สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 105.2 คนรักเก่า (2) (รีไรท์)
“เสี่ยวเหยาจื่อ เจ้าเป็นอันใดหรือไม่!”
“หือ ข้ามีเรื่องอันใดหรือ”
สำหรับคำพูดของเสี่ยวมู่จื่อ เล่อเหยาเหยากระพริบตาอย่างสงสัยครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยถามขึ้น
เมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของเล่อเหยาเหยา เสี่ยวมู่จื่อเอ่ยขึ้นต่อว่า
“เมื่อวาน เจ้าไม่มาทานข้าวมิใช่หรือ ข้าคิดว่าเกิดเรื่องกับเจ้า คิดจะไปส่งหมั่นโถวให้เจ้าพอดี ทว่ายังไม่ทันได้เข้าไปในตำหนักหย่าเฟิงก็ถูกองครักษ์ห้ามไว้เสียก่อน ข้าเข้าไปไม่ได้ ดังนั้นจึงกลับมา ข้าคิดว่าเจ้าเกิดเรื่อง จึงกังวลตลอดทั้งคืน!”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง”
เมื่อได้ฟังคำพูดของเสี่ยวมู่จื่อ เล่อเหยาเหยาอดนึกถึงเรื่องจัดจ้านของพญายมเมื่อคืนไม่ได้ จนไอร้อนขึ้นมาบนศีรษะอย่างรวดเร็ว
ทว่าเธอกลัวถูกเสี่ยวมู่จื่อสังเกตเห็นเข้า จึงก้มหน้าลง ส่ายหน้าพลางเอ่ยขึ้นว่า
“ข้าไม่เป็นไร เมื่อวานเหนื่อยเกินไป จึงนอนพัก ดังนั้นจึงไม่ได้ทานอาหารเย็น ตอนนี้ข้าหิวยิ่ง ไม่พูดแล้ว กินข้าวกันก่อนเถิด!”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยจบ แสร้งทำทีว่าหิวอย่างหนัก พุ้ยขาวกินอย่างตะกละตะกลาม
เสี่ยวมู่จื่อที่ใสซื่อ หลังได้ฟังคำพูดของเสี่ยวมู่จื่อ ก็ไม่รับรู้ถึงความผิดปกติ
เพียงเสี่ยวเหยาจื่อปลอดภัยอยู่ข้างกายก็พอแล้ว
พอคิดถึงตรงนี้ เสี่ยวมู่จื่อก็ไม่พูดมาก เริ่มลงมือกินอาหารทันที
….
เพราะตอนเช้าก่อนที่พญายมจะจากไป บอกให้เธอพักผ่อนหนึ่งวัน จึงถือเป็นวันหยุดของเธอ
เมื่อเป็นวันหยุด เล่อเหยาเหยาจึงอยากออกไปเที่ยวเล่นหนึ่งวันเพื่อผ่อนคลาย กำจัดความทุกข์เมื่อคืนออกไป
เดิมที เล่อเหยาเหยาคิดเรียกเสี่ยวมู่จื่อไปเดินเล่นด้วยกัน แต่วันนี้เสี่ยวมู่จื่อถูกจัดสรรงานให้ไม่น้อยจึงยังทำงานไม่เสร็จ ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงไปบอกกล่าวหันหน้าขันทีลี่ว่าต้องการป้ายออกจากวังด้วยตนเอง คิดจะไปเยี่ยมหลูซวง
เพราะอยู่ในยุคสมัยนี้ เธอรู้จักคนไม่มาก เมื่อวานนอนเยอะเกินไป ตอนนี้จึงไม่อยากนอน รวมทั้งเธอตะกละ
อยากไปทานขนมดอกคามิลเลียฝีมือหลิวซื่อ
ดังนั้น หลังจากออกมาจากวัง ก็ออกเดินตามความจำสู่บ้านของหลูซวง ระหว่างทางผ่านแผงขายผลไม้ เล่อเหยาเหยาจึงซื้อผลไม้ถุงใหญ่ เพราะไปบ้านคนอื่น ของขวัญเล็กน้อยนี้เธอควรมีติดไม้ติดมือไป
เมื่อเล่อเหยาเหยาไปถึงบ้านของหลูซวง หลูซวงตกใจอย่างไม่คาดฝัน
อาจเพราะคิดไม่ถึงว่าเล่อเหยาเหยาจะมาเยี่ยมอีกครั้งเร็วขนาดนี้! และครั้งนี้เล่อเหยาเหยายังมาหาเธอด้วยตนเอง
