สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 105.1 คนรักเก่า (1) (รีไรท์)
เสียง ‘เปรี้ยง’ ดังขึ้น เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงฟ้าผ่าตอนกลางวัน ก่อนผ่าลงมาที่เธอ
ทันใดนั้น เล่อเหยาเหยาที่ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง อย่างไม่เชื่อหูในสิ่งที่ตนได้ยินทั้งหมด
“อะ…อะไรนะ!”
สวรรค์!
เธอคงฟังผิดไป!
ถูกต้อง ต้องเป็นเช่นนี้แน่!
เล่อเหยาเหยาสะกดจิตตนเอง แต่พญายมกลับคล้ายเป็นพยาธิในท้องเธอ ทุกความคิดของเธอ ต่างรู้อย่างชัดเจน ก่อนเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง
“เจ้าฟังไม่ผิด ครั้งนี้ ข้าให้เจ้าใช้ปากมอบความสุขให้มัน!”
เสียงต่ำมีเสน่ห์ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ กลับหนักแน่น พลันเอ่ยขึ้นต่อว่า
“ห้ามพูดคำว่า ‘ไม่’คำนี้ข้าฟังจนเบื่อแล้ว และไฟปรารถนาของข้าเจ้าเป็นคนจุดมันขึ้นมา เจ้าต้องรับผิดชอบ เป็นเช่นไรครั้งนี้ ฟังชัดเจนแล้วหรือไม่!”
พญายมน้ำเสียงหนักแน่น และครั้งนี้น้ำหนักเสียงสูงขึ้นหนึ่งส่วน แม้อยากแสร้งเป็นหูหนวกก็หมดหนทาง
เมื่อได้ยิน เล่อเหยาเหยาอยากซื้อเต้าหู้ก้อนหนึ่งมาเขวี้ยงใส่ผนังให้รู้แล้วรู้รอด!
สวรรค์!ฟ้าดิน!
ไม่เอารสจัดจ้านเช่นนี้…
เธอเป็นเพียงสาวน้อยบริสุทธ์ผุดผ่อง! ครั้งก่อนใช้มือของเธอ ก็สุดขีดจำกัดของเธอแล้ว แต่พญายมผู้นี้ ทุกครั้งล้วนต้องทำให้เธอตกตะลึงและคิดไม่ถึงเช่นนี้!
ก่อนหน้านี้ผู้ใดเอ่ยว่าพญายมไม่เข้าใกล้ผู้หญิง และคล้ายไม่เคยมีเรื่องชายเลี้ยงพวกนี้เลยหรือ! เช่นนั้นการเล่นอันร้อนแรงของเขาพวกนี้เรียนมาจากที่ใดกัน!
หรือเขาสร้างมันขึ้นมาเอง!
เล่อเหยาเหยาร้องตะโกนในใจ
แต่เธอกลับไม่รู้ว่าหลังจากเรื่องที่หออวี๋หง ความจริงพญายมแอบซื้อหนังสือ《ชุนกงถูรุ่นจำกัด[1]》กลับไปอ่าน
แน่นอนว่าเรื่องส่วนตัวพวกนี้ พญายมไม่บอกเธออยู่แล้ว!
ตอนนี้ เมื่อเห็นท่าทางตกใจและไม่ไหวติงของเล่อเหยาเหยา ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่พอใจ
เพราะเขาตอนนี้ ทรมานอย่างมาก
ถูก ‘เขา’ จุดไฟปรารถนาขึ้นมา จนยากที่จะสงบลงได้
‘เขา’ คล้ายยาปลุกอารมณ์ที่กระตุ้นอาการกระสันออกมา ยั่วยวนดึงดูดความสนใจเขาทุกเวลา จุดไฟปรารถนาเขาขึ้นมา ทำให้เขาหยุดไม่ได้!
แม้เรื่องพวกนี้ เขาจะไม่คุ้นชิน แต่เพราะเคยผ่านเรื่องครั้งที่แล้วมา เหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็ค่อยๆ คลำทางได้
โดยเฉพาะเขามีความสามารถในการจดจำ หนังสือ《ชุนกงถูรุ่นจำกัด》เล่มนั้นไม่หนาไม่บาง หลังอ่านไปรอบเดียว เนื้อหาทั้งหมดฝังอยู่ในสมองของเขา
โดยเฉพาะเขาจำได้ว่ามีหน้าหนึ่งเป็นภาพผู้หญิงคนหนึ่งกำลังใช้ปากให้กับผู้ชาย
เมื่อเห็นภาพที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้ เวลานั้น ภายในสมองของเขาอดคิดถึงคนตัวเล็กตรงหน้านี้ไม่ได้
ไม่รู้ว่าปากที่หอมหวานของคนตัวเล็กนี้ เมื่อใช้กับสิ่งนั้นของเขา จะรู้สึกดีเพียงใด
เวลานั้น เขาเริ่มนับวันรอให้ถึงเวลานี้ ดังนั้นตอนนี้ โอกาสที่หาได้ยากอยู่ตรงหน้าเขา เขาปล่อยไปก็โง่เขลาเต็มทน!
