สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 471 คนไร้ประโยชน์!
ตอนที่ 471 คนไร้ประโยชน์!
ตอนที่ 471 คนไร้ประโยชน์!
โมยาตตัวปลอมยิ้มออกมาเล็กน้อย “ได้สิ พวกท่านอยากดื่มกันอีกหรือ? ถึงรสชาติมันจะอร่อย แต่ก็อย่าโลภกันนักล่ะ!”
“หยุดพล่ามสักที! ขอชาอีกถ้วยไม่ได้หรือไง? โลภไม่โลภมันคืออะไร?!” ชายชราปริปากพูด วางถ้วยชาในมือลงและจ้องเขม็งไปที่จักรพรรดิหนุ่ม ก่อนจะโพล่งออกไปอย่างหมดความอดทน
ชาถ้วยดีรสชาติหอมอร่อยมาก! พวกเขาไม่เคยได้ลิ้มลองชารสเลิศแบบนี้มาก่อน! ขอยอมตายก็ได้ถ้าได้ดื่มชาถ้วยนี้ไปทุกวัน!
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา ขณะที่ดวงตาค่อย ๆ ปิดลง ยังคงหวนนึกถึงรสชาติอันยอดเยี่ยม!
หลังจากเวลาผ่านไป!
ทั่วทั้งห้องโถงก็เหลือเพียงความเงียบสงัด ราวกับไม่มีใครอยู่ในห้องนี้
“เข้ามาดูที” ซินหยาจิบน้ำ และหันไปพูดกับสาวรับใช้ด้วยสีหน้าเย็นชา
สาวรับใช้พยักหน้า เดินเข้ามาสัมผัสจมูกของชายชราทุกคน “ฝ่าบาท พวกเขาสิ้นใจแล้วเพคะ”
“ดี! ส่งข่าวไปบอกจอมพลเอเดน” ซินหยาลุกขึ้น “เอาศพพวกนี้ไปทิ้ง อย่าให้หลงเหลือแม้แต่ร่องรอยอะไร”
“เพคะ!”
จอมพลเอเดนได้รับคำสั่งการจากซินหยา และหลังจากนั้นกองทัพทหารของเขาก็สังหารสมาชิกครอบครัวของทุกคนที่มีรายชื่ออยู่บนกระดาษ ไม่ปล่อยให้ใครรอดชีวิต
ทหารทั้งหลายต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินคำสั่งการดังกล่าว ทว่าชะตากรรมของเหล่าทหารขึ้นอยู่กับการเชื่อฟัง ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มลงมือ!
ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน คนบางส่วนก็ค้นพบว่าชนชั้นสูงของเคทเลอร์ได้เปลี่ยนแปลงไปก่อนที่พวกเขาจะทันได้ตอบสนอง!
จักรพรรดิริเริ่มปราบปรามผู้อาวุโสพวกนั้นจริง ๆ! กองกำลังทหารของพวกผู้อาวุโสต้องการจะตอบโต้กลับ ทว่าจักรพรรดิกลับป่าวประกาศออกมาโดยตรงว่า หากพวกเขาอยากให้ผู้เป็นนายมีชีวิตรอด พวกเขาควรอยู่นิ่งเสีย อย่าทำให้เรื่องนี้ยุ่งยาก!
เพื่อเห็นแก่ผู้เป็นนาย กองทัพทหารเหล่านั้นจึงยังไม่ได้ลงมือทำอะไร จึงช่วยประหยัดพละกำลังไปมากกว่าครึ่ง!
จอมพลเอเดนกำจัดสมาชิกครอบครัวของชนชั้นสูงโดยไม่ต้องใช้กำลังอะไรมากนัก พวกเขาถูกกวาดล้างไปจนหมดสิ้น
ชนชั้นสูงในจักรวรรดิเคทเลอร์รู้สึกประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก ถึงอย่างนั้นก็ยังมีกองกำลังติดอาวุธเข้ามาพัวพัน พร้อมจะบุกเข้าไปคิดบัญชีกับจักรพรรดิ ทว่ากองกำลังของพวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนกับกองกำลังของชายชราพวกนั้น แล้วกองกำลังของจอมพลเอเดนล่ะจะขนาดไหน?
ประชาชนธรรมดาพากันเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าแสดงความคิดเห็น แม้แต่สื่อมวลชลยังไม่กล้าออกข่าว เกรงว่าจะเผลอพูดอะไรผิดไป และจักรพรรดิจะเล็งปลายมีดมาทางพวกเขาแทน
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าจักรพรรดิที่ดูเหมือนทาสในเรือนเบี้ยจะมีกองกำลังสำรอง!”