ดังนั้น ขณะที่เปิดประตูเห็นเล่อเหยาเหยา หลูซวงก็ตกตะลึงยืนอยู่กับที่ สุดท้ายเป็นเล่อเหยาเหยาที่ยื่นมือขึ้นไปโบกด้านหน้าเธอพร้อมยิ้มแย้ม หลูซวงจึงค่อยๆ ได้สติ
เมื่อพบว่าเพราะตกใจเกินไปและเหม่อลอย เธอจึงทำเรื่องขายหน้าต่อหน้าเล่อเหยาเหยา ทำให้หลูซวงทั้งเขินอายและดีใจ
“พี่เหยา วันนี้ท่านมาได้เช่นไร”
“เหตุใด ไม่ต้อนรับข้าหรือ เช่นนั้นข้าขอตัวลาก่อน!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลูซวง เล่อเหยาเหยาจึงตั้งใจแหย่เธอ เพราะเธอพบว่า หญิงสาวผู้นี้เขินอายง่ายยิ่งนัก หน้าบาง หยอกล้อสนุกทีเดียว
ส่วนหลูซวงไม่รู้ว่าเล่อเหยาเหยาตั้งใจแหย่เธอเล่น หลังได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา จึงพลันลนลาน และไม่สนใจเรื่องมารยาทระหว่างชายหญิง ยื่นมือออกไปดึงแขนของเล่อเหยาเหยาไว้แน่น ก่อนเอ่ยอย่างร้อนใจขึ้นว่า
“พี่เหยาอย่าพึ่งไป ข้าจะไม่ต้อนรับท่านได้อย่างไร ข้าเห็นท่านมาก็ดีใจยิ่ง!”
หลูซวงเอ่ยอย่างลุกลี้ลุกลน เมื่อเห็นใบหน้าล้อเล่นของเล่อเหยาเหยา จึงพบว่าตนถูกเล่อเหยาเหยาหลอกเข้าแล้ว จึงกระทืบเท้า วิ่งเข้าไปด้านในอย่างขวยเขิน
“พี่เหยานิสัยไม่ดี หลูซวงไม่สนใจพี่เหยาแล้ว!”
“ฮ่าๆ หลูซวงเจ้าช่างหลอกง่ายยิ่งนัก อย่าโมโหเลย เมื่อครู่ข้าเพียงแหย่เจ้าเล่นเท่านั้น!”
เมื่อเห็นหลูซวงหน้าแดงวิ่งหนีไปราวกระต่ายน้อย เล่อเหยาเหยาก็หัวเราะพลางเดินเข้าไปด้านใน
และเมื่อหลิวซื่อรู้ว่าเล่อเหยาเหยามาถึง ใบหน้ายังคงความงดงามนั้นก็ปรากฎรอยยิ้มอบอุ่นออกมา ก่อนเอ่ยอย่างกระตือรือร้นว่า
“เหยาจื่อมานี่มา ฮ่า ฮ่า รีบนั่งเถิด!”
“ได้ ท่านป้าก็เชิญนั่งเถิด”
หลังเล่อเหยาเหยาทักทายกับหลิวซื่ออย่างปากหวานเสร็จ จึงหยิบผลไม้ที่ตนซื้อมา ให้แก่หลูซวงไปทำความสะอาด ก่อนมาทานร่วมกัน
หลังรับผลไม้ไปหลิวซื่อก็หัวเราะฮาฮา คล้ายนึกถึงบางอย่าง ก่อนเอ่ยกับเล่อเหยาเหยาว่า
“วันนี้มิใช่มีแข่งเรือมังกรหรือ เหตุใดเหยาจื่อไม่ไปดูแข่งเรือกันเล่า กลับมาถึงที่นี่”
“แข่งเรือมังกรหรือ”
เมื่อได้ฟังคำพูดของหลิวซื่อ เล่อเหยาเหยาตะลึงเล็กน้อย จึงนึกขึ้นได้ว่าครั้งก่อนคล้ายเคยได้ยินเสี่ยวมู่จื่อเอ่ยถึงครั้งหนึ่ง เพียงแต่พักนี้เธอชอบนอนเกินไป สมองจึงมักมึนงง จึงลืมเรื่องนี้ไป
และตอนนี้เมื่อได้ยินว่ามีแข่งเรือมังกร เล่อเหยาเหยาพลันสนใจขึ้นมา
เพราะจะพูดเช่นไร ในใจเล่อเหยาเหยาเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบแปด ชอบความคึกคักจึงเป็นเรื่องปกติ
ดังนั้น ดวงตาเล่อเหยาเหยาจึงเป็นประกาย ก่อนเอ่ยเสนอกับหลิวซื่ออย่างดีใจว่า
“เช่นนั้นวันนี้พวกเราไปดูแข่งเรือมังกรกันดีหรือไม่ วันนี้ข้างทะเลสาบต้องคึกคักมากแน่นอน!”