แม้เหลิ่งจวิ้นอวี๋จะขัดเขินและอับอายต่อเรื่องพวกนี้
ใบหน้าโอหังเย็นชานั้น เวลานี้ร้อนผ่าว แม้ไม่ส่องกระจก เขาก็รู้ว่าตนกำลังหน้าแดง
ทว่า โชคดีที่ตอนนี้ได้ความมืดปกปิดเอาไว้ คนตรงหน้าถึงไม่เห็นความผิดปกติบนใบหน้าของเขา
และเขาตอนนี้ รอคอยอย่างมาก รอคอยปากเล็กหอมหวานนั้นของคนตัวเล็กนี้
ยิ่งคิด ท่อนล่างของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ยิ่งอดอึดอัดไม่ได้
ส่วนเขาก็อดทนไม่ไหว ยื่นแขนออกไปสุดแรง ให้ปากเล็กของ‘เขา’เข้าใกล้ตรงกลางระหว่างต้นขาของเขา
เมื่อกลัวเล่อเหยาเหยาจะปฏิเสธหรือไม่เคลื่อนไหว เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงเอ่ยเตือนขึ้นว่า
“หากเจ้าไม่ใช้ปากของเจ้า เช่นนั้นข้าคงต้อง…”
“ไม่ ไม่ บ่าวใช้อย่างอื่นใด้หรือไม่!”
หลังฟังออกถึงคำเตือนในน้ำเสียงของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ แม้คำพูดสุดท้ายของเขาจะไม่เอ่ยออกมา เล่อเหยาเหยาใช้นิ้วเท้าคาดเดา ก็รู้ว่าหมายถึงสิ่งใด
ความบริสุทธิ์และปากเล็กของตน เอาเถอะ คนโง่ต่างเลือกได้
แม้ครั้งนี้จะจัดจ้านยิ่งกว่าครั้งก่อน ทว่าเล่อเหยาเหยาก็ยอมรับมัน
ผู้ใดให้เธอลูบคลำอันใดไม่คลำ กลับไปลูบคลำนกใหญ่ของพญายม และยังทำให้มันกลายเป็นนกยักษ์
เธอตอนนี้ต้องรับกรรมที่ตนก่อขึ้น
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงมีใบหน้าลำบากใจ ร่างกายราวขี่เป็ดเกาะขอน มือเลื่อนตรงไปที่กางเกงของพญายมอย่างช้าๆ
สายคาดเอวนี้ของพญายม แม้ตอนนี้เธอหลับตาก็สามารถถอดออกได้ แต่มือของเธอตอนนี้ คล้ายไม่เป็นตัวเอง สั่นเทิ้มไม่หยุด
หลังถอดอยู่สักพัก ก็ยังถอดไม่ได้ เล่อเหยาเหยาเพราะตอนนี้เธอกังวล หน้าผากจึงเต็มไปด้วยเหงื่อ และยังมีเหงื่อที่หลั่งไหลออกมาจนเปียกชุ่มไปทั้งแผ่นหลัง !
ในใจคิดอย่างคาดหวังว่า หากพญายมทนไม่ไหว ไม่ให้เธอทำ ปล่อยเธอไป เช่นนั้นก็ดี
เพียงแต่ความฝันช่างสวยงาม แต่ว่าความจริงกลับโหดร้าย
เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาถอดอยู่นาน มือเท้าเชื่องช้ากระทั่งสายคาดเอวก็ถอดไม่ออก เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดยิ้มมุมปากไม่ได้ พลันยื่นมือใหญ่ออกไป
เสียง ‘คลิก’ ดังขึ้นสายคาดเอวสีทองบนเอวพลันถูกเขาแกะลงมา
“เอาล่ะ เจ้าทำต่อได้ ทว่า ข้าขอเตือนเจ้า อย่าชักช้า ข้ามีความอดทนจำกัด!”