“คนมักจะพูดว่าหมาเห่าแต่ไม่กัด ถึงอย่างนั้นคงไม่มีอะไรหรอก แต่ว่าจักรพรรดิของเราก็ร้ายกาจพอตัว!”
“หุบปาก! จะพูดอะไรก็ระวังหน่อย! ถ้าเจ้าติดคุกหัวโต เมียของเจ้าจะต้องมาอยู่ภายใต้การดูแลของข้า!”
“ไสหัวไปให้พ้น! ข้ารู้ว่าเจ้าคิดจะครอบครองความงามของเมียข้า!”
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างพูดจากระซิบกระซาบ ไม่มีใครกล้าเสียงดังออกมา เพราะหวาดกลัวว่าจะเผลอพูดอะไรผิดไป และถูกเหล่าทหารที่เดินผ่านไปมาจับเข้าคุก ชีวิตต้องตกอยู่ในอันตรายแน่นอน
สถานการณ์ในภาพรวมกำลังเสถียรภาพมากขึ้น
โมยาตเรียกประชุมอีกครั้ง ชนชั้นสูงจากทั่วทั้งเคทเลอร์จึงรีบมารวมตัวกัน ผู้บัญชาการและชนชั้นสูงทั้งหลายก้มหัวลง ไม่มีใครกล้าเงยหน้ามองจักรพรรดิ
เสือยังไงก็คือเสือวันยังค่ำ!
ต่อให้หลายครั้งเขาจะเมินเฉยต่อการยั่วยุของอีกฝ่ายและขี้เกียจให้ความสนใจ แต่การแสดงอำนาจด้วยการแยกเขี้ยวขู่เพียงเล็กน้อยแบบนี้ ชายชราทั้งหลายจะไม่อกแตกตายเอาหรือ?
พวกเขาเหล่านั้นคือตระกูลชนชั้นสูงที่สืบทอดกันมาหลายพันปี! อีกทั้งยังมีกองกำลังติดอาวุธที่แข็งแกร่งมาก แต่กลับถูกถอนรากถอนโคนอย่างง่ายดาย และทั้งหมดใช้เวลาเพียงวันเดียวเท่านั้นราวกับว่าฝันไป!
ชนชั้นสูงพวกนั้นไม่สามารถทำอะไรโมยาตได้ นับประสาอะไรกับพวกเขา? เพราะฉะนั้นก็ทำตัวให้อยู่ในระเบียบเสียเถอะ!
“สาเหตุที่เราเรียกพวกท่านมาในครั้งนี้ เพราะเราอยากจะถามอะไรบางอย่างว่าพวกท่านเห็นด้วยกับเราหรือไม่?” ซินหยายืนอยู่บนแท่นสูง หยิบกองเอกสารขึ้นมาพลิกดูช้า ๆ มองดูพวกเขาและแสยะยิ้ม “พวกท่านคิดว่ากฎข้อบัญญัติฉบับล่าสุดที่เราแต่งตั้งขึ้นมามีผลหรือไม่?”
กฎข้อบัญญัติฉบับล่าสุด?
ทุกคนตกตะลึงไปชั่วขณะ หากเป็นฉบับล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ ก็น่าจะเป็นกฎข้อบัญญัติว่าด้วยการยกระดับเผ่ามนุษย์ให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาใช่ไหม?
ทำไมจู่ ๆ จักรพรรดิถึงยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด? เอ๊ะ พวกเขานึกออกแล้ว เมื่อไม่นานมานี้จักรวรรดิดวงดาวของเผ่ามนุษย์ถูกค้นพบ ชนชั้นสูงพวกนั้นกับกองกำลังเก่าแก่บุกเข้าไปโจมตีจักรวรรดิดวงดาวของเผ่ามนุษย์ใช่ไหม?
พวกเขานึกว่าจักรพรรดิคงยินยอมให้ทำแบบนั้นเพราะไม่เห็นพูดแย้งอะไร และคิดว่าจักรพรรดิไม่ได้สนใจเกี่ยวกับสถานะของเผ่ามนุษย์มากนัก!
นั่นคือเหตุผลที่ชนชั้นสูงพวกนั้นถูกลอบสังหารใช่ไหม?
