สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 427 บอนาร์
ตอนที่ 427 บอนาร์
ตอนที่ 427 บอนาร์
หญิงสาวเผ่าพันธุ์มนุษย์เดินลงมาจากยานอวกาศพร้อมกับเด็กทารก
เธอมองดูรอบข้างด้วยความประหม่า ก่อนจะเดินเข้าไปพูดคุยกับชายในชุดคลุม
เสี่ยวอ้ายยังคงซ่อนตัวอยู่ในความมืดเพื่อมองดูสถานการณ์
หญิงที่เป็นมนุษย์กับชายในชุดคลุมกำลังพูดคุยอะไรบางอย่าง และทันใดนั้นหญิงสาวก็เริ่มร้อนรน ไม่รู้ว่าพูดคุยอะไรกัน แต่เธอกลับเดินจากไปด้วยความขุ่นเคือง
ชายในชุดคลุมเดินเข้าไปที่ด้านหลัง พร้อมกับฝ่ามือที่ฟาดลงบนหลังคอจนเธอหมดสติไป
ชายในชุดคลุมอุ้มเด็กทารกขึ้นมา เตรียมจะพาเด็กทารกขึ้นไปบนยานอวกาศ
เสี่ยวอ้ายทนดูไม่ไหวอีกต่อไป! เขากล้าทำร้ายมนุษย์จริง ๆ ด้วย!
ฮึ่ม! ถึงแม้จะไม่ใช่เผ่าพันธุ์ของตัวเอง แต่นี่ก็เป็นเผ่าพันธุ์ของเจ้านาย มันจะต้องเข้าไปดูแลด้วย!
เสี่ยวอ้ายรุดเข้าไปตะปบชายในชุดคลุม แต่กลับกลายเป็นว่าผู้ต่อสู้แข็งแกร่งอย่างมาก อย่างน้อยก็น่าจะอยู่ในระดับสิบห้าดาว ฝ่ายนั้นจึงหลีกเลี่ยงได้สำเร็จ
ความแข็งแกร่งของชายคนนี้ยอดเยี่ยมมาก! มีไม่กี่คนเท่านั้นที่จะหลบหลีกจากกรงเล็บมันได้!
เสี่ยวอ้ายครุ่นคิด ทว่ากรงเล็บไม่ได้หยุดพักแม้แต่นิดเดียว ยังคงไล่โจมตีชายในชุดคลุมต่อไป
กระทั่งชายผู้นี้ไม่สามารถหลบได้ทันเวลา จึงถูกกรงเล็บของเสี่ยวอ้ายตะปบ
นอกจากจะได้รับความเจ็บปวดแล้ว ชายผู้นี้ยังผิวปากขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างกะทันหัน
เสี่ยวอ้ายขมวดคิ้ว ต้องการกองกำลังเสริมหรือไง?
เสี่ยวอ้ายไม่กลัวกำลังเสริมอยู่แล้ว! ฮึ่ม!
เสี่ยวอ้ายมั่นใจ! แต่เสียงร้องคำรามของอสุรกายร้ายกลับทำให้สมองของเสี่ยวอ้ายชา!
บ้าชิบ นั่นมันศัตรูตัวฉกาจของฉันงั้นเหรอ!? ทำไมแกถึงตอบรับการเรียกหาของชายในชุดคลุมล่ะ?!
เจ้าแก่นั่นชอบต่อต้านมันซะเหลือเกิน!
เสี่ยวอ้ายกัดฟันด้วยความโกรธ แต่ว่าไม่มีทางอื่น! มันจะวิ่งหนีไปโดยไม่ช่วยพวกมนุษย์ไม่ได้?!
ท้องฟ้าอึมครึมราวกับว่าฝนกำลังตกลงมา สัญชาตญาณของเสี่ยวอ้ายรับรู้ได้ถึงแรงกดดันบนน่านฟ้า
ทันใดนั้นอสุรกายร้ายที่ปกคลุมไปด้วยสีดำ ทั้งยังมีเปลวไฟติดอยู่ที่เท้าก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ
มันร้องคำรามเสียงดังจนสิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้มลงกับพื้น ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
ราวกับได้เห็นเจ้าแห่งแผ่นดิน
มีเพียงเสี่ยวอ้ายเท่านั้นที่ไม่ขยับเขยื้อน ไม่หนีหาย ไอ้สารเลวนี้ก็เป็นแบบนี้ ชอบทำตัวเด่น หลงตัวเอง!
ชายในชุดคลุมกำลังจะหนีไป แต่เสี่ยวอ้ายจะปล่อยให้เขาหนีไปได้อย่างไร?!
มันรีบกระโดดงับโดยไม่พูดไม่จา อสุรกายร้ายสังเกตเห็นว่าเจ้านายของมันกำลังมีปัญหา มันจึงร้องคำรามและกลายร่างเป็นอสุรกายร้ายที่มีส่วนสูงมากกว่าสองเมตร จากนั้นจึงวิ่งไล่ตามเสี่ยวอ้าย…
ไปทะเลาะกัน!
“โฮก! อ๊ะ ข้าก็นึกว่าใคร! เสี่ยวอ้ายเองเหรอเนี่ย!” ดวงตาของอสุรกายสีดำเผยความประหลาดใจ ทว่าปากกลับพูดเสียดสี
เสี่ยวอ้ายกระทืบเท้าด้วยความโกรธ “โฮ่ง! เรานึกว่าเจ้าจะมีความสามารถ จนป่านนี้ยังไม่เจอมนุษย์ต่างดาวที่เป็นเจ้านายอีกเหรอ?! ฮึ่ม!”
อสุรกายสีดำถึงกับหัวเราะคิกคักเมื่อได้ยิน!
เมื่อไหร่ก็ตามที่ปากของมันขยับเขยื้อน ลมหายใจที่พ่นออกมาจากจมูกจะกลายเป็นประกายไฟ มันเงยหน้ามองด้วยท่าทีสง่างาม ถึงอย่างนั้นก็ยังดูหยิ่งทะนงอยู่ดี
“ข้าจะไปหามนุษย์ต่างดาวที่เป็นเจ้านายเจอได้ยังไง? ในเมื่อข้าเพิ่งได้เจอเพื่อนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน”
บอนาร์ตอบ มันจ้องมองไปที่เสี่ยวอ้าย “ข้าได้ยินว่าเจ้าออกไปตามหาเจ้านายเหมือนกันนี่? ทำไม ตามหามาตั้งหลายพันปีแล้วยังไม่เจออีกเหรอ?”
“ข้าจะบอกให้นะ ความแข็งแกร่งของเจ้าต่ำมาก จะไปตามหาเจ้านายเจอได้ยังไง?! โฮก!”
เสี่ยวอ้ายจ้องมองมันด้วยความขุ่นเคือง และนั่นเป็นเหตุผลที่มันไม่ชอบบอนาร์!
ฮึ่ม! เห็นได้ชัดว่าพวกมันเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาก่อน แต่แล้วทำไมถึงงอนกันได้?!
“เจ้านายของเสี่ยวอ้ายเป็นยังไงน่ะหรือ! ฮึ่ม! เธอทำอาหารอร่อยให้เสี่ยวอ้ายหรือเปล่า!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวอ้ายก็หยิบเป็ดกุนดักตัวใหญ่ออกมาจากปุ่มมิติกักเก็บของมัน และพูดว่า “เจ้าเคยกินไหมล่ะ? โฮ่ง!”
ชายในเสื้อคลุมสีดำมองดูสัตว์ยักษ์สองตัวนี้ที่ดูเหมือนจะรู้จักกัน? เขารู้สึกประหลาดใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้ยินบอนาร์เรียกอีกฝ่ายว่า ‘เสี่ยวอ้าย’
แน่นอนว่าเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับอสุรกายยักษ์เสี่ยวอ้ายมาก่อน มันเป็นอสุรกายที่ทรงพลัง
เขามักจะได้ยินบอนาร์พูดถึงเสี่ยวอ้ายบ่อยครั้ง แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะได้เจอเสี่ยวอ้ายที่นี่
เป็นไปได้ไหมว่าเจ้านายของเสี่ยวอ้ายก็กำลังจับตาดูเผ่าพันธุ์มนุษย์เหมือนกัน?!
เขากำลังจะวิ่งหนีไปเงียบ ๆ แต่เสี่ยวอ้ายผู้มีสายตาคมกริบนั้นมองเห็นเสียก่อน มันจึงรีบวิ่งเข้าไปจับชายในชุดคลุม แต่กลับถูกบอนาร์สกัดกั้นไว้อีกครั้ง
เสี่ยวอ้ายกระทืบเท้าอย่างโกรธเคือง “โฮ่ง! เจ้าจะมาหยุดเราทำไม!?”
บอนาร์จ้องดูมันและยิ้มร่า “หากมีความสามารถนักก็มาต่อสู้กันไหม?! โฮก!”
เสี่ยวอ้ายเข้าใจถึงความรู้สึกของนากาทันที!
ไม่สามารถสู้ได้ แต่จะท้าให้สู้กันหมายความว่ายังไง?! ฮึ่ม! เสี่ยวอ้ายโกรธมากจนทำอะไรไม่ถูก หันตัวกลับและเพิกเฉยต่ออีกฝ่าย
บอนาร์เหยียดหัวออกไปมองดูเสี่ยวอ้าย “โฮก โกรธอีกแล้วเหรอ? ทำไมเจ้าถึงเอาแต่โกรธกันนักล่ะโฮก?!”
