สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 106.1 ถูกล่วงเกิน (1) (รีไรท์)
เล่อเหยาเหยาย่อมไม่รู้ตัว ขณะที่ตนมาที่ริมทะเลสาบก็ถูกเหลิ่งจวิ้นอวี๋และหนานกงจวิ้นซีเห็นเข้าแล้ว
เวลานี้เธอดึงมือหลูซวงอย่างลำบาก ในที่สุดก็เบียดมาอยู่ที่ตำแหน่งด้านหน้าได้
ที่นี่ ไม่มีผู้คนบดบังสายตาของพวกเขา พวกเขาสามารถมองเห็นทิวทัศน์ทั้งหมดริมทะเลสาบอันงดงามอย่างชัดเจน
เวลานี้การแข่งเรือมังกรถูกเตรียมไว้อย่างสมบูรณ์แล้ว เหล่าเรือยาวที่ตั้งอกตั้งใจแกะสลักเป็นรูปมังกร ต่างเข้าแถวเรียงรายอยู่ในทะเลสาบ
ดวงตางามกวาดมองไป น่าจะมีเรือยาวประมาณสามสิบลำ
ด้านหน้าเรือทุกลำต่างถูกประดับอย่างดงาม ด้วยหัวมังกรไม้แกะสลักหลากหลายรูปแบบ และหัวมังกรเหล่านี้มีสีสันที่แตกต่างกัน ผู้แข่งขันอยู่บนเรือยาว สวมเสื้อผ้าสีเดียวกับหัวมังกร ดูแล้วเป็นระเบียบเรียบร้อยและน่ามองอย่างยิ่ง
ขณะเล่อเหยาเหยามองสำรวจเรือยาวพวกนั้น หางตาพลันหันไปเห็นเงาร่างหนึ่งที่คุ้นเคย
เดิมทีคิดว่า ตนตาฝาดไป คิดไม่ถึง เมื่อมองอีกรอบครั้งนี้เธอเห็นอย่างชัดเจน
บนเรือยาวที่ติดมังกรขาวไม้สลักนั้น ผู้นำเป็นชายหนุ่มที่สวมชุดสีขาว รูปร่างสูงใหญ่
เห็นเพียงชายหนุ่ม ผมยาวดำดุจม่านน้ำตก คิ้วดุจกระบี่ นัยน์ตาดำขลับดุจยามเช้า จมูกโด่งสูงส่ง ริมฝีปากสง่างาม
เสื้อผ้าสีขาวดุจหิมะนั้นดูเข้ากับผิวขาวผ่องของเขา ทำให้เขาดูคล้ายเซียนที่พลาดตกลงมายังโลกมนุษย์ จึงโดดเด่นงามล้ำเหนือผู้ใด ดูโดดเด่นในกลุ่มคนเหล่านั้น ทำให้คนยากที่จะละสายตา!
ชายหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นตงฟางไป๋!เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาเบิกตากว้าง ก่อนเอ่ยพึมพำกับตนเองด้วยแววตาแปลกใจ
“เอ๊ะ พี่ไป๋มาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร!”
เล่อเหยาเหยากำลังสงสัย แต่ว่าเธอยังไม่ทันคิดอะไร หลูซวงที่ยืนอยู่ข้างกายพลันร้องตกใจ ทันใดนั้นร่างกายอ่อนช้อยก็พลันตกเข้ามาสู่อ้อมกอดของเธอ
แม้หลูซวงจะไม่หนัก แต่จู่ๆ ถูกเธอชนเข้าเช่นนี้ เล่อเหยาเหยาแทบตกลงไปในทะเลสาบ
โชคดีที่ช่วงสุดท้าย เล่อเหยาเหยายังยืนได้อย่างมั่นคง หลังถอนหายใจอย่างโล่งอก กลับเห็นใบหน้าเล็กของหลูซวงแฝงด้วยความโมโหและขัดเขิน
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาขมวดคิ้ว ก่อนเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจขึ้นว่า
“หลูซวง เป็นอันใดไป”
“พี่เหยา เมื่อครู่คนผู้นั้น คนนั้นเขา…”
หลังได้ยินคำถามของเล่อเหยาเหยา หลูซวงทั้งโมโหและลังเลพูดอะไรไม่ออก
สายตาแฝงความโมโหนั้น จ้องเขม็งไปที่ชายวัยกลางคนที่ยืนห่างจากพวกเขาไปไม่ไกลตลอดเวลา
เห็นเพียงชายวัยกลางคนผู้นี้ ยืนอยู่ด้านหลังหลูซวง ท่าทางน่าจะอายุประมาณสี่สิบปี ดูกำยำล่ำสัน ปากแหลมแก้มตอบเหมือนลิง อัปลักษณ์อย่างยิ่ง
ตอนนี้เขายังกล้าใช้สายตาน่ารังเกียจมองหลูซวง แววตาดูหื่นกาม จนน้ำลายแทบไหลออกมาจากมุมปาก
เมื่อเห็นชายวัยกลางคนท่าทางน่ารังเกียจเช่นนี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาอดนึกถึงคางคกจอมเกียจคร้านไม่ได้
มองเห็นสายตาโมโหอดสูของหลูซวง เล่อเหยาเหยาใช้หัวแม่เท้าคิด ก็คาดเดาออกว่าเมื่อครู่เกิดเรื่องใดขึ้น
แน่นอนว่าอันธพาลนี้เมื่อครู่ถือว่าคนมาก จึงฉวยโอกาสตอนชุลมุนอนาจารหลูซวง หลูซวงจึงตกใจโผเข้ามาหาเธอ
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาโมโหในใจ
ตาแก่ หน้าตาก็อัปลักษณ์ ยังทำเรื่องเลวทรามดุจสัตว์เดรัจฉานเช่นนี้อีก ช่างหาเรื่องเสียจริง!
เพียงแต่ แม้ในใจจะโมโห เกลียดจนแทบอยากจับตัวชายน่ารังเกียจผู้นี้มาฟาดด้วยแส้ แต่เล่อเหยาเหยารู้ว่า ตอนนี้เธอและชายผู้นี้ หากสู้กันขึ้นมา เขาใช้นิ้วเพียงนิ้วเดียว ก็จัดการเธอได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้นหากต้องใช้ไม้แข็ง ไม่สงสัยเลยว่าเธอไม่รู้จักประมาณตน
อาจเป็นเพราะหลูซวงคาดเดาความคิดในใจของเล่อเหยาเหยาออก แม้ในใจจะรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่กลัวจะเกิดเรื่องกับเล่อเหยาเหยา
พี่เหยาบาดเจ็บ เธอต้องปวดใจอย่างมากแน่
ดังนั้น หลูซวงจึงสูดจมูกงามของตน ขมวดคิ้วเข้มน่ามอง ก่อนเอ่ยกับเล่อเหยาเหยาด้วยท่าทางน่าสงสารว่า
“พี่เหยา ช่างเถิด พวกเราก็ไปจากที่นี่กันเถิด!”
หลังผ่านเรื่องเมื่อครู่ไป ในใจหลูซวงรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างยิ่ง และก็ไม่มีอารมณ์จะดูการแข่งเรือมังกรต่อ
อีกทั้งเวลานี้ชายวัยกลางคนยังยืนอยู่ด้านหลังเธอ แม้จะใช้เพียงสายตารุนแรงมองมาที่เธอ ทำให้เธอรู้สึกคล้ายตนเองกำลังเปลือยกายยืนอยู่หน้าเขา ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัว
ส่วนเล่อเหยาเหยาได้ยินคำพูดของหลูซวง และเข้าใจความกังวลของเธอ
แต่หลูซวงถูกคนเหยียดหยาม หากเธอปล่อยชายผู้นี้ไปเช่นนี้ ในใจหลูซวงคงเสียใจ และเธอเองก็คงอึดอัดใจ
โดยเฉพาะชายวัยกลางคนผู้นั้นคล้ายรู้สึกถึงสายตาโมโหของเธอ ก่อนชายตามองเธออย่างยั่วยุแวบเดียว ภายในแววตาดูถูกเหยียดหยามอย่างไม่ปิดบัง
คล้ายคิดว่าเธอรูปร่างเล็กบอบบางเกินไป รู้ว่าเธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดังนั้นจึงไม่กล้าทำอันใดกับเขา!
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาโมโหอย่างหนัก
สองมือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อนั้น กำหมัดแน่น เกลียดจนอยากเข้าไปชกหน้าชายผู้นี้สักหมัด
ขณะเดียวกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกเธอ ทั้งหมดก็ตกอยู่ในสายตาของสองคนบนเวที
เพราะหลังจากเห็นร่างของเล่อเหยาเหยา สายตาของหนานกงจวิ้นซีและเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ต่างไม่ละไปจากตัวเธอตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้
ดังนั้น เมื่อหลูซวงถูกชายวัยกลางคนนั้นจับหน้าอก จนการยั่วยุสุดท้ายของชายผู้นั้น ตลอดจนความโมโหของเล่อเหยาเหยา ต่างถูกพวกเขาสองคนเห็นเข้าอย่างชัดเจน
หนานกงจวิ้นซีเห็นเช่นนั้น รีบวางชาในมือลง ก่อนเอ่ยกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่นั่งอยู่ด้านข้างอย่างตกใจว่า
“ศิษย์พี่ใหญ่ เจ้าหมูน้อยคล้ายถูกคนรังแก!”
คำพูดของหนานกงจวิ้นซี ดูกังวลอย่างไม่ปิดบัง
แม้ที่ผ่านมา เขามักชื่นชอบรังแกเจ้าหมูน้อยผู้นี้ ความจริงนั่นเป็นเพราะ เขาอยากดึงดูดความสนใจของ ‘เขา’
ตอนนี้เห็น ‘เขา’ ถูกคนรังแก ในใจหนานกงจวิ้นซีเกิดกลุ่มไฟขึ้น โมโหจนแทบเข้าไปถีบชายผู้นั้นลงไปในทะเลสาบ
ตรงข้ามกับหนานกงจวิ้นซีที่กังวลและโมโห เหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับยังคงเย็นชาเช่นเดิม ดวงตาเย็นชาล้ำลึก นิ่งเฉย คล้ายทะเลสาบในฤดูใบไม้ร่วงอันเงียบสงบ
แต่ริมฝีปากบางของเขา เวลานี้กลับยิ้มออกมา
คนที่คุ้นชินรู้นิสัยของเขาต่างรู้ว่า นี่คือท่าทางไม่พอใจของพญายม
กล้ารังแกคนของเขาหรือ!
ช่างมีใจรนหาที่ตาย!
ดังนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงเอียงหน้าเล็กน้อย คิดให้เหม่ยไปดูลาดเลาก่อนค่อยจัดการเรื่องนี้
ทว่าเวลาต่อมา เมื่อหางตาเห็นคนที่เดิมทีโมโหไม่หยุด พลันมองชายวัยกลางคนนั้นด้วยรอยยิ้มสดใส
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋ตะลึงเล็กน้อย ทันใดนั้น รอยยิ้มที่มุมปากก็ขยายกว้างขึ้น
ยิ้มเย็นชาออกมา…
ส่วนหนานกงจวิ้นซีที่อยู่ด้านข้าง เห็นศิษย์พี่ใหญ่ของตนคล้ายไม่ลงมือช่วยเหลือ และใบหน้าก็มองไม่เห็นความโมโห กลับกันกับยิ้มออกมา ทำให้เขาแปลกใจและสงสัยจนเอ่ยถามขึ้นว่า
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านจะปล่อยให้เจ้าหมูน้อยถูกคนรังแกเช่นนี้หรือ!”
ปกติศิษย์พี่ใหญ่มักทำดีกับเจ้าหมูน้อยมิใช่หรือ!ตอนนี้เจ้าหมูน้อยถูกคนรังแก หรือศิษย์พี่ใหญ่คิดเฝ้าดูอย่างนิ่งดูดาย!
พอคิดถึงตรงนี้ หนานกงจวิ้นซีจึงร้อนใจ
เห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋นิ่งเฉย เขาจึงอยากจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง
แต่ว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋คล้ายรับรู้ถึงความคิดของเขา เพียงเอ่ยปากอย่างเย็นชาขึ้นว่า
“เจ้าดูไปก่อนเถอะ คนผู้นั้นเคราะห์ร้ายแล้ว!”
“เอ่อ ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านหมายความเช่นไร”
สำหรับคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ทำให้หนานกงจวิ้นซีเกิดความแปลกใจขึ้นมา
แต่เหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับไม่เอ่ยปากอธิบายความหมายของมัน หนานกงจวิ้นซีจึงข่มความร้อนรนในใจไว้ก่อนกลับไปนั่งที่ตำแหน่งเดิม
เพราะเขารู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่จะไม่พูดเรื่องที่ไม่มั่นใจออกมา
เขาพูดเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้ เจ้าหมูน้อยนั้นสามารถจัดการได้
แต่ ‘เขา’ จะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้จริงหรือ!
‘เขา’ ดูรูปร่างบอบบาง โดนหมัดชายวัยกลางคนนั้นเข้าไปหมัดเดียวก็ล้มแน่
พอคิดถึงตรงนี้ หนานกงจวิ้นซีไม่กล้าคิดต่อไป
อยากช่วยเหลือคนตัวเล็กนั้น แต่สุดท้าย หนานกงจวิ้นซียังตัดสินใจเชื่อคำพูดของศิษย์พี่ใหญ่ รอดูสถานการณ์อยู่อย่างเงียบๆ
สำหรับเรื่องบนเวที เล่อเหยาเหยาไม่รับรู้แม้แต่นิดเดียว
เพราะเธอตอนนี้ มีเรื่องสำคัญต้องจัดการ!
เมื่อครู่ เธอโมโหแทบระเบิด แต่เธอยังไม่ได้เสียสติ เรื่องนี้ต้องประมาณตน คนโง่เท่านั้นจึงจะตอบโต้กลับไป!
คนที่ฉลาดเช่นเธอนี้ ต้องไม่ทำเรื่องที่คนโง่เท่านั้นทำหรอก!
เธอตอนนี้ ในที่สุดก็หาวิธีที่จะจัดการกับชายวัยกลางคนนี้เช่นไรออกแล้ว
ดังนั้น จึงยิ้มกว้างให้กับชายวัยกลางคนที่มองเธอย่างยั่วยุอยู่นั้น
รอยยิ้มนั้น ชวนหลงใหลอย่างมาก แม้วันนี้เล่อเหยาเหยาจะสวมชุดบุรุษ แต่ยังคงทำให้คนที่มองละสายตาไม่ได้
เห็นชัดว่าชายวัยกลางคนผู้นั้นก็ถูกรอยยิ้มสดใสชวนหลงใหลของเล่อเหยาเหยาทำให้เคลิบเคลิ้ม ในใจกำลังตกตะลึงและแปลกใจ
คนรักของตนถูกเขาล่วงเกิน เด็กผู้นี้กลับยิ้มสดใสให้กับเขา หรือเด็กนี้ชื่นชอบเขา!
พอคิดถึงตรงนี้ ในใจชายกลางคนพลันรู้ภูมิใจขึ้นมา รอยยิ้มน่ารังเกียจบนใบหน้าก็กว้างขึ้น
ฮิฮิ วันนี้เขาเก็บของล้ำค่าได้ คู่ครองที่งดงามเช่นนี้ ต้องเป็นของเขา
ขณะชายกลางคนคิดฝันไปไกล ภูมิใจในใจไม่หยุดอยู่นั้น ไม่นาน เล่อเหยาเหยากลับฉวยโอกาสที่ชายกลางคนมึนงง ยื่นมือออกไปรวดเร็วดุจสายลมกรด ก่อนตบเข้าที่ก้นของหญิงที่แต่งงานแล้วด้านหน้าเขา
มีเพียงเสียง ‘เพี๊ยะ’ ดังกังวานขึ้น แม้เวลานี้เสียงผู้คนจะพลุกพล่าน แต่ก็ดังชัดเจนอย่างยิ่ง
ทันใดนั้น ทุกคนก็ถูกเสียงตบที่ดังกังวานนี้ดึงดูดไว้ ต่างมองมาทางพวกเล่อเหยาเหยาด้วยสายตาไม่เข้าใจ
ส่วนหญิงแต่งงานแล้วที่ถูกเล่อเหยาเหยาตบเข้าที่ก้นนั้น ร่างกายคล้ายสปริงเด้งอย่างรุนแรง จนแทบตกลงไปในทะเลสาบ
แต่ว่าผู้หญิงคนนั้นยังยืนหยัดไว้อย่างฉิวเฉียด หลังร้อง ‘ไอ๊หยา ’ขึ้นก็หมุนตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว จ้องเขม็งไปทางด้านหลัง
“น่าตายนัก ผู้ใดตีก้นข้า!”