สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 486 กล้าวางสายใส่ฉันเหรอ
ตอนที่ 486 กล้าวางสายใส่ฉันเหรอ?
ตอนที่ 486 กล้าวางสายใส่ฉันเหรอ?
“สวัสดี โจรสลัด!” สวี่หลิงอวิ๋นโบกมือ และพูดด้วยรอยยิ้ม “ดูดีเหมือนกันนะเนี่ย คิดอยากจะมาพัฒนาตัวเองที่นี่บ้างไหมล่ะ? อาจจะดีกว่าการเป็นโจรสลัดนะ?”
“ขอโทษครับ และขอบคุณที่เป็นห่วงผม แต่ผมคิดว่าการพัฒนาตัวเองที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร” โจรสลัดพูดตอบอย่างสุภาพ
สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า แสดงออกว่าเห็นด้วย “ก็ใช่ แต่ถ้าฉันถล่มดาวโจรสลัดแล้ว ท่านก็ต้องมาเป็นลูกน้องฉันอยู่ดี”
เบนเน็ตที่อยู่ข้างหลังอดไม่ได้ที่จะหันไปบ่นกับสวี่หลิงอวิ๋น “หัวหน้า ท่านคิดยังไงกับเขาครับ? ก็แค่คนขี้ขลาดที่มุ่งมั่นจะเป็นโจรสลัด จะมาเป็นลูกน้องของท่านได้ยังไง?”
“เงียบ นายไม่เข้าใจหรือไง? คนที่จะถืออาชีพโจรสลัดไปตลอดชีวิต คนแบบนี้ไม่มีขีดจำกัดขั้นต่ำหรอกนะ แล้วถ้าทีหลังเผลอทำอะไรแย่ ๆ ก็ปล่อยให้เขารับแทนไป! นายมันซื่อบื้อ ทำไมไม่เข้าใจอะไรเอาซะเลย?”
“โอ้ อย่างนี้เองเหรอครับ? องค์หญิงสาม ท่านพูดถูก! สายตาเฉียบแหลมมากครับ!” ลุคพูดเกินจริงด้วยโทนเสียงสูง เขาเหลือบมองโจรสลัดที่อยู่ในวิดีโอด้วยสายตายั่วโมโห “คนนี้หน้าหนาดีนะครับ น่าจะรับมือกับเรื่องแย่ ๆ ไหว!”
เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปพูดกับเหล่านักเรียนทหารที่อยู่ด้านหลัง “เราต้องสร้างสัมพันธ์ดี ๆ กับลูกพี่คนนี้ไว้นะ พอเผลอทำอะไรไม่ดีก็ค่อยทักหาพี่เขา”
นักเรียนทหารที่อยู่ข้างหลังหัวเราะเยาะและตอบว่า “ใช่ นายพูดถูก เรามาสร้างสัมพันธ์กับพี่ใหญ่คนนี้ไว้เถอะ!”
เมื่อพูดจบก็ตะโกนว่า “พี่ใหญ่ ฝากตัวด้วยนะครับ!”
ชายโจรสลัดรู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า ในฐานะนักการทูตอาวุโส เขาได้เห็นความอัปยศอดสูมาทุกชนิดแล้ว นอกจากนี้มันก็เป็นแค่มุกตลกจากคนพวกนี้
“องค์หญิงของเราขอให้ผมมาคุยกับท่าน ว่าท่านต้องการเงื่อนไขอะไรสำหรับการพาอสุรกายทั้งห้าร้อยตัวนี้ออกไป เราคุยกันได้นะครับ” ชายโจรสลัดพูด
“เงื่อนไขอะไร?” สวี่หลิงอวิ๋นใช้เรียวนิ้วของเธอม้วนปลายผม และขยิบตาให้โจรสลัด เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าโอคาซีกลับใช้นิ้วเคาะหัวเธอเข้าเสียก่อน
“ทำอะไร? ภาพลักษณ์ของผู้บัญชาการหายหมด!” สวี่หลิงอวิ๋นบ่นอุบอิบ และหันไปมองพลเอกที่รัก
“พูดดี ๆ หน่อย แล้วตาเป็นอะไร? กระตุกหรือไง?”
สวี่หลิงอวิ๋นยิ้มอย่างเขินอาย แฟนหนุ่มดันมาเห็นว่าเธอขยิบตาให้ชายอื่นซะได้ น่าอายชะมัด!
