สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 91 การฝึกภาคสนามของการต่อสู้ชิงตำแหน่งหัวหน้า 3
ตอนที่ 91 การฝึกภาคสนามของการต่อสู้ชิงตำแหน่งหัวหน้า 3
“บัดซบ ฉันน่าจะเอะใจว่ามีอะไรบางอย่าง แต่หาหลักฐานไม่เจอ”
“มันสะดุดตาเกินไปเมื่อสองคนยืนเคียงข้างกัน คงจะดีกว่านี้ถ้าพวกเขาไม่มีแฟนเลย”
………
คณบดีพูลแมนมีความสุขเป็นอย่างมากเมื่อเขาเห็นแลนเซล็อต
“สวัสดีครับ องค์ชายรัชทายาท” คณบดีพูลแมนเดินเข้ามาโค้งคำนับด้วยท่าทางสุภาพ และจ้องมองเขา “ผมได้ยินชื่อของท่านมานานมากแล้ว พอได้พบท่าน ผมอยากจะบอกว่าท่านคือวีรบุรุษของหนุ่มสาว”
“ท่านคณบดีพูลแมน ท่านเป็นคนเอาจริงเอาจัง ลูกศิษย์เต็มบ้านเต็มเมือง เป็นอาจารย์ที่ดีที่สุดในบรรดานายทหารทั้งหมด”
แลนเซล็อตกับคณบดีพูลแมนต่างกล่าวอวยยศให้แก่กันและกัน และเมื่อพวกเขาสบตากัน ต่างคนต่างก็คิดในใจว่าอีกฝ่ายหน้าซื่อใจคดเสียจริง
การมาเยือนของแลนเซล็อตไม่ได้ส่งผลต่อการดำเนินการแข่งขัน ทว่ากลับมีผู้ตัดสินคนหนึ่งที่ทรงอิทธิพลอย่างมากนั่งอยู่บนโต๊ะ
ผู้ช่วยของแลนเซล็อตเริ่มตั้งเป้าไปที่องค์หญิงสามตั้งแต่เนิ่น ๆ
“องค์ชาย ท่านดูนั่นองค์หญิงสามครับ” ผู้ช่วยของแลนเซล็อตแอบสะกิดองค์ชายของเขา ก่อนจะชี้นิ้วไปที่หญิงสาวผู้ดีที่ดูมีชีวิตชีวายืนอยู่ข้างหน้าพวกเขาอย่างอิ่มเอมใจ
แน่นอนว่าแลนเซล็อตรู้ว่านั่นคือองค์หญิงสาม พวกเขาเคยพบกับสวี่หลิงอวิ๋นครั้งสองครั้งเมื่อเธอยังเป็นเด็ก สำหรับองค์หญิงสามนั้น เธอยังคงมีเสน่ห์และดื้อรั้นไร้เหตุผลเหมือนกับในอดีต
ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะเติบโตขึ้นมาอย่างสูงส่งและบริสุทธิ์ แถมชื่อเสียงก็ยังดูไม่เลวร้าย นอกจากนี้ยังมีผู้ติดตามจำนวนมากอยู่ด้านหลังเธอ
ทว่าสำหรับเรื่องนี้ ต่อให้องค์หญิงสามจะกลายเป็นคนที่เก่งกาจ นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะเป้าหมายของเขาคือโอคาซีต่างหาก
ดังนั้นเขาจึงร้องออกมาว่า ‘โอ้’ ด้วยความเฉยเมย
ดูเหมือนว่าผู้ช่วยของเขาจะคุ้นเคยกับท่าทางเย็นชาขององค์ชายที่มีต่อหญิงสาวเสียแล้ว ว่ากันตามตรง บางทีเขาก็ชักกังวลกับบั้นท้ายของตนเอง
อย่างไรเสีย องค์ชายองค์นี้ไม่เคยหลอกลวงผู้หญิง
แววตาของโอคาซีเหลือบมองดูเล็กน้อย ขณะที่แลนเซล็อตไม่ได้กล่าวอะไรออกไป เขารู้สึกชื่นชมกับวิสัยทัศน์ขององค์ชาย
“เอาละ ถัดไปขอเชิญผู้บัญชาการทั้งสองฝั่งขึ้นมารับทรัพย์สมบัติของตัวเอง” คณบดีพูลแมนกล่าวขณะถือกล่องขนาดเล็กสองกล่องไว้ในมือ
กล่องใบหนึ่งเป็นสีแดง ส่วนอีกกล่องเป็นสีเขียว
สวี่หลิงอวิ๋นเป็นคนแรกที่เดินเข้าไปบนเวที
ผมยาวของเธอพลิ้วไสวกระทบไหล่ รูปลักษณ์ของเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและเรียบง่าย ทันทีที่เขาเชิญเธอขึ้นไปบนเวที ผู้ติดตามทั้งหลายของเธอต่างปรบมือและร้องส่งเสียงให้กำลังใจ ราวกับเห็นดาราคนดัง
ฝ่ายสีแดงรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก ลุคกับฉินหยวนต่างมองหน้ากันและกัน ทั้งสองต่างไม่อยากถูกทิ้งไว้ด้านหลัง ดังนั้นพวกเขาจึงเดินขึ้นไปบนเวทีด้วยกัน
พวกเขาทั้งสองต่างมีผู้ติดตามที่ทรงพลังมากกว่า และทันทีที่พวกเขาเดินขึ้นไป เสียงร้องให้กำลังใจจากด้านล่างก็ดังกระหึ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
แลนเซล็อตยิ้มขึ้นโดยไม่กล่าวอะไร ขณะมองดูเหล่านักเรียนจากด้านล่าง แล้วจึงถามโอคาซีที่อยู่ด้านข้างเขาว่า “ท่านพลเอกโอคาซี ท่านคิดว่าระหว่างสองฝั่งนี้ใครจะชนะ?”
