่ก็ตามที่เสี่ยวอ้ายเริ่มลงมือ โดยเฉพาะนาย อย่าได้วิ่งหนีหางจุกตูดไปล่ะ!
ทว่าอีกฝ่ายยังคงเสนอราคาอย่างใจเย็น “หกสิบเหรียญ!”
ฮึ่ม! โกรธแล้วนะโว้ย!
สวี่หลิงอวิ๋นมีความคิดจะปล่อยให้อีกฝ่ายตายไปเสีย เธอไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว ขณะที่ชิงเย่ไม่ได้เสนอราคาเพิ่มอีก
ผู้รับตราส่งสินค้าบังคับให้มนุษย์ผู้หญิงออกมา ขณะที่ลูกน้อยเริ่มร้องไห้เพราะต้องแยกออกจากแม่
“ปล่อยฉัน! ขอร้องล่ะค่ะ! ปล่อยลูกฉันไป! ให้เราได้อยู่ด้วยกันเถอะนะคะ!”
เสียงร้องคร่ำครวญของหญิงสาวเป็นเหมือนกับเสียงร้องของอสุรกายในสายตาสิ่งมีชีวิตอันชาญฉลาด แม้ว่าจะเข้าใจได้ แต่กลับต้องฟังหูซ้ายทะลุขวาเมื่อเผชิญกับผลประโยชน์มหาศาล