สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 500 เข้ายึดครอง
ตอนที่ 500 เข้ายึดครอง
ตอนที่ 500 เข้ายึดครอง
สวี่หลิงอวิ๋นสั่งให้พวกอสุรกายออกไปให้พ้นทาง!
เดิมทีเธอวางแผนจะใช้สุดยอดอาวุธ แต่เมื่อคิดอีกครั้ง ไม่ดีกว่า! ควรเก็บสุดยอดอาวุธไว้ใช้ในช่วงเวลาวิกฤต
ถ้าเกิดพวกเธอออกไปแล้ว และลูกพี่ทั้งสี่ไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย สุดยอดอาวุธก็ยังจำลองแบบไม่เสร็จ ตอนนั้นพวกเธอจะไม่ถูกพวกต่างดาวโจมตีเอาเหรอ?!
แน่นอนว่าจะต้องใช้สุดยอดอาวุธน่ะสิ!
สวี่หลิงอวิ๋นจึงขอให้บอนาร์กับเสี่ยวอ้ายลงมือทำลายบาเรียอีกครั้ง และต้นไม้แห่งชีวิตก็กลับมามีบทบาทอีกครั้ง
ราวกับคัดลอกเหตุการณ์บนดาวโจรสลัดมาไม่มีผิดเพี้ยน เมืองหลวงของจักรวรรดิกลายเป็นทะเลสาบแห่งการนองเลือด
การต่อสู้ดำเนินการเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ก่อนจะกลายเป็นนรกบนดิน
สวี่หลิงอวิ๋นหัวเราะเยาะ และปล่อยให้เหล่าอสุรกายเพลิดเพลินต่อไป! จากนั้นจึงนำผู้คนไปสร้างความหายนะให้กับดาวเคราะห์ดวงอื่นของจักรวรรดิสโตว์ต่อ!
ผู้คนจากจักรวรรดิรอบนอกสั่นสะท้านจนเหงื่อไหลลงมา!
มนุษย์พวกนี้เป็นสิ่งมีชีวิตเลือดเย็นจริง ๆ! สิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญามากมายถูกฆ่าตายราวกับคำพูดที่เรียบง่าย พวกเขาไม่รู้สึกขนลุกบ้างหรือไง!?
ขนลุก? ขนลุกกับผีน่ะสิ!
สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกว่ามันเป็นการเอาเปรียบถ้าจะปล่อยให้พวกเขาจบชีวิตลงอย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้นเธอจะทำให้พวกเขารู้ว่าการมีชีวิตอยู่ต่อดีกว่าความตายได้อย่างไร?!
เธอเป็นผู้หญิงที่จิตใจดีมีเมตตาเสียจริง
สำหรับการโจมตีจักรวรรดิสโตว์ในครั้งนี้ สวี่หลิงอวิ๋นไม่ได้เปิดถ่ายทอดสดเพียงแค่ด้านนอกเขตดาวต่างแดน แต่ยังถ่ายทอดสดไปในต้นไม้แห่งชีวิตอีกด้วย
เป็นการบอกผู้คนในต้นไม้แห่งชีวิตรู้ว่าเผ่ามนุษย์ของพวกเธอยืนหยัดได้แล้ว และให้พวกเขาได้เห็นว่าเผ่ามนุษย์แข็งแกร่งขนาดไหน! สิ่งมีชีวิตต่างดาวไม่ได้น่ากลัวอีกต่อไป
[องค์หญิงสามเจ๋งมาก!]
[ไอดอล! ไอดอลมาแล้ว! ฉันรักท่านค่ะ!]
[ฮ่า ๆๆ! พวกมนุษย์ต่างดาวตะลึงไปเลย นึกไม่ถึงว่าเผ่ามนุษย์จะเจ๋งแบบนี้ใช่ไหม?!]
[กล้ามาโจมตีเราแต่กลับถูกโจมตีกลับ! ฮ่า ๆๆ! โอหังนัก พวกแกมันพวกโอหัง ทำไมถึงอ่อนแอแบบนี้!]
…
นี่คือคอมเมนต์จากชาวเน็ตที่อาศัยอยู่ในต้นไม้แห่งชีวิต ตื่นเต้นดีใจจนลืมตัว
ขณะที่ชาวเน็ตในเขตดาวต่างแดนเงียบกริบ รู้สึกถึงความสั่นสะท้านจากทางด้านหลัง
เมื่อก่อนพวกเขามีความสุขมากที่เห็นดาวโจรสลัดถูกเผ่ามนุษย์ทำลายล้างจนย่อยยับ แต่ตอนนี้ต้องมานั่งดูจักรวรรดิหนึ่งถูกทำลายล้าง มันช่างเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกจริง ๆ
ราวกับว่าการมองดูจักรวรรดิสโตว์เปรียบเสมือนการมองดูอนาคตของพวกเขา
ตอนนี้เผ่ามนุษย์รุ่งโรจน์ขึ้นแล้ว ทั้งในแง่ของพละกำลังการต่อสู้ พวกเขากลายเป็นกองกำลังที่ทุกจักรวรรดิหวาดกลัว ถึงจะเป็นเพียงยานรบ แต่น่าสะพรึงกลัวว่าดาวโจรสลัดสิบดวง!
ราวกับได้ความรุ่งโรจน์ภายในชั่วข้ามคืน
สวี่หลิงอวิ๋นใช้เวลาทำลายล้างจักรวรรดิสโตว์เพียงแค่คืนเดียว
นองเลือดไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
เป็นอีกหนึ่งค่ำคืนที่จักรวรรดิต่าง ๆ ยากจะหลับใหล และเป็นวันที่มนุษย์ลุกขึ้นยืนหยัดอย่างสมบูรณ์แบบ
จักรวรรดิสโตว์ได้กลายเป็นฐานให้เผ่ามนุษย์ก้าวไปสู่ความก้าวหน้า และกลายเป็นที่เชือดไก่ให้ลิงดู
องค์ชายรองโกรธมาก เขาเสียสติและเริ่มพล่ามไร้สาระ สวี่หลิงอวิ๋นเอาเขาไปโยนไว้บนดาวเคราะห์รกร้าง และปล่อยให้เขาใช้ชีวิตตามยถากรรม
หลังจากจักรวรรดิสโตว์ล่มสลาย เธอได้ออกเดินทางพัฒนาทีละขั้นตอน โดยการพามนุษย์ในต้นแห่งชีวิตไปที่เขตดาวต่างแดน
อวี้ซินคุ้นเคยกับเขตดาวต่างแดนมากที่สุด ดังนั้นสวี่หลิงอวิ๋นจึงมอบอำนาจให้อวี้ซินจัดการดาวเคราะห์ของเผ่ามนุษย์ในเขตดาวต่างแดน
ดาวเคราะห์ที่เผ่ามนุษย์ไปตั้งรากฐานอยู่เป็นการนำดาวเคราะห์หลายดวงมารวมเข้าด้วยกัน และต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งปีถึงจะกลายเป็นกาแล็กซีแห่งใหม่
ถึงอย่างนั้นก็ยังคุ้มเวลา
เนื่องจากเหตุการณ์ในจักรวรรดิสโตว์เป็นเช่นนี้ จักรวรรดิทั้งหลายในเขตดาวต่างแดนจึงไม่คิดแข่งขันกับเผ่ามนุษย์อีก!
และเผ่ามนุษย์ก็ไม่กลัวว่าตัวเองจะถูกจักรวรรดิพวกนี้ลักพาตัวไปขายอีกต่อไป! เพราะว่ามนุษย์ที่ออกมาล้วนมีต้นไม้แห่งชีวิตต้นย่อยอยู่ในหัวของพวกเขา เมื่อไหร่ก็ตามที่มนุษย์ตกอยู่ในภัยอันตราย ต้นไม้แห่งชีวิตต้นย่อยจะทำให้พืชพรรณบนดาวเคราะห์เกิดความโกลาหล และทั่วทั้งดวงดาวจะกลายเป็นนรก!
นี่คือผลลัพธ์ที่จักรวรรดิต่างดาวไม่อาจต้านทานได้!
หลังจากทำลายดาวเคราะห์ไปหลายดวง สวี่หลิงอวิ๋นก็ตามไปล้างแค้นกับจักรวรรดิทั้งหลาย
เมื่อชำระแค้นเสร็จแล้ว จักรวรรดิพวกนั้นก็ไม่กล้าที่จะค้าขายมนุษย์อีกต่อไป!
ตรงกันข้าม มนุษย์จำนวนมากรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะก่ออาชญากรรม! พวกเขาวิ่งแจ้นเข้าไปหาผู้รับซื้อ และคิดว่าอีกฝ่ายจะต้องจับพวกเขาแน่!
หากอีกฝ่ายกล้าที่จะจับกุมพวกเขา เผ่ามนุษย์ก็จะมีข้ออ้างในการทำลายล้างดาวเคราะห์ของอีกฝ่ายอีกครั้ง!
ผู้รับซื้อทำเป็นเมินเฉยใส่เผ่ามนุษย์ อีกทั้งยังมอบเหรียญทองอินทนิล รวมถึงสวดภาวนาให้มนุษย์รีบจากไปโดยด่วน! เพราะถ้าพวกเขาไม่ยอมไปอาจจะเกิดความเข้าใจผิดขึ้นได้ แค่นี้ผู้รับซื้อก็มีชื่อเสียงฉาวโฉ่มากอยู่แล้ว อีกฝ่ายจะเข้าใจผิดได้ง่าย และพวกเขาไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น!