“เอ่อ”
เมื่อถูกเขาล่วงรู้ความคิดในใจ เล่อเหยาเหยาพูดไม่ออก พลางก่นด่าในใจ หรือพญายมจะเป็นพยาธิในท้องของเธอ!
ตอนนี้ควรทำเช่นไร หรือต้องให้เธอทำจริงๆ…
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอดกัดริมฝีปากครู่หนึ่งไม่ได้ สายตานั้นจ้องเขม็งไปที่กระโจมด้านบนที่สูงชันขึ้นของพญายมนั้น
ในใจลังเลอีกครั้ง สุดท้ายเล่อเหยาเหยาแอบกัดฟัน สู้!
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงหลับตาลง สองมือยื่นออกไป กางเกงของพญายมพลันถูกเธอดึงลงมา
เล่อเหยาเหยาไม่กล้าลืมตามอง แม้ตอนนี้จะมืด มองนกใหญ่ของพญายมไม่ชัดเจนก็ตาม แต่เธอกลัวหากลืมตา ตนจะกดดันมากเกินไป
ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงหลับตาอยู่ตลอดเวลา มือค่อยๆ ลองลูบคลำนกใหญ่ขนาดมหึมาและแข็งนั้น
ขณะเดียวกัน หูก็ได้ยินเสียงหายใจติดขัดที่อดกลั้นไม่อยู่ของพญายมดังขึ้นมา
“เร็วหน่อย”
“”เอ่อ
เมื่อได้ยิน เล่อเหยาเหยาสองแก้มดุจถูกไฟแผดเผาอย่างร้อนผ่าว
โดยเฉพาะ เวลานี้เสียงของพญายมทุ้มต่ำมีเสน่ห์ แหบพร่า และแฝงด้วยอารมณ์ปรารถนา ทำให้เธอวิตกกังวล
หัวใจเต้นระรัว ‘ตึกตักตึกตัก’อย่างร้อนแรงไม่หยุด คล้ายกับจะทะลุจากหน้าอกของเธอออกมา
แต่แม้พญายมจะเร่งเธอไม่หยุด แต่เธอทำไม่ได้…
ฮือๆ
ร่างกายสั่นเทิ้ม เล่อเหยาเหยามือจับนกใหญ่อยู่อย่างน้ำตานองหน้า
หากเป็นไปได้ เธออยากใช้แรงมือตัดแยกนกใหญ่เขาออกมา ผู้ใดให้เขามักใช้นกใหญ่อันตรายนี้รังแกเธอ!
น่าเสียดาย เธอไม่กล้า
ดังนั้น เธอจึงเพียงจับนกใหญ่เอาไว้ โดยไม่เคลื่อนไหว
สุดท้าย พญายมที่อดทนจนแทบจะสิ้นสุดแล้ว อดไม่ไหวเอ่ยเตือนขึ้นอีกครั้ง
“เร็วหน่อย”
“เอ่อ”
เร็วๆ นอกจากประโยคนี้ เขาพูดสิ่งอื่นเป็นหรือไม่!
น่าตายนัก!
เล่อเหยาเหยาก่นด่าในใจ ทว่าน้ำเสียงที่เอ่ยกับพญายม กลับน่าสงสารอย่างที่สุด
“คือบ่าวทำไม่เป็น ท่านอ๋องต้องสอนบ่าว”
“เอ่อ”
ครั้งนี้ กลายเป็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่พูดไม่ออก
สุดท้าย พญายมเพียงตะลึงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็สอนเธอจริงๆ…
…
พอได้สติ เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงปวดมือปากชา ทั่วร่างไร้เรี่ยวแรง ค่อยๆ เปิดเปลือกตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดขึ้น เล่อเหยาเหยาขยี้ตาไปมา จากนั้นก็มองไปยังหน้าต่างบานสลักที่เปิดอ้าไว้นั้นแวบเดียว
เห็นเพียงเวลานี้ น่าจะเป็นช่วงเที่ยง
ด้านนอกอากาศแจ่มใสอย่างยิ่ง จากหน้าต่างที่เปิดอ้าบานนั้น เล่อเหยาเหยามองเห็นท้องฟ้าสีน้ำเงินและปุยเมฆสีขาวดุจถูกทำความสะอาด
ยอดไม้โอนเอนไปตามสายลมไม่หยุด
จั๊กจั่นบนต้นไม้ส่งเสียงร้องออกมาไม่หยุดอย่างคึกคัก
แต่สำหรับเล่อเหยาเหยาเวลานี้ ทั้งหมดนี้ต่างเหมือนภาพอันมืดสลัว
เพราะตอนนี้เธอพบว่า ชีวิตของตนคล้ายออกนอกเส้นทางไปแล้ว
ตอนนี้ ถนนสายนี้ ของคนบนโลกนี้ เธอเป็นเพียงขันทีน้อยตัวเล็กๆ ในวังรุ่ยอ๋อง ในวังรุ่ยอ๋อง เธอคือคนที่ทุกคนอิจฉา เพราะเธอได้รับความสำคัญจากท่านอ๋อง สามารถเข้ามาพักในตำหนักหย่าเฟิง
แต่ในสายตาของพญายมล่ะ!