โอคาซีไม่ได้มองตอบ ทว่าน้ำเสียงของเขากลับตอบออกมาอย่างหนักแน่น “แน่นอนว่าองค์หญิงสามจะชนะ”
“ทำไม? ทำไมท่านคิดแบบนั้นล่ะครับ?” แลนเซล็อตหัวเราะออกมาเบา ๆ “ขอโทษนะ แต่ท่านคิดเหมือนผมเลย”
เหตุผลนั้นง่ายเพียงนิดเดียว เพียงเพราะฝ่ายแดงมีผู้บัญชาการที่มีสถานะเท่ากันถึงสองคน ทว่าพวกเขากลับเข้ากันไม่ได้
“ดูเหมือนว่าองค์หญิงสามจะเปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว” เรียวนิ้วของแลนเซล็อตสัมผัสเข้ากับดวงตาของสวี่หลิงอวิ๋นผ่านจอแสดงผล
แน่นอนว่าองค์ชายแห่งจักรวรรดิเอเดนรู้เรื่องคำทำนายของสวี่หลิงอวิ๋นเป็นอย่างดี เมื่อสิบปีที่แล้ว เขาจึงขอติดตามท่านพ่อของเขามาพบกับสวี่หลิงอวิ๋น
ทว่าการพบกันในครั้งแรกนั้นทำให้องค์ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก
ในสายตาของเขา สวี่หลิงอวิ๋นตอนอายุแปดขวบไม่มีร่องรอยแม้แต่พลังปราณ มีแต่ความดื้อรั้นและอารมณ์ร้อน
ตอนนั้นเขาถึงกับคาดเดาว่าสิ่งที่เรียกว่าคำทำนายนี้อาจเป็นเพียงการเพิ่มชื่อเสียงให้แก่องค์หญิงสวี่หลิงอวิ๋นเท่านั้น
ทว่าในตอนนี้…เขากลับค่อนข้างเชื่อในคำทำนาย
“ได้โปรดดูแลทรัพย์สมบัติของพวกคุณให้ดี ใครก็ตามที่คว้าสมบัติของอีกฝ่ายมาได้จะกลายเป็นผู้ชนะ” คณบดีพูลแมนกางมือออกและยกแขนขึ้น “เอาละ ตอนนี้ไปประจำตำแหน่งของพวกคุณ และเริ่มต่อสู้ได้ ”
ตำแหน่งของทั้งสองฝั่งอยู่ตรงข้ามกับดาวฮอร์นบี้
โชคดีที่ทางสถาบันการศึกษายังคงมีเมตตากรุณาอยู่ จึงไม่จัดสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายให้แก่พวกเขา
อย่างน้อยพวกเขาก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยป่าไม้เขียวชอุ่ม และสัตว์ขนาดเล็กจำนวนมากเดินอยู่ในนั้น
น่าเสียดายที่พวกเขามอบปุ่มมิติกักเก็บของพวกเขาให้แก่ทางสถาบันการศึกษาไปทั้งหมด ยานอวกาศส่งพวกเขาไปยังตำแหน่งที่อยู่ ทำให้รู้สึกหวาดกลัวแล้วก็จากไป เมื่อมองดูป่าไม้ที่ไม่มีจุดสิ้นสุดนี้ ก่อนจะลูบท้องที่ว่างเปล่าแล้วถอนหายใจออกมา
“สภาพแวดล้อมของที่นี่ไม่เลวเลยทีเดียว” สวี่หลิงอวิ๋นมองดูบริเวณรอบ ๆ แล้วกล่าวออกมาอย่างกระตือรือร้น
“ค่อนข้างดี แต่ไม่มีอาหารเลยครับ” ผู้ติดตามของเธอลูบท้องของพวกเขา ขณะมองดูองค์หญิงสามอย่างใจจดใจจ่อ ก็ได้แต่สงสัยว่าจะมีทางไหนที่องค์หญิงสามสามารถเตรียมอาหารให้แก่พวกเขาได้บ้าง?
“พวกนายหิวไหม?” สวี่หลิงอวิ๋นมองดูผู้ติดตามก่อนจะหัวเราะ ‘ฮ่า ๆ’ ออกมา “ง่ายมาก แต่ตอนนี้ต้องให้บางคนตั้งเต็นท์ให้พวกเราก่อน ส่วนคนที่เหลือออกมาล่ากับพี่สาว”
“ได้ครับ!” เมื่อมองดูองค์หญิงสามที่ดูมั่นใจ ราวกับไม่มีภาระอะไรที่ต้องรับผิดชอบ พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจไปครึ่งหนึ่ง
ผู้คนมากกว่าหนึ่งพันแปดร้อยคนถูกแบ่งออกเป็นสองทีม ทีมหนึ่งออกไปล่ากับองค์หญิงสาม ขณะที่อีกทีมหนึ่งอยู่ตั้งหลักเพื่อตั้งเต็นท์
สวี่หลิงอวิ๋นมองผู้คนกว่าเก้าร้อยคนที่อยู่ภายใต้คำบัญชาการของเธอ โดยสั่งคนร้อยกว่าคนไปหาพืชป่าที่สามารถกินได้ ให้คนบางส่วนออกไปล่า ส่วนอีกส่วนรวบรวมสิ่งของสำคัญ อาทิ เกลือและเครื่องปรุงรสชนิดอื่น และส่วนที่เหลือมองหาไม้แห้งและอื่น ๆ
ทุกคนได้รับคำสั่งในการทำหน้าที่ของตนเองจากสวี่หลิงอวิ๋น ไม่มีใครว่างงานและทุกคนมีสิ่งที่ต้องทำ
เมื่อย้อนกลับมาดูผู้คนอีกเก้าร้อยคนที่ขับเคลื่อนเครื่องจักรกลและก่อสร้างบ้านอย่างงุ่มง่าม ไม่คาดฝันว่าพวกคนไร้ประโยชน์จากแผนกเกษตรกรรมจะถูกสั่งให้มาก่อสร้างบ้าน
ไม่มีทางเสียหรอก คนหยิ่งยโสโอหังพวกนั้นไม่มีทางที่จะสร้างบ้านได้ จึงต้องกลายเป็นนักเรียนจากแผนกเกษตรกรรมที่ก่อสร้างบ้านแทน เพราะพวกเขาส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสที่จะได้ลงไปในสนามรบ แม้ว่าพวกจะไม่มีความสามารถมาก ทว่าพวกเขากลับสามารถเรียนรู้สิ่งที่แตกต่างออกไปได้ และมองหางานหลังจากจบการศึกษา
ไม่นานนักบ้านไม้เรียงแถวก็ถูกสร้างขึ้นภายใต้คำแนะนำของนักเรียนจากแผนกเกษตรกรรม
หลังจากที่พวกเขาสร้างบ้านเสร็จ สวี่หลิงอวิ๋นก็กลับมาพร้อมกับนักเรียนที่ออกไปล่า
“โอ้ บ้านถูกสร้างขึ้นแล้ว ทำดีมาก สมควรได้รับรางวัล!” สวี่หลิงอวิ๋นเดินเข้าไปในบ้านและพบว่าบ้านไร้ความชื้น ด้านในมีแม้กระทั่งเฟอร์นิเจอร์เรียบง่ายและสิ่งของอื่น ๆ
เพียงแต่ไม่มีที่นอน ทว่านั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
“วันนี้พวกเรามากินของอร่อยกันเถอะ!” สวี่หลิงอวิ๋นชี้ไปที่กองภูเขาเนื้อ “บาร์บีคิวปาร์ตี้ล่ะเป็นไง? ชอบกันไหม?”
“บาร์บีคิว? บาร์บีคิวคืออะไรครับ?!” ผู้ติดตามของสวี่หลิงอวิ๋นถามขึ้นด้วยความสงสัย