‘น่าจะเป็นไปได้ เพราะผู้อาวุโสพวกนั้นฝ่าฝืนกฎข้อบัญญัติของจักรพรรดิ! พอนึกขึ้นได้ว่าท่านจักรพรรดิเพิ่งประกาศยกให้เผ่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา การกระทำของพวกเขาก็เหมือนกับการตบหน้าจักรพรรดิ และเรียกร้องให้จับมนุษย์มาเป็นสัตว์เลี้ยง แล้วอย่างนี้ฝ่าบาทจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?’
นี่คือความคิดของผู้บัญชาการกับชนชั้นสูงทั้งหลายที่เหลืออยู่ ในฐานะผู้อาวุโสที่รับใช้จักรพรรดิมาสามชั่วอายุคน ผู้บัญชาการอาวุโสพวกนี้เข้าใจดีว่าผู้สูงศักดิ์มักจะให้ความสำคัญกับชื่อเสียง!
ถึงจะไม่ได้รับผลประโยชน์ แต่จะเสียหน้าก็ไม่ได้! เพราะเมื่อไหร่ที่ล้มลง ความขัดแย้งจะเริ่มดุเดือดขึ้น!
ในขณะที่คนหนุ่มสาวครุ่นคิดด้วยความเศร้าใจ “ท่านจักรพรรดิช่างมีพระกรุณา พอยกให้พวกมนุษย์กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา พระองค์ก็ให้เกียรติพวกมนุษย์อย่างเท่าเทียม และไม่อยากทนเห็นพวกมนุษย์โดนเหยียดหยาม ใจดีอะไรขนาดนี้นะ!”
ทุกคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง ทว่าความคิดของพวกเขากลับแบ่งออกเป็นสองฝ่าย
“ฝ่าบาท มีผลพ่ะย่ะค่ะ! การกำหนดกฎข้อบัญญัติเป็นอะไรที่เคร่งครัดมาก และจะต้องมีผลบังคับใช้ เพราะฉะนั้นพวกเราทุกคนต้องปฏิบัติตามพ่ะย่ะค่ะ!”
“มีผลแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
“มีผล!”
…
“โอ้ งั้นหรือ?” ซินหยามองดูพวกเขาอย่างเกียจคร้าน “ในเมื่อมีผลบังคับใช้ และตอนนี้เผ่ามนุษย์ตกอยู่ในอันตราย พวกท่านคิดว่าเราควรทำยังไงดี?”
“จะต้องส่งกองทัพทหารไปช่วยพวกเขาจากการถูกปิดล้อมพ่ะย่ะค่ะ!”
จอมพลเอเดนจึงรีบลุกขึ้นทันทีและพูดว่า “กระหม่อมยินดีจะนำกองทัพออกไปพ่ะย่ะค่ะ!”
“ดีมาก สมแล้วที่จอมพลเอเดนได้รับตำแหน่งจอมพลเบอร์หนึ่ง! มีน้ำใจเหลือล้นกว่าคนอื่นเป็นไหน ๆ!” ซินหยาพูด “ถ้าเป็นแบบนั้น เราจะให้ท่านออกไป!”
“การคลังให้งบประมาณกองทัพทหารของจอมพลเอเดนเพิ่มอีกสิบเปอร์เซ็นต์”
“สิบเปอร์เซ็นต์? ฝ่าบาท มันไม่เยอะไปเหรอพ่ะย่ะค่ะ?” รัฐมนตรีกระทรวงการคลังเบิกตากว้างขณะแย้งขึ้น งบประมาณทางการทหารของจอมพลเอเดนสูงกว่าค่าใช้จ่ายด้านอื่นถึงห้าเปอร์เซ็นต์ และตอนนี้ก็ยังจะต้องเพิ่มขึ้นอีกสิบเปอร์เซ็นต์ คนอื่นจะต้องไม่เห็นด้วยแน่นอน!
“เยอะไปเหรอ? เราคิดว่ามันไม่เยอะไปนะ! เราอยากจะบอกว่างบประมาณทางทหารทั้งหมดควรมอบให้กับจอมพลเอเดนด้วยซ้ำ!” ซินหยาพูด “จะเก็บคนอื่นไว้ทำไม? ในเมื่อมีประโยชน์อยู่แค่คนเดียว ส่วนพวกที่ไม่มีประโยชน์ก็เอาแต่ฟุ่มเฟือยเสียเปล่า ๆ!”
แทงใจดำทุกคำพูด!
จอมพลคนอื่นรู้สึกไม่พอใจ จึงลุกขึ้นยืนและแสดงจุดยืนของตัวเองบ้าง “ฝ่าบาท ท่านมีอะไรก็รับสั่งมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ ทำไมจะต้องฉีกหน้ากันด้วย?”