เธอคือสิ่งใดกันแน่!
สัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งหรือ
เครื่องมือที่จำเป็นต้องหยิบมาระบายอารมณ์บางเวลา
เรื่องนี้เล่อเหยาเหยาสงสัย และไม่แน่ใจ
เพราะเดิมทีเธอคาดเดาความคิดในใจของพญายมไม่ออก และจากตัวของพญายม เธอก็มองไม่ออกว่าเขาคิดกับเธอเช่นไร
อาจเป็นเพราะพญายมชื่นชอบใบหน้าของเธอ คิดว่างดงาม
อาจเพียงสนใจแค่ระยะเวลาหนึ่ง!
ยิ่งคิด เล่อเหยาเหยา ภายในสมองสับสนยุ่งเหยิง
และเพียงนึกถึงเรื่องบ้าคลั่งเมื่อคืน เธอมีแม้กระทั่งความคิดอยากตาย!
แม้ตอนนี้พญายมจะไม่อยู่แล้ว แต่เพียงเธอหลับตาลง หูพลันได้ยินเสียงแหบพร่าชี้นำของพญายมเมื่อคืนขึ้นมา และเสียงหายใจข่มกลั้นดุจสัตว์ป่า
ยิ่งคิด เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงมีไอร้อนพวยพุ่งขึ้นมาในสมองไม่หยุด สองแก้มและใบหูต่างร้อนผ่าว จนบนศีรษะแทบมีภาพควันลอยออกมา!
อาๆ
เธอคิดเรื่องพวกนี้อีกไม่ไหวแล้ว!
น่าตายนัก คิดขึ้นอีกต่อไปเธอต้องบ้าแน่!
สองมือเล่อเหยาเหยาขยี้ผมจนยุ่งเหยิงไม่หยุด หลังจับจนผมยาวอ่อนนุ่มกลายเป็นรังนก ในที่สุดก็หยุดทรมานตนเอง
ช่างเถอะ!
เรือย่อมเทียบท่าเมื่อถึงฝั่ง!
ต่อไป เธอจะไม่ยั่วโมโหพญายมอีก ไม่ไปลูบคลำนกใหญ่นั้นอีกก็พอแล้ว!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาไม่คิดฟุ้งซ่านอีก
แม้ พญายมจะจากไปอย่างอารมณ์ดี และสั่งให้เธอพักผ่อนก็ใด้ วันนี้เธอไม่ต้องไปปรนนิบัติเขา
แต่ตอนนี้ เธอนอนมากพอแล้ว หากนอนอยู่บนเตียงอีก เอวคงแข็งทื่อ มิสู้ออกไปหากิจกรรมทำขยับตัวหน่อยจะดีกว่า ยิ่งไปกว่านั้นคือ เธอหิวแล้ว
คิดแล้ว เธอหิวตั้งแต่เมื่อคืนจนมาถึงตอนนี้!
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงพอดี ต้องไปรักษาตับไตไส้พุงของเธอสักหน่อย!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาส่งเสียง ‘เฮ้’ ออกมา ก่อนลุกขึ้นจากเตียงนอน
หลังจากหวีผมล้างหน้า แต่งตัวเสร็จอย่างรวดเร็ว เล่อเหยาเหยารีบตรงดิ่งไปที่โรงอาหาร
หยิบข้าวเสร็จ ก็ไปนั่งตรงมุมที่นั่งประจำ ไม่นาน เสี่ยวมู่จื่อก็ตามมา
เสี่ยวมู่จื่อพอนั่งลง เอ่ยกับเล่อเหยาเหยาทันทีว่า
[1] ภาพวาดอีโรติกของชาวจีนในสมัยโบราณ