สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 509 ตอนพิเศษ ชีวิตของสวี่หลิงอวิ๋นในชาติที่แล้ว 1
ตอนที่ 509 ตอนพิเศษ ชีวิตของสวี่หลิงอวิ๋นในชาติที่แล้ว 1
ตอนที่ 509 ตอนพิเศษ ชีวิตของสวี่หลิงอวิ๋นในชาติที่แล้ว 1
สวี่หลิงอวิ๋นเกิดในบ้านหลังเล็ก ๆ ที่อยู่ในชนบทห่างไกล…
หลังจากที่เธอเกิดได้ไม่นาน พ่อแม่ก็ต้องออกไปทำงาน ทิ้งเธอให้อยู่กับย่าเพียงลำพัง
การใช้ชีวิตในหมู่บ้านชนบทเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุขอย่างไม่ต้องสงสัย ที่นี่ไม่มีข้อจำกัดและย่าก็ตามใจเธอมาก เพราะเธอเป็นหลานสาวเพียงคนเดียวในบ้าน แม้ย่าจะไม่ปลื้มที่เธอเป็นผู้หญิง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรักทุกอย่างที่เป็นเธอ
สวี่หลิงอวิ๋นเป็นเด็กแก่นเฟี้ยวมาตั้งแต่เด็ก ปีนป่ายต้นไม้เพื่อขึ้นไปเก็บไข่นก กระโจนลงแม่น้ำไปจับปลา ไม่มีอะไรที่เธอไม่เคยทำมาก่อน!
นอกจากนี้เธอยังไม่กลัวอะไรทั้งนั้น กลุ่มเด็กน้อยในชนบทมักจะอยู่รวมกับพ่อแม่ มีเพียงสวี่หลิงอวิ๋นเท่านั้นที่ไม่มีพ่อแม่ เด็กเหล่านั้นจึงพากันขว้างก้อนหินใส่เธอ กล่าวหาว่าเธอเป็นเด็กที่ไม่มีใครต้องการ
ตอนที่สวี่หลิงอวิ๋นอายุสี่ถึงห้าขวบ เธอยังไม่สามารถเอาชนะเด็กพวกนั้นได้ ทำได้เพียงวิ่งหนีไปรอบ ๆ ทว่าความคับแค้นในใจของสาวน้อยกลับแรงกล้าขึ้น ใครก็ตามที่กลั่นแกล้งเธอ เธอจะแอบย่องไปปาก้อนหินใส่กระจกบ้านพวกเขากลางดึก
เธอวิ่งเร็ว และมีกลวิธีในการหายตัวไปในชั่วพริบตา นอกจากนี้เธอยังตัวเล็ก จึงสามารถหลบซ่อนได้ง่าย!
เธอถูกรังแกในตอนกลางวันและกลับไปแก้แค้นในตอนกลางคืนเพื่อให้จิตใจได้สงบลง และไม่ถูกกลั่นแกล้งอย่างน่าสมเพชอยู่ฝ่ายเดียว
เมื่อเธออายุได้เจ็ดถึงแปดขวบ เธอแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย และเมื่อไหร่ก็ตามที่เด็กโตกว่าวิ่งเข้ามาหาเธอ เธอจะวิ่งเข้าไปคลุกตัวในโคลน และขว้างรังผึ้งใส่เด็กพวกนั้นโดยตรง
เยี่ยมไปเลย! รังผึ้งจำนวนมากทำให้เด็กพวกนั้นหวาดกลัวแทบตาย ส่วนเธอก็มีความสุขอยู่ในขี้โคลน!
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวก็มีคนรังแกเธอน้อยลง ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนมีตาหามีแววไม่และหันมาเอาคืนเธอ เธอจึงใช้ท่อนไม้ไล่ตีพวกเด็กที่เข้ามารังแกเธออีกครั้ง เพียงแค่เธอเหวี่ยงท่อนไม้ออกไปครั้งเดียว พวกเขาก็คุกเข่าอ้อนวอนร้องขอความเมตตาจากเธอกันใหญ่!
สวี่หลิงอวิ๋นพบว่าความแข็งแกร่งของเธอค่อย ๆ เพิ่มขึ้น แต่นั่นเป็นเรื่องปกติที่เธอจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น!
เมื่อเธออายุได้สิบขวบ พ่อแม่ก็ตัดสินใจมารับเธอไปเรียนในเมือง
สวี่หลิงอวิ๋นต่อต้าน! เธอไม่อยากห่างกับย่า!
แต่เพื่ออนาคตที่ดีของเธอ ย่าจึงบอกให้เธอไปเรียนต่อ เมื่อไหร่ที่เธอจบการศึกษาจากชั้นมหาวิทยาลัยและมีรายได้ เมื่อนั้นเธอสามารถกลับมารับย่าไปเสพสุขด้วยกันได้!
สวี่หลิงอวิ๋นประทับใจในคำพูดของย่ามาก เธอจึงจากไปพร้อมกับพ่อแม่
เธอเป็นนักเรียนที่เรียนเก่งเมื่ออยู่ในชนบท แต่กลับไม่ได้เก่งพอสำหรับเมืองหลวง! โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษาจีนกลางที่ไม่ได้มาตรฐานของเธอ อีกทั้งยังมีผิวสีดำคล้ำ คนเหล่านั้นจึงมองว่าเธอเป็นเด็กสาวที่มาจากบ้านนอกคอกนา!
การรับรู้แรกของเด็ก ๆ ที่มีต่อสวี่หลิงอวิ๋นคือโคลนตม!
การรับรู้แรกของสวี่หลิงอวิ๋นคือแม่คะ คุณครูพูดว่าอะไร? ทำไมหนูไม่เข้าใจเลย!
ในการสอบครั้งแรก สวี่หลิงอวิ๋นสอบได้ที่โหล่
เธอยังไม่ทันได้เข้าใจการกระทำปลีกวิเวกเงียบ ๆ ของเพื่อนร่วมชั้น เธอก็ถูกคะแนนอันน้อยนิดโจมตีเข้าเสียก่อน!
สวี่หลิงอวิ๋นเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก! เธอเติบโตขึ้นมาพร้อมกับคำชมของย่ามาตั้งแต่เด็ก ย่าคิดว่าเธอจะสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งได้ แต่เธอจะสอบเข้าที่นั่นด้วยคะแนนที่โหล่ได้อย่างไร?!
เพื่อนร่วมชั้นเริ่มรู้สึกว่าเพื่อนตัวน้อยคนนี้ไม่ได้สนใจต่อการเพิกเฉยของพวกเขามากนัก อีกทั้งยังชอบถามคำถามคุณครูอยู่เรื่อย
ในตอนแรกคุณครูคิดว่าเด็กคนนี้จะต้องมีพื้นฐานที่แย่มากเพราะมาจากชนบท และบางทีเด็กนี้อาจจะค่อนข้างโง่!
แต่ในไม่ช้าคุณครูกลับค้นพบว่าเด็กน้อยคนนี้แค่มีพื้นฐานที่แย่ ในขณะที่หัวค่อนข้างหัวไว และยังมีความสามารถในการเอาความรู้ไปปรับใช้ในเรื่องอื่น ๆ ได้ดีเยี่ยม!
มีใครบ้างที่ไม่ชอบเด็กฉลาด?! โดยเฉพาะเด็กฉลาดที่มีความสนใจแรงกล้าในการใฝ่รู้ใฝ่เรียน!
ดังนั้นคุณครูทั้งหลายจึงให้ความสนใจแก่เธอเป็นพิเศษ และคอยสอนเธอทำการบ้าน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูสอนวิชาภาษาอังกฤษ สวี่หลิงอวิ๋นไม่เคยเรียนรู้ภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กอยู่ในชนบท จึงยากต่อการเรียนรู้เป็นพิเศษ ทว่าความจำสวี่หลิงอวิ๋นกลับเป็นเลิศ!
เธอใช้เวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ในการจดจำคำศัพท์ทั้งหมดในหนังสือเรียน!
ความจำของเธอทำให้ครูสอนวิชาภาษาอังกฤษประหลาดใจ! แทบรอไม่ไหวที่จะรับเธอเป็นลูกศิษย์คนสนิท!
เธอเอาเทปมากมายมาเปิดให้สวี่หลิงอวิ๋นหัดฟังและหัดพูด และคอยหมั่นเพียรให้เธอลองออกเสียง
เด็กหญิงตัวน้อยมักจะทำตามที่คุณครูสอน เธอรีบตื่นตั้งแต่ตีห้าและวิ่งไปที่โรงเรียน
แม้ว่าโรงเรียนจะเริ่มเปิดตอนเจ็ดโมง แต่สวี่หลิงอวิ๋นก็มักจะมาถึงหน้าประตูโรงเรียนก่อนสองชั่วโมงเสมอ เธอใช้เวลาสองชั่วโมงในการท่องจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน
ตอนแรกไม่มีใครสังเกต แต่แล้วยามเฝ้าประตูก็เห็นบางอย่างอยู่ด้านนอก! เขาออกไปดูว่านักเรียนคนไหนจงใจแกล้งโดยการวิ่งเข้ามาสร้างปัญหาที่โรงเรียน?
แต่เมื่อมองดูอีกครั้ง พระเจ้าช่วย! เป็นสาวน้อยนั่นเอง!
เสื้อผ้าของสวี่หลิงอวิ๋นดูมอมแมมอยู่เสมอ ในฐานะลูกสาวที่มีพ่อแม่ทำงานรับจ้างทั่วไป เธอไม่กล้าขอให้พ่อแม่ที่ทำงานหนักมาซื้อเสื้อผ้าตัวใหม่ให้เธอ นอกจากนี้เธอยังรู้สึกขอบคุณพ่อแม่ที่เจียดเงินค่าจ้างสองในสามมาเป็นค่าเล่าเรียนให้เธอ
สำหรับชายชราที่ทำงานเป็นยามเฝ้าประตู เขาเคยเห็นเด็กมากมายที่จริงจังกับการอ่านหนังสือ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเด็กอย่างสวี่หลิงอวิ๋นพากเพียรและวิ่งมาอ่านหนังสือตอนตีห้าที่หน้าประตูทุกวัน!
เขาชอบเด็กที่ขยันหมั่นเพียร เขาจึงบอกให้สวี่หลิงอวิ๋นเข้ามาที่ป้อมยาม ข้างนอกอากาศเย็นเกินไป ไม่กลัวว่าจะเป็นหวัดเข้าหรือไง?!
ทว่าสวี่หลิงอวิ๋นกลับปฏิเสธ!
“ไม่ดีกว่า ขอบคุณค่ะคุณปู่! ถ้าอุ่นเกินไป หนูจะง่วงเอา!” สวี่หลิงอวิ๋นปฏิเสธความใจดีของยามเฝ้าประตูอย่างสุภาพ และยืนกรานที่จะอ่านหนังสืออยู่ด้านนอก
เรื่องราวของสวี่หลิงอวิ๋นแพร่กระจายไปถึงหูเหล่าคุณครูอย่างรวดเร็ว ที่นี่มีเด็กนักเรียนยากจนอยู่มากมาย! แต่เด็กนักเรียนยากจนที่มีวิสัยทัศน์ดี ใฝ่รู้ใฝ่เรียน ไม่หวั่นเกรงต่อความยากลำบากนั้นหาได้ยาก
ครูใหญ่แต่งตั้งให้เธอเป็นต้นแบบ โดยบอกกับสวี่หลิงอวิ๋นว่าหากมีชื่อเธอติดหนึ่งในร้อย เธอจะได้รับการยกเว้นค่าเทอมทั้งหมด!
สวี่หลิงอวิ๋นตอบตกลงในทันที! และตั้งใจเรียนให้หนักขึ้น
เด็กนักเรียนในสมัยนั้นเป็นเพียงเด็กที่เรียบง่าย เริ่มรู้จักใครสักคนด้วยรูปร่างหน้าตาหรือเสื้อผ้าที่สวมใส่ แต่จะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของกันได้จากการพูดคุย
สวี่หลิงอวิ๋นเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าคุณครู ผลการเรียนของเธอพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดโดยที่สามารถมองดูได้ด้วยตาเปล่า และพวกนักเรียนก็ชื่นชมเธอมากขึ้น
ชีวิตในเมืองของเธอเริ่มมีสีสัน เพียงแค่เล่าเรื่องสองสามอย่างก็ทำให้เพื่อนนักเรียนปรารถนาที่จะรับฟัง และในไม่ช้าพวกเขาก็รวมกลุ่มเข้าด้วยกัน
เหล่านักเรียนหงุดหงิดตนเองเล็กน้อยที่พยายามปลีกตัวห่างจากเพื่อนร่วมชั้นสุดเจ๋งคนนี้ ทว่าสวี่หลิงอวิ๋นกลับไม่รู้อะไรเลย
อะไรนะ? พวกเธอปลีกตัวห่างจากฉันเหรอ? ทำไมฉันไม่รู้เลยล่ะ?!
หลังจากผ่านไปครึ่งเทอม สวี่หลิงอวิ๋นก็ทำคะแนนได้เป็นที่พอใจในการสอบปลายภาค หลังจากเรียนหนักเป็นเวลาหลายเดือน เธอก็ได้ที่หนึ่งมาครอง
จากนั้น เธอก็ถูกส่งตัวไปยังโรงเรียนมัธยมที่ดีที่สุดในเมืองหลวง