“ดีๆ ข้าก็อยากไป ท่านแม่ พวกเราไปด้วยกันดีหรือไม่!”
เมื่อได้ยินข้อเสนอของเล่อเหยาเหยา หลูซวงก็คล้อยตามอย่างดีใจ จากนั้นจึงเขย่าแขนเสื้อของหลิวซื่อ เอ่ยถามขึ้น
ส่วนหลิวซื่อเมื่อได้ยิน เพียงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน จากนั้นส่ายหน้า ก่อนเอ่ยว่า
“วันนี้ข้ารู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย อยากนอนกลางวัน เจ้าไปกับเหยาจื่อเถิด”
“ถ้าเช่นนี้ ก็ได้ ท่านแม่พักผ่อนเถิด ข้าจะไปกับพี่เหยา”
แม้จะผิดหวังที่มารดาไม่สามารถไปด้วยกันได้ แต่การที่ตนสามารถไปดูแข่งเรือมังกรกลับพี่เหยาสองคน ทำให้หัวใจของหลูซวงหวานชื่นขึ้นมา
เพราะอยากไปชมการแข่งเรือมังกร เล่อเหยาเหยาพลันลุกขึ้นออกเดินทางไปยังสถานที่แข่งเรือมังกรพร้อมหลูซวง
สถานที่แข่งเรือมังกรอยู่ห่างจากบ้านของหลูซวงประมาณครึ่งชั่วยาม
เพราะสองคนต่างดีใจอย่างสุดขีด ชื่นชอบความคึกคัก ดังนั้นทั้งสองคนจึงเดินได้เร็วอย่างมาก มาถึงริมทะเลสาบเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
เห็นเพียงเวลานี้ ริมทะเลสาบเต็มไปด้วยผู้คนมากมายแน่นขนัด
เสียงอึกทึกครึกโครมนั้น ทำให้ริมทะเลสาบที่เดิมทีใสสะอาดคึกคักอย่างมาก
และเล่อเหยาเหยาที่อยู่ไกล มองเห็นริมทะเลสาบยังมีเวทีไม้ไผ่สูง บนเวทีไม้ไผ่มีกระโจมที่ตั้งกั้นแสงอาทิตย์ร้อนแรงด้านนอกเอาไว้
แม้จะไม่ได้เข้าไปในเวทีไม้ไผ่ เล่อเหยาเหยาก็รู้ว่าเวทีทั้งหมดที่สร้างขึ้นมาจากไม้ไผ่ต้องเย็นสบายแน่นอน
เพียงแต่แม้ใช้นิ้วเท้าคิดดูก็รู้ว่าคนที่เข้าไปในเวทีไม้ไผ่นั้นได้ ต่างเป็นพวกสูงศักดิ์ ที่เหลืออย่างราษฎรตัวเล็กๆ ก็ต้องอยู่ท่ามกลางแดดอันร้อนระอุนี้
ทว่าแม้วันนี้แดดจะจ้า แต่ริมทะเลสาบกลับย็นสบายอย่างยิ่ง
กระทั่งสายลมที่พัดผ่านมานั้น แฝงไปด้วยความเย็นสดชื่น ทำให้รู้สึกปลอดโปร่ง
แม้ริมทะเลสาบจะเต็มไปด้วยราษฎรแน่นขนัด แต่เล่อเหยาเหยายังอาศัยรูปร่างที่เล็กของตนดึงหลูซวงเดินซอกแซกเข้าไปด้านในไม่หยุด
เพราะการดูความคึกคักเช่นนี้ ต้องยืนอยู่ด้านหน้าจึงจะเห็นชัดเจน และสนุกสนาน!
เพียงแต่ เมื่อเล่อเหยาเหยาดึงมือหลูซวง ขณะที่อยู่ภายในกลุ่มคนเบียดเสียดไปมา กลับไม่รู้สึกตัวเลยว่า ขณะที่เธอปรากฏตัวขึ้นที่ริมทะเลสาบ ชายหนุ่มรูปงามสองคนที่นั่งอยู่บนเวทีไม้ไผ่สูง เห็นเธอเข้าพอดี
ชายหนุ่มสองคนนี้ คนหนึ่งสวมชุดคลุมผ้าไหมชั้นดีสีน้ำเงิน คาดเอวด้วยสายคาดเอวหยก มวยผมประดับด้วยกวนหยก หน้าสดใสดุจพระอาทิตย์ ทุกท่วงท่าต่างเผยความสง่างามและผู้ดีออกมา
ชายหนุ่มอีกคน กลับสวมชุดสีดำทั่วตัว เอวคาดด้วยสายคาดเอวสีทอง รองเท้าสีดำเหยียบอยู่บนพนัก เส้นผมยาวดำสนิทถูกมัดแน่นไว้ด้วยผ้าสีทอง เข้ากับใบหน้าที่อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าตราตรึง หล่อเหล่าดุจเทพเซียนนั้น
ยังมีกลิ่นอายเย็นชาโอหังที่แผ่ออกมาจากตัวเขา ทำให้คนหวาดกลัวจนตัวสั่น
คิ้วงามโค้งงอไปถึงจอนผมนั้น เต็มไปด้วยกลิ่นอายดุดันมีอำนาจที่มีเพียงชนชั้นสูงเท่านั้น!
ชายหนุ่มสองคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นองค์ชายเจ็ดหนานกงจวิ้นซีและพญายมเหลิ่งจวิ้นอวี๋!
“ศิษย์พี่ใหญ่ นั่นมิใช่เจ้าหมูน้อยหรือ! เหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่!”
เมื่อได้ยินคำเรียกขานเล่อเหยาเหยาของหนานกงจวิ้นซี เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนดวงตาเย็นชาคมกริบดุจใบมีดพลันมองไปยังทิศที่หนานกงจวิ้นซีชี้นิ้วไป
เมื่อเห็นว่าเวลานี้เล่อเหยาเหยากำลังจับมือหลูซวงแน่น คิ้วงามของเหลิ่งจวิ้นอวี๋นั้นอดขมวดไม่ได้
ทว่าเขาก็ไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา เพียงยื่นมืออย่างสง่างาม หยิบถ้วยชาที่อยู่ด้านข้างขึ้นจิบเบาๆ
สำหรับสีหน้าเย็นชาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ หนานกงจวิ้นซีชินชาจนเป็นเรื่องปกติ
เพราะสำหรับภูเขาน้ำแข็งที่เคลื่อนที่ได้ลูกนี้ หนานกงจวิ้นซีไม่เคยหวังให้ภูเขาน้ำแข็งนี้ละลายแม้วันเดียว
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่ตอบเขา หนานกงจวิ้นซีจึงเอ่ยพูดคนเดียวไม่หยุด
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านรีบดูเร็วเข้า สาวน้อยข้างกายเจ้าหมูน้อยนั้นคุ้นตายิ่งนัก อ่า ข้าจำได้แล้ว นั่นมิใช่ยอดหญิงคณิกาที่เคยอยู่ที่หออวี๋หงหรือ ดูท่าทางพวกเขาสองคน จะมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวต่อกันเลย!รู้สึกว่าวันนี้ศิษย์พี่ใหญ่ให้เจ้านั้นหยุดงาน เจ้านั้นเลยกลับไปหาคนรักเก่าเป็นแน่! ”
เอ่ยถึงประโยคสุดท้าย ในใจหนานกงจวิ้นซีอดไม่พอใจไม่ได้
ไม่รู้เหตุใด เมื่อเห็นท่าทางที่เล่อเหยาเหยาปกป้องหลูซวง ทำให้หนานกงจวิ้นซีรู้สึกขัดตา หรือไม่ก็เพราะว่าวันนี้แสงแดดเจิดจ้าเกินไป
แน่นอน สำหรับคำพูดของหนานกงจวิ้นซี เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่ดูก็ไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ ทั้งสิ้น เพียงใช้ฝาถ้วยปัดใบชาในถ้วยอย่างสง่าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ตลอดเวลา แต่หากสังเกตให้ดี ความจริงตลอดเวลาเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่ได้ดื่มชาเลย
ดวงตาที่เย็นชาได้แต่มองไปที่ถ้วยชา แต่ก็ปรายตาแอบมองไปที่คนตัวเล็กในฝูงชนเป็นครั้งคราว
……………………………..