สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 106.2 ถูกล่วงเกิน (2) (รีไรท์)
เมื่อเสียงดุร้ายของหญิงสาวดังขึ้น พลันมีเสียงสูดหายใจออกมาจากกลุ่มคน
ไม่มีเหตุผลอย่างอื่น เพราะทุกคนเพียงคิดว่าหญิงผู้นี้ไม่เพียงดุร้าย ท่าทางนั้นยากที่จะชื่นชมเสียจริง
น้ำหนักน่าจะประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบ แขนขาใหญ่ เรียกช้างก็ยังได้ ยังมีหน้าท้อง ขนาดใหญ่นั้น เมื่อมองต้องคิดว่ามีเด็กอายุห้าหกเดือนอยู่ภายในนั้นจริง
รูปร่างนี้ยังไม่ใช่สิ่งที่น่าตกใจที่สุด เพราะสิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือใบหน้าของหญิงสาว!
ทั้งบานทั้งแบนเต็มไปด้วยเนื้อ ด้านบนมีรอยสิวและจุดด่างดำ เต็มไปทั่วใบหน้าของเธอ ทำให้เธอมองแล้ว คล้ายดวงจันทร์ขรุขระ
ขนคิ้วหนาเตอะ ตาโตดุจระฆังใหญ่ จมูกดุจหัวกระเทียม และปากใหญ่ดุจอ่างโลหิต
ยิ่งมอง ทุกคนต่างพลันอยากอาเจียนขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจ
เล่อเหยาเหยาที่อยู่ด้านข้างเห็นเข้า อดยิ้มมุมปากไม่ได้
เมื่อครู่ เธอเห็นเพียงใบหน้าด้านข้างของหญิงสาว คิดว่าหญิงผู้นี้หน้าตาดุร้ายยิ่งนัก ดังนั้นจึงเกิดแผนการขึ้นในใจ
คิดไม่ถึง เมื่อหญิงสาวหันหน้ากลับมา ใบหน้านั้น แค่กๆ ช่างมีเอกลักษณ์เสียจริง!
อย่างน้อยทำให้คนยากที่จะลืมเลือน!
ขณะที่เล่อหยาเหยากำลังคิดอย่างดีใจ หญิงผู้นั้นหลังเอ่ยอย่างโมโหออกมา แต่ว่าเมื่อพบว่าไม่มีผู้ใดยอมรับ พลันด่าทออย่างรุนแรงขึ้นอีกครั้ง
“น่าตายนัก เมื่อครู่ผู้ใดล่วงเกินตีก้นข้า!”
“ชิ!”
“ฮ่าๆ”
หลังเสียงตะโกนด่าทอของหญิงอ้วนผู้นั้น ในกลุ่มคนอดมีเสียงหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
มีคนเอ่ยพูดกระซิบอย่างไม่เกรงใจทางนั้นว่า
“หญิงหน้าตาอัปลักษณ์เช่นนี้ ถูกคนล่วงเกิน ถือเป็นบุญวาสนาแล้ว ตอนนี้กลับดูดุร้ายขนาดนั้น!”
“ใช่ ถูกต้อง ทว่า ไม่รู้ผู้ใดสายตาช่าง…พิเศษนัก กระทั่งสินค้าประเภทนี้ยังถูกตาต้องใจ!”
“ถูกต้อง”
เสียงถกเถียงในกลุ่มคนแม้จะเสียงไม่ดัง แต่กลับเพียงพอให้หญิงอ้วนนั้นได้ยินพอดี
ดังนั้น หญิงอ้วนนั้นจึงยิ่งโมโหมากขึ้น
เงยหน้ามองคนที่วิจารณ์เยาะเย้ยเธอ ก่อนเอ่ยขึ้นว่า
“ผู้ใดกล้านินทาข้า พวกเจ้าช่างกล้านัก บิดาของข้าเป็นถึงผู้ดูแลกองกำลังทหาร ระวังข้าจะให้บิดามาจับพวกเจ้าไปคุมขังกินข้าวในคุก!”
หญิงอ้วนพูดจาอย่างยโสโอหังอย่างยิ่ง สีหน้าดูถูกดูแคลน ท่าทางนั้นราวกับว่าบิดาของตนคือหลี่กัง
เห็นชัดว่าคำพูดของหญิงอ้วนได้ผลไม่เลว คนในกลุ่มคนแม้จะโกรธเคือง แต่ราษฎรไม่สู้ขุนนาง ทุกคนต่างหยุดเสียงลง
เห็นเช่นนั้น สีหน้าของหญิงอ้วนถือดีขึ้นหลายส่วน
ทันใดนั้นตาโตนั้นก็กวาดไปมาด้านหลังของตน
จากสายตาของเธอ คนที่เพิ่งเข้ามายืนด้านหลังของเธอ ต่างพากันก้าวถอยหลังไป
สุดท้าย มีเพียงเล่อเหยาเหยาและหลูซวง และชายกลางคนนั้นที่ไม่ได้ถอยหลังไป
เล่อเหยาเหยาไม่ถอยหลัง นั่นเพราะไม่จำเป็น และเธอยังรอดูละครที่น่าชม!