“ฉันจะหยอกเขาเล่นหน่อยไม่ได้เหรอ?” สวี่หลิงอวิ๋นพูดอธิบาย “อย่าขี้หึงไปหน่อยเลย ท่านก็รู้ว่าหัวใจของฉันเป็นของท่าน ตัวของฉันก็เป็นของท่าน และคืนนี้ฉันก็เป็นของท่านได้นะคะ ถ้าท่านต้องการน่ะ เอาไหมล่ะคะ?”
คำพูดของสวี่หลิงอวิ๋นค่อนข้างโจ่งแจ้งและใจกล้า จนทำให้โอคาซีหน้าแดงก่ำ!
โอคาซียังคงจ้องเธอ “เงียบ!! พูดดี ๆ หน่อย คุยกันดี ๆ!”
หัวใจของเขาเต้นแรง ใบหูแดงก่ำ เขากระแอมเล็กน้อยและเดินจากไป ถึงแม้ว่าใบหน้าจะดูนิ่งขรึม แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ทำไมแฟนสาวสุดที่รักถึงพูดอะไรแบบนี้? ใจกล้าเกินไปไหม? หรือว่ากำลังทดสอบเขาอยู่?
คำพูดของสวี่หลิงอวิ๋นไม่เพียงแต่จะทำให้โอคาซีมีท่าทีเช่นนั้น แต่ยังทำให้เหล่านักเรียนทหารที่อยู่ข้างหลังตกตะลึง ไม่รู้ว่าควรจะมองไปทางไหนดี
แต่ในขณะเดียวกัน ภายในใจกลับครุ่นคิดอย่างกระตือรือร้นว่าองค์หญิงสามยังไม่ได้จัดการพลเอกโอคาซีสินะ น่าเสียดายชะมัด!
แต่แล้วทำไมพลเอกโอคาซีไม่เริ่มก่อนล่ะ? ในฐานะผู้ชาย ในเมื่อแฟนสาวชักชวนแล้ว ควรจะรีบกระโดดเข้าใส่ไม่ใช่เหรอ?
นี่คือความคิดของเหล่านักเรียนทั้งหลายที่สูญเสียความเป็นเด็กไป
สวี่หลิงอวิ๋นแอบขำเมื่อเห็นโอคาซีเดินออกไปแบบนั้น แฟนของเธอคบกับเธอมานานแล้ว แต่ก็ยังคงไร้เดียงสาอยู่!
บางครั้งก็รู้สึกได้ว่าเขาเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว แต่ก็หยุดตัวเองได้ทุกครั้ง
ไม่เป็นอะไรหรอก ยังไงก็ยังหยอกเขาได้อีกสักสองสามครั้ง!
สวี่หลิงอวิ๋นแอบคิดในใจ
ในขณะที่ชายโจรสลัดมีสีหน้าบูดบึ้ง นี่จะมาจีบกันหรือจะมาเจรจาต่อรองกันแน่?
“สวัสดี เมื่อครู่ท่านได้ยินคำถามของฉันไหมคะ? พวกท่านมีเงื่อนไขอะไรกันบ้าง?”
ชายโจรสลัดกระแอมเบา ๆ และพูดว่า “อะไรก็ตามที่ดาวโจรสลัดของผมสามารถจ่ายได้ ผมก็จะจ่าย”
สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า “ถ้างั้นง่ายมาก เอาเหรียญทองอินทนิลหนึ่งล้านล้านเหรียญมาให้ฉัน แล้วฉันจะสั่งให้อสุรกายทั้งห้าร้อยตัวออกไป คิดว่าไงล่ะ?”
“อะไรนะ? เหรียญทองอินทนิลหนึ่งล้านล้านเหรียญ? มากเกินไปแล้ว! ดาวโจรสลัดของเราไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้นมาสามปีแล้ว และท่านกำลังโลภเกินไป!”
เขารู้สึกตกตะลึงกับเงื่อนไขของสวี่หลิงอวิ๋น พลางส่ายหัวและโบกมือปฏิเสธ เงื่อนไขนี้จะทำให้องค์หญิงผู้ที่รักเงินเป็นชีวิตจิตใจไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน และไม่คิดจะสนทนาด้วย!
“ถ้าไม่คิดจะคุย งั้นฉันก็จะปล่อยให้พวกอสุรกายเดินเล่นบนบาเรียของพวกท่านต่อไปแล้วกัน ยังไงซะก็ยังมีเวลาเหลืออีกเยอะ! บอนาร์ยังบอกอีกว่ามันคันกรงเล็บนิดหน่อย อยากจะตวัดกรงเล็บออกไปซะเหลือเกิน ท่านคิดว่าไงล่ะ?”
“ท่านเปลี่ยนเงื่อนไขไม่ได้เหรอครับ? จะต่อรองอะไรอีกก็ได้!”
ชายโจรสลัดพูดอย่างลังเล “หรือว่าท่านพอจะลดจำนวนเงินลงอีกหน่อยได้ไหมครับ? เงินจำนวนนี้มันเยอะเกินไป เราไม่ได้มีเงินในคลังเยอะขนาดนั้น!”
“งั้นลดลงหน่อยก็ได้ ลดไปสักหนึ่งหมื่นเหรียญทองอินทนิลแล้วกัน นี่ยังถือว่าฉันใจกว้างนะ ลดให้ตั้งหมื่นเหรียญแน่ะ!”
สวี่หลิงอวิ๋นโบกมือ แสดงท่าทีราวกับเป็นภรรยาเจ้าของบ้านผู้ใจดี
ทว่าการกระทำดังกล่าวกลับทำให้โจรสลัดจ้องมองมาที่เธอ และส่ายหัวครั้งแล้วครั้งเล่า “หนึ่งหมื่นเหรียญทองอินทนิลน้อยเกินไป นั่นแทบจะไม่ลดลงด้วยซ้ำ! ท่านพอจะลดให้เราสักศูนย์จุดหนึ่งเปอร์เซ็นต์ได้ไหมครับ?”
“ท่านว่ายังไงนะ? ลดศูนย์จุดหนึ่งเปอร์เซ็นต์? ล้อฉันเล่นอยู่หรือไง? ฉันอยากได้เท่าไหร่ท่านก็ต้องให้ฉันเท่านั้นไหม? ไม่ว่าจะลดศูนย์จุดหนึ่งเปอร์เซ็นต์หรือลดสิบเปอร์เซ็นต์ ฉันก็ไม่สน! ในเมื่อกล้าล้อฉันเล่นแบบนี้ ก็อย่ามาโทษที่ฉันเอาคืนแล้วกัน!”
“ท่านช่วยรอให้ผมไปถามองค์หญิงก่อนได้ไหมครับ ยังไงซะเราก็ยังพูดคุยกันได้ใช่ไหม?”
ชายโจรสลัดถือว่าตนเองเป็นนักการทูตมาหลายปี และเห็นได้ชัดว่าสวี่หลิงอวิ๋นไม่มีความอดทนในการต่อรองกับเขามากนัก เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอไม่เห็นด้วย เธอจะสั่งการให้บอนาร์เริ่มลงมือในทันที และหลังจากนั้นบาเรียของดาวโจรสลัดก็จะแตกออก! แต่ถ้าตอนนี้ไปขอคำแนะนำจากองค์หญิงสาม บางทีเขาอาจจะเอาสุดยอดอาวุธออกมาใช้ได้!
เมื่อคิดเช่นนั้น เขาก็พูดกับสวี่หลิงอวิ๋นว่า “จำนวนเงินมาเกินไปครับ ผมคงต้องไปขอคำแนะนำจากองค์หญิงก่อน ท่านช่วยรอสักแป๊บได้ไหมครับ?”
สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้าอย่างเฉยเมย และพูดว่า “ฉันจะให้เวลาท่านแค่ห้านาทีเท่านั้นนะ ถ้าเกินห้านาที ฉันจะสั่งให้อสุรกายเริ่มโจมตีทันที!”
“ครับ ท่านไม่ต้องห่วง แค่ห้านาทีก็พอแล้วครับ!”ชายโจรสลัดพูดและรีบวางสายลง
สวี่หลิงอวิ๋นตกตะลึงไปชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปคุยกับผู้คนที่อยู่บริเวณโดยรอบ “ไอ้หมอนั่นมันหยิ่งไปมะ? กล้าวางสายใส่ฉันได้ยังไง? ไม่คิดจะบอกให้ฉันวางสายก่อนเหรอ?!”