ยังจำอสุรกายกาน่าได้ไหม?
สวี่หลิงอวิ๋นพาอสุรกายกาน่าออกมาด้วย เพราะรูปลักษณ์ที่โง่เขลาของอสุรกายกาน่าทำให้คนไม่ปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก!
ทำอะไรก็ผิดพลาดไปหมด! แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ทำถูกต้อง มันกลับไม่น่าเชื่อถือสักนิด!
สวี่หลิงอวิ๋นพูดกับกาน่าที่ไร้ยางอายว่ามันควรกลับไปหาเจ้านายซะ! แล้วอย่ามารบกวนเธออีก!
ทว่าเมื่อไม่นานมานี้อสุรกายกาน่าติดใจการกินอาหารของเผ่ามนุษย์ มันจะยอมจากไปได้อย่างไร? มันขอร้องแลนเซล็อตอย่างจริงจัง โดยหวังว่าเขาจะยอมรับมันเป็นสัตว์เลี้ยง ไม่ต้องอะไรมาก ขอแค่อาหารกระป๋องหรืออะไรก็ได้
และมันก็ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี!
เมื่อไม่นานมานี้แลนเซล็อตมีความสัมพันธ์อันดีงามกับมัน หลังจากถูกอสุรกายกาน่าขอร้อง เขาก็หันไปหาสวี่หลิงอวิ๋น “ในเมื่อกาน่าไม่อยากไป ผมจะเลี้ยงมันไว้ก็ได้!”
องค์หญิงวินเซอร์ ลูกพี่ลูกน้องของสวี่หลิงอวิ๋นอมยิ้มเล็กน้อย
องค์หญิงวินเซอร์ผู้นี้ไม่ใช่ดอกไม้ในเรือนแก้วอีกต่อไป เธอเป็นหญิงสาวที่พากเพียรและอุตสาหะตามที่สวี่หลิงอวิ๋นจินตนาการเอาไว้ เมื่อไหร่ที่ผู้หญิงคนนี้ตัดสินใจแล้ว ไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับเธอ!
แน่นอนว่าองค์หญิงวินเซอร์คนปัจจุบันมีความเห็นเชิงลึกเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการเมืองตามแบบฉบับเฉพาะตัวของเธอ และแลนเซล็อตก็เห็นพ้องกับความคิดดังกล่าวด้วย
แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้พูดว่าพวกเขาใจตรงกัน แต่ก็รับรู้ได้ถึงสัญญาณที่ปรากฏออกมา
ทว่าสวี่หลิงอวิ๋นกลับค้นพบว่าตอนนี้ลูกพี่ลูกน้องวินเซอร์หมดรักอีกฝ่ายแล้ว ในขณะที่สายตาของเธอปรากฏให้เห็นถึงบางอย่างที่เรียกว่า ‘ความทะเยอทะยาน’
แลนเซล็อตยังคงเป็นองค์ชายรัชทายาทที่มีความเฉลียวฉลาด เขารู้ดีว่าผู้หญิงประเภทไหนเหมาะสมกับเขา และวินเซอร์ก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะมุ่งไปสู่หนทางที่ดีขึ้น
หลังจากบอนาร์ตามจีบมานานนับพันปี ในที่สุดเสี่ยวอ้ายก็ใจอ่อนและตอบตกลงเป็นคู่ชีวิต
เสี่ยวอ้ายประสบความสำเร็จใจการแปลงร่างเป็นมนุษย์จากการช่วยเหลือจากเสี่ยวอวิ๋นและเสี่ยวโอ!
กลายเป็นผู้หญิงที่ดูอ่อนหวาน มีความเป็นโลลิที่คล้ายคลึงกับสวี่หลิงอวิ๋นแปดสิบเปอร์เซ็นต์!
สวี่หลิงอวิ๋นประหลาดใจมาก!
นี่คือน้องสาวที่รักของเธอสินะ!
เสี่ยวอ้ายกับบอนาร์เดินเข้าสู่สถานที่จัดงานแต่งงานอย่างสมบูรณ์ ขณะที่โอคาซีเหลือบมองสวี่หลิงอวิ๋นเงียบ ๆ
ทั้งสองได้แต่งงานกันแล้ว แล้วเมื่อไหร่พวกเขาจะได้แต่งงานกันสักที?
ถ้ายังไม่ยอมแต่งงานอีก เขาจะกลายเป็นชายหนุ่มวัยสามสิบปีแล้วนะ!