เสี่ยวอ้ายไม่สนใจ มันงอนและไม่ยอมพูดคุยกับอีกฝ่าย
ชายในชุดคลุมสีดำกำลังจะออกไปพร้อมกับหญิงมนุษย์ แต่บอนาร์กลับหยุดเขาไว้ “อะไรกัน ห๊ะ เจ้าจะเก็บมนุษย์นั่นไว้หรือไง?”
ชายในชุดคลุมชะงัก “ถ้าฉันบอกว่าไม่ล่ะ?!”
บอนาร์ที่ได้ยินดังนั้นก็รีบลับกรงเล็บให้แหลมคม “เจ้าว่าไงนะ?!”
ชายในชุดคลุมสีดำจ้องมองไปที่หญิงมนุษย์และเด็กทารกในอ้อมแขนทันทีที่ได้ยินคำพูดดังกล่าว หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง เขาก็วางหญิงสาวและเด็กทารกลงก่อนจะเดินจากไป
บอนาร์ใช้จมูกสะกิดเสี่ยวอ้าย “โฮก! เจ้าอยากได้มนุษย์ผู้หญิงนั่นไม่ใช่เหรอ? เจ้าดูสิ ข้าเก็บไว้ให้เจ้าแล้วไงโฮก!”
เสี่ยวอ้ายนอนคว่ำหน้า หัวทุยมุดอยู่ในกรงเล็บ และยังคงไม่สนใจอีกฝ่าย
บอนาร์ถอนหายใจ ขณะที่เด็กทารกเริ่มร้องไห้โยเยอีกครั้ง บอนาร์เอนตัวเข้าไปสูดดมกลิ่น แต่แล้วก็ต้องตกใจ มันรีบปิดจมูกและวิ่งหนี!
“โฮก! เธออึ! โฮก! เหม็นมาก!”
เมื่อเสี่ยวอ้ายได้ยินดังนั้น มันก็หันไปดูท่าทางหวาดหลัวของบอนาร์ ก่อนจะยิ้มเยาะและพูดว่า “โฮ่ง! แล้วเจ้าไม่เหม็นหรือไง?! ฮึ่ม!”
มันเขยิบเข้าไปดูใกล้ ๆ และเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นยังอยู่ในอาการโคม่า เสี่ยวอ้ายกลัวว่าเด็กน้อยจะเป็นหวัด จึงทำได้เพียงอดทนต่อกลิ่นเหม็น แล้วอุ้มเด็กทารกที่ถูกห่อตัวอยู่ขึ้นมาวางบนท้องของมัน เพื่อทำให้เด็กน้อยอบอุ่นมากขึ้น
สวี่หลิงอวิ๋นตามมาถึงที่นี่อย่างรวดเร็ว
หญิงสาวที่อยู่บนพื้นก็ฟื้นขึ้นมาเช่นกัน ทันทีที่เธอเห็นเอลฟ์และอสุรกายทั้งสองตัวตรงหน้า และเห็นว่าลูกของเธออยู่ในอ้อมแขนของเอลฟ์ หญิงสาวก็ร้องไห้ วิ่งเข้าไปใต้เท้าของสวี่หลิงอวิ๋นและร้องตะโกนว่า “ได้โปรดเอาลูกฉันคืนมาเถอะนะคะ!”
สวี่หลิงอวิ๋นส่งเด็กน้อยให้กับมือเธอ และพูดปลอบโยน “ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะไม่ทำร้ายคุณกับลูกของคุณ”
หญิงสาวที่อุ้มลูกพลันได้สติคืนมาอีกครั้ง เมื่อเธอหันไปมองรอบข้างและไม่เห็นชายในชุดคลุม ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความสับสน
สวี่หลิงอวิ๋นเห็นว่าเธอยังคงประหม่า แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ เพราะไม่ต้องการเปิดเผยให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอเป็นมนุษย์
เพราะชิงเย่มักพูดบ่อยครั้งว่าผู้คนจำนวนมากมักจะถูกสิ่งชีวิตอันชาญฉลาดจับตัวไปล้างสมอง เพื่อให้ตกเป็นเหยื่อของเผ่าพันธุ์ตัวเอง และจับตัวมาทั้งหมด
เธอไม่สามารถรับประกันได้ว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่ใช่เหยื่อล่อ
หรือบางทีก็ไม่อาจบอกได้ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดกำลังจะพยายามช่วยเหลือพวกเขาอยู่
สวี่หลิงอวิ๋นมองดูเสี่ยวอ้ายขณะที่มันกำลังหมอบอยู่ข้างเธอ ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มกลายเป็นจริงจังมากขึ้น
ด้านข้างของมัน มีสิ่งมีชีวิตสีดำหมอบอยู่ข้างกัน