สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 435 รัฐสภา
ตอนที่ 435 รัฐสภา
ตอนที่ 435 รัฐสภา
ผู้รับซื้อทั้งหลายไม่คาดคิดว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญระดับสิบห้าดาวอยู่ในกลุ่มมนุษย์ด้วย!
มีอะไรผิดพลาดงั้นเหรอ!
“พวกที่กล้าขายมนุษย์สมควรตาย!” มนุษย์ทั้งหลายรู้สึกโกรธจัด พวกเขาเดินหน้าเข้าไปทุบตีกลุ่มผู้รับซื้อที่ถูกจับกุมอย่างรุนแรง เพื่อเอาคืนความเกลียดชังในใจ
อวี้ซินหยุดพวกเขาไว้ “แก้แค้นง่ายนิดเดียว แต่จับผู้ที่อยู่เบื้องหลังไม่ง่ายเลย ปล่อยพวกมันไปก่อน เอาไว้จับคนที่อยู่เบื้องหลังได้แล้วค่อยมาจัดการกับพวกมันทีหลัง”
เจียวหลงเดินเข้ามา “ตอนนี้ทุกอย่างได้รับการยืนยันแล้วใช่ไหม?”
“ใกล้แล้วล่ะ” ต้องขอบคุณโอคาซีที่เป็นฝ่ายสนับสนุนทางเทคนิค ไม่เช่นนั้น พวกเขาคงรายงานการคาดการณ์ให้กับองค์ชายรองไปแล้ว
“ตอนนี้เราต้องเปลี่ยนแผนกันก่อน”
อวี้ซินมองดูท้องฟ้าที่มืดหม่น “แผนเดิมคือการขโมยแผนที่ทางทหารมาปูทางให้องค์ชายรอง แต่ตอนนี้เราต้องเปลี่ยนแผน”
“อย่าไว้ใจใครที่มาจากเผ่าพันธุ์อื่น และปล่อยให้มนุษย์ขึ้นมาแทน” เขามองดูเจียวหลง “นายออกไปหามนุษย์ที่คล้ายกับองค์ชายรองมา”
“ท่านหมายความว่ายังไงครับ?” เจียวหลงเขามังกรมองดูอวี้ซินด้วยความตกตะลึง แต่แล้วก็สงบสติอารมณ์ลงแล้วตอบรับ “ครับ ผมจะจัดการให้”
“เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ห้ามบอกแม้แต่จอมพลเอเดน” อวี้ซินพูด “แต่บอกโอคาซีกับสวี่หลิงอวิ๋นได้”
“เข้าใจแล้วครับ” เจียวหลงถอนหายใจ ทำไมชะตากรรมของเผ่าพันธุ์มนุษย์ถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?
ถึงแม้เผ่าพันธุ์มังกรของเขาจะอ่อนแอ แต่เขาก็ไม่เคยถูกขายออกไปในฐานะสัตว์เลี้ยง
เห็นได้ชัดว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์เฉลียวฉลาดกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นที่มีสติปัญญา และนับว่าเป็นอสุรกายดุร้ายชนิดหนึ่ง
จอมพลเอเดนไม่รู้ว่าพวกเขากำลังเดินแผนการเย้ยฟ้าท้าดินเช่นนี้อยู่ แม้แต่โอคาซีกับสวี่หลิงอวิ๋นก็ยังตกตะลึงเมื่อรับรู้แผนการล่าสุดของอวี้ซิน
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ส่งคนออกไปแล้ว
บุคคลนี้มีลักษณะเหมือนกับองค์ชายรองทุกประการ ตอนนี้เขาถูกส่งตัวไปเรียนรู้วิธีการเดิน การเคลื่อนไหว และอื่น ๆ อีกเล็กน้อยตามแบบฉบับองค์ชายรอง และเนื่องจากองค์ชายรองชื่นชอบที่จะมารับประทานอาหารที่นี่เป็นประจำ ดังนั้นชายหนุ่มผู้ที่มีนามว่าซินหยาจึงทำหน้าที่รับรององค์ชายรองด้วยตัวเอง
ซินหยาปลอมตัวเป็นมังกรมีเขาที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ทั้งนี้ก็เพื่อให้องค์ชายรองไม่รู้สึกสงสัย
และแน่นอนว่าองค์ชายรองไม่รู้สึกสงสัยแม้แต่น้อย
เขากินได้เชื่องช้ามาก และใช้ตะเกียบได้อย่างมั่นคง น้ำผลไม้ไม่หยดลงบนโต๊ะแม้แต่น้อย ดวงตาของเขาเผยความสงบนิ่งเสมอ แม้ว่าเขาจะต้องพบเจอกับศัตรูทางการเมืองอย่างองค์ชายใหญ่และองค์ชายสาม แต่รอยยิ้มก็ยังคงปรากฏขึ้นบนใบหน้า
สวี่หลิงอวิ๋นดำเนินการตามแผนของอวี้ซิน เมื่อไหร่ก็ตามที่องค์ชายใหญ่เข้ามา ให้แสดงสีหน้ากระอักกระอ่วน แต่ถ้าองค์ชายสามเข้ามาก็ให้พูดจาทักทายอย่างเอาใจใส่
แต่ว่าคนขององค์ชายใหญ่กลับรู้สึกโมโห…
บ้าฉิบ! หมายความว่ายังไง? กล้าต่อรองกับพวกเขางั้นเหรอ? แล้วใครให้แสดงเจตนารมณ์แบบนั้นเล่า?!
นอกจากนี้ ยังสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าคนขององค์ชายสามเข้ามาข่มขู่ ‘ร้านอาหารแสนอร่อย’ จนเจ้าของร้านผู้ซื่อสัตย์ไม่กล้าขัดใจองค์ชายสาม อีกทั้งยังไม่กล้าบอกจอมพลเอเดนกับองค์ชายรอง เธอจึงทำได้เพียงขอโทษคนขององค์ชายใหญ่
คนขององค์ชายสามรู้สึกถึงชัยชนะ
ดูสิ! พวกเขาแข็งแกร่งขนาดไหน?!
หลังจากที่คนขององค์ชายใหญ่รับรู้ พวกเขาก็รีบเข้าไปจู่โจมองค์ชายสาม จนเขม่าดินปืนฟุ้งกระจายไปทั่วจักรวรรดิเคทเลอร์
คนที่เลียนแบบองค์ชายรองมีความสามารถดียิ่ง เพียงในระยะเวลาแค่สิบกว่าวัน เขาก็สามารถเลียนแบบวิธีการเดิน มารยาท การเคลื่อนไหวเล็กน้อยได้เหมือนกับต้นฉบับ!
นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของเขายังเทียบเท่าได้กับองค์ชายรอง ไม่รู้ว่าอวี้ซินไปตามหาคนคนนี้เจอได้ยังไง?!
โอคาซีแอบเฝ้าติดตามองค์ชายรองอยู่เงียบ ๆ เขาจึงรู้แม้กระทั่งรอยนิ้วมือขององค์ชายรอง
แต่แล้วปัญหาก็ตามมา เมื่อพวกเขาจะต้องเปลี่ยนรหัสรูม่านตาทั้งหมดก่อนที่คนคนนั้นจะเข้ามาแทนที่องค์ชายรอง
เนื่องจากเขาจะต้องสแกนรูม่านตา และต่อให้ตัวเองจะมีหน้าตาคล้ายกับองค์ชายรองมากแค่ไหน มันก็คงจะล้มเหลวอยู่ดี…
ภารกิจของโอคาซีจึงค่อนข้างยาก เขาจะต้องหารหัสรูม่านตาที่องค์ชายรองใช้ผ่านเข้าไปด้านในทั้งหมด จากนั้นถึงจะแทนที่รหัสทั้งหมดในเวลาที่เหมาะสมได้
ในขณะเดียวกัน ตัวปลอมสามารถบอกรายละเอียดหรือแม้แต่เรื่องส่วนตัวขององค์ชายรองได้แล้ว แต่แล้วช่วงบ่ายที่มีแดดจ้า องค์ชายใหญ่กับองค์ชายสามก็ปะทะกันบนท้องถนนอย่างรุนแรง
ณ แหล่งที่ผู้คนยกโขยงตีกันจนยุ่งเหยิง รถเหาะที่องค์ชายรองนั่งอยู่ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน รถเหาะขององค์ชายรองถูกแรงระเบิดชนเข้าอย่างจังจนตกลงมาที่พื้น ถึงอย่างนั้นองค์ชายรองก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนัก เพียงแต่เป็นลมสลบไป
มีผู้คนจำนวนมากในที่เกิดเหตุที่ได้รับผลกระทบ
เผ่ามังกรตัวหนึ่งหมดสติลงในที่แห่งนั้น แต่กลับถูกหลายคนพาตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
โอคาซีกับสวี่หลิงอวิ๋นถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อพวกเขามองดูคนที่สวมหน้ากากเป็นองค์ชายรองที่อยู่ตรงหน้า
ตอนนี้เหลือสิ่งสุดท้ายแล้ว…
นั่นคือการขโมยแผนที่ทางการทหาร!
ซินหยาที่ปลอมตัวเป็นองค์ชายรองได้เข้าไปในวัง ขณะที่โอคาซีเริ่มปรับเปลี่ยนรูม่านตาเฉกเช่นเดียวกับรอยนิ้วมือทั้งหมด
หลังจากวันที่ตึงเครียดผ่านพ้นไป ซินหยาประสบความสำเร็จในการปลอมตัวเป็นองค์ชายรอง
“แล้วควรทำยังไงกับองค์ชายรองตัวจริงดี?” สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกปวดหัวเมื่อมองดูองค์ชายรองที่ฟื้นขึ้นมาและเริ่มขยับตัว
“หาโอกาสส่งตัวเขาให้อวี้ซิน” โอคาซีพูด “มีแค่องค์ชายรองคนเดียวที่รู้เรื่องทุกอย่าง”
โมยาตไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะถูกลักพาตัว! และเจ้าของร้านอาหารยังเป็นคนลักพาตัวเขา คิดไม่ออกเลยว่าตัวเองเผลอไปทำอะไรให้อีกฝ่ายขุ่นเคือง?
เขาอยากจะพูดออกไป ทว่าปากของเขากลับถูกปิดเอาไว้ ไม่มีโอกาสแม้แต่จะพูดแก้ต่างหรือโต้เถียงได้เลย
สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองมาที่เขา ชายผู้นี้มีความสามารถ แต่เขาใช้มันผิดวิธีการไปหน่อย จำเป็นจะต้องโหดร้ายกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ขนาดนี้เชียวหรือ?
อวี้ซินคว้าตัวองค์ชายรองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และสวี่หลิงอวิ๋นไม่สามารถรู้ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป
จอมพลเอเดนเริ่มหวั่นไหว แม้ว่าไม่นานมานี้เขาจะสามารถรักษาความปรองดองกับองค์ชายรองเอาไว้ได้ แต่ตอนนี้เขากลับเริ่มแสดงความไม่พอใจต่อองค์ชายรอง
ท้ายที่สุด ไม่มีใครมีความสุขหากตัวเองถูกเหยียบข้ามหัว
แต่ในไม่ช้านี้จะมีการลงคะแนนเสียง และคะแนนดังกล่าวค่อนข้างสำคัญต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์
เผ่าพันธุ์มนุษย์เกือบทั้งหมดจึงเฝ้าดูการประชุมรัฐสภาในครั้งนี้
สำหรับสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาประเภทนี้ พวกเขามองว่านี่คือการประชุมรัฐสภาธรรมดา แต่ว่าครั้งนี้เผ่าพันธุ์มนุษย์จะถูดจัดให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา และห้ามทำการซื้อขายอีกต่อไป…
หัวข้ออภิปรายดังกล่าวไม่สำคัญอะไรต่อเผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่มีสติปัญญา เพราะพวกเขายังไม่เคยเห็นมนุษย์สักครั้ง!
มนุษย์เป็นสัตว์เลี้ยงงั้นเหรอ? พวกเขายังไม่เคยเห็นกาน่าที่เป็นสัตว์เลี้ยงด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับการให้มนุษย์มาเป็นสัตว์เลี้ยง?
หลังจากที่หัวข้ออภิปรายดังกล่าวของการประชุมรัฐสภากำหนดให้เผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา และห้ามทำการซื้อขาย สมาชิกรัฐสภาจำนวนมากก็ถึงกับออกมาคัดค้าน
“เผ่าพันธุ์มนุษย์จะถูกจัดให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาได้ยังไง? เฮอะ! จะต้องเป็นความอัปยศต่อเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญาอื่นแน่ ๆ!”
เผ่าพันธุ์ตานหยางพูดออกมาอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะเถียงต่อว่า “พวกมันโง่ ถ้าไม่เหมาะที่จะเป็นสัตว์เลี้ยง คุณกล้ารับประกันไหมล่ะว่าพวกมันจะเอาตัวรอดจากสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายข้างนอกนั่นได้?!”