ส่วนชายวัยกลางคนที่ไม่ก้าวถอยไป อาจเพราะเขาถือว่าตนรูปร่างสูงใหญ่ ดังนั้นจึงไม่หวาดกลัวหญิงผู้นี้
รวมทั้ง ฝ่ามือที่ตีเมื่อครู่ก็ไม่ใช่ของเขา ดังนั้น ชายวัยกลางคนจึงไม่ได้ก้าวถอยไป
ส่วนหญิงอ้วนนั้นหลังกวาดสายตามามองหน้าเธอ สุดท้ายสายตาก็ไปตกอยู่ที่ชายกลางคนนั้น
หลังคิดทบทวนหนึ่งรอบ อาจเพราะชายกลางคนน่ารังเกียจเกินไปจริงๆ จึงถูกสงสัยว่าเป็นคนที่ตบก้นเธอมากที่สุดผู้หนึ่ง ดังนั้น ตาโตดำขลับนั้นจึงหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนเอ่ยปากขึ้นว่า
“เมื่อครู่เจ้าตีก้นข้าใช่หรือไม่!”
แม้จะเป็นประโยคคำถาม แต่หญิงอ้วนนั้นกลับพูดอย่างมั่นใจยิ่ง
เพราะจากสายตาของเธอ คนรอบตัวพวกนี้ ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ภายนอกหรือสิ่งใด ต่างไม่ได้อัปลักษณ์เช่นชายผู้นี้ เมื่อครู่หากไม่ใช่เขาล่วงเกินเธอ ยังจะเป็นผู้ใดได้อีก!
เมื่อหญิงอ้วนเอ่ยอย่างมั่นใจ ทำให้ชายวัยกลางคนนั้นหลังจากตกตะลึงเล็กน้อย ก็โมโหขึ้นมา
สายตาที่มองหญิงอ้วนนั้น ไม่ปิดบังความรังเกียจ น้ำเสียงเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม
“ข้าตีก้นเจ้าหรือ!เจ้าช่างไม่ดูตัวเองเสียจริง ข้าตาไม่ได้บอด หากจะล่วงเกินก็ต้องหาหญิงสาวงดงามกว่านี้ แต่เจ้า! ฮึ หากเจ้าไม่มีกระจก ก็ไปดูหน้าตาตนที่ริมทะเลสาบเถอะ ทั้งอัปลักษณ์ทั้งอ้วน หมูยังดูดีกว่าเจ้า ยังมีใบหน้านั้น จุ๊ๆ อย่าให้พูดถึงดีกว่า แค่เห็นข้าแทบจะอาเจียนอาหารที่กินเข้าไปออกมา!”
ชายวัยกลางคนนั้นอาจเป็นเพราะปกติกำเริบเสิบสาน ดังนั้นตอนนี้จึงพูดจาอย่างไม่เกรงใจ พูดจาที่ไม่น่าฟังขึ้นมามากมาย
เมื่อหญิงสาวนั้นได้ยิน จึงโมโหจนแทบกระอักเลือด ก่อนจะมั่นใจว่าชายวัยกลางคนนี้ล่วงเกินเธอ ดังนั้น จึงเบิกตากว้าง สองมือเท้าสะเอว ก่อนเอ่ยคำรามขู่ชายวัยกลางคนนั้น
“ข้านึกแล้วว่าต้องเป็นเจ้า เจ้าบุรุษน่าตาย หลังจากล่วงเกินข้า ยังกล้าพูดเช่นนี้กับข้าอีก! ฮึ ไม่ดูเจ้าเลย หน้าตาปากแหลมแก้มตอบเหมือนลิง ราวกับพวกหัวขโมย ยังมาทำท่าทางเหมือนบัณฑิต! หากข้าเป็นเจ้า คงหาเชือกผูกคอตายไปแล้ว แต่เจ้ายังกล้าออกมาเดินให้ผู้คนพบเห็นน่าอายเสียจริง!”
เรื่องกำลังในการด่าทอคน หญิงอ้วนผู้นี้ถือไม่เป็นรองผู้ใด!
ชายกลางคนได้ยิน พลันโมโหเดือดดาล กัดฟันแน่น หน้าผากเขียวคล้ำออกมา ทำให้เขายิ่งดูหน้าตาบูดบึ้ง
“เจ้าหญิงอัปลักษณ์นี้ ข้าไม่อยากพูดเหลวไหลกับเจ้า ข้าจะพูดความจริงกับเจ้า เมื่อครู่คนที่ตีก้นเจ้าไม่ใช่ข้า!”
“ฮึ ไม่ใช่เจ้าหรือ จะยังเป็นผู้ใดได้อีก!” เห็นชัดว่าหญิงอ้วนไม่เชื่อคำพูดของชายวัยกลางคน
ชายวัยกลางคนอาจเป็นเพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับหญิงอัปลักษณ์นี้อีก จึงยื่นมือชี้ไปยังเล่อเหยาเหยาที่กำลังดูละครสนุกตรงหน้า ก่อนเอ่ยอย่างโมโหขึ้น
“เมื่อครู่คนที่ตีก้นของเจ้าคือเขา ไม่ใช่ข้า!”
“อะไรนะ!”
เมื่อได้ยิน หญิงอ้วนนั้นมองตามมือของชายวัยกลางคนไป เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยา ใบหน้ากลมน่าเกลียดนั้นตะลึงเล็กน้อย
เมื่อเห็นหญิงอ้วนนั้นมองมายังตน เล่อเหยาเหยาที่คาดเดาเหตุการณ์นี้ไว้ก่อนแล้ว ใบหน้าเล็กที่เดิมทีกำลังชมละครอย่างเพลิดเพลิน หลังหญิงสาวหันหน้ามองมา พลันเปลี่ยนเป็นไร้เดียงสาอย่างยิ่ง กระพริบดวงตางดงามครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าไร้เดียงสาว่า
“พี่สาว ไม่ใช่ข้า เมื่อครู่ ข้าและน้องสาวอยู่ด้านหลังท่าน พวกเราเห็นกับตาว่าท่านลุงผู้นี้คือคนที่ล่วงเกินท่าน!”
เอ่ยจบ เล่อเหยาเหยาทำหน้าโมโหมองไปยังชายวัยกลางคนนั้น พร้อมเอ่ยอย่างโมโหว่า
“ท่านลุงผู้นี้ ท่านรังแกพี่สาวแต่ไม่กล้ายอมรับ ท่านเป็นบุรุษเช่นไรกันแน่! ตอนนี้ยังโยนความผิดมาให้ข้า…ข้า…ข้า”
เอ่ยจบ เล่อเหยาเหยาอดสูดจมูกเบาๆ ไม่ได้
ท่าทางคล้ายลูกสุนัขกำลังถูกคนรังแกอย่างน่าสงสารเช่นนี้ ทำให้ทุกคนตรงนั้นที่เห็นต่างเกิดเห็นใจขึ้นมา
และทนเห็นชายวัยกลางคนรังแกเล่อเหยาเหยาต่อไปไม่ไหว ดังนั้นทุกคนจึงลุกขึ้นเอ่ยว่า
“เจ้านี้เป็นคนเช่นไรกัน รังแกพี่สาวผู้นั้นแล้ว ตอนนี้ยังโยนความผิดให้เด็กน้อยผู้หนึ่งอีก!”
“ถูกต้อง เจ้าไม่มีคุณธรรมเสียจริง!”
“ถูกต้อง ตีข้าให้ตายก็ไม่เชื่อ เด็กน้อยหน้าตาหล่อเหลาไร้เดียงสานี้จะทำเรื่องไม่ดีเช่นนี้ออกมา เจ้าอยากหาคนรับแทน แต่ก็ไม่ควรทำเช่นนี้”
“ถูกต้อง”
สำหรับความแค้นเคืองของทุกคน แม้ชายวัยกลางคนจะโมโหไม่หยุด แต่ยากที่จะอธิบาย แม้เขาจะพูดเช่นไร ตอนนี้ทุกคนต่างไม่เชื่อเขา
แต่เมื่อถูกเล่อเหยาเหยาแก้แค้นเช่นนี้ ชายวัยกลางคนจะเต็มใจเช่นไร ดังนั้นจึงไม่สนใจว่าทุกคนจะพูดเช่นไร กำหมัดขึ้น ชูมือคิดเข้าไปตีเล่อเหยาเหยา
ทว่ากำปั้นของเขายังไม่ทันโดนตัวเล่อเหยาเหยา หญิงอ้วนด้านข้างเห็นเข้า จึงเร็วกว่าชายวัยกลางคนก้าวหนึ่ง ยกเท้าขึ้นถีบเข้าที่ท้องของชายวัยกลางคนอย่างหนัก ทั้งเตะต่อยพลางด่าทออย่างโมโห
“คนเลว เจ้ารนหาที่ตายแล้ว กระทั่งเด็กยังจะทุบตี ข้าจะตีเจ้าให้ตาย!”
แม้หญิงอ้วนนั้นจะตัวใหญ่โตและอัปลักษณ์เล็กน้อย แต่เวลานี้ช่างมีความยุติธรรมยิ่งนัก
หญิงผู้นั้นแม้จะอ้วน พลังกลับไม่น้อย ต่อสู้กับชายวัยกลางคนนั้นด้วยหมัดทรงพลังอย่างแม่นยำ!
ชายวัยกลางคนที่กำยำล่ำสันถูกเธอเตะต่อยจนต้านไม่ไหว จึงก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ คิดไม่ถึง ด้านหลังของเขาจะเป็นแม่น้ำแยงซีที่ไหลแรง
ชายวัยกลางคนจึงตกลงไปในแม่น้ำ
เสียง ‘ตูม’ ดังขึ้นพร้อมคลื่นน้ำที่แตกกระจาย
ตามมาด้วยเสียงปรบมือดังสนั่นและเสียงด่าทอของทุกคนที่มีต่อเขา
หลังตกลงไปในน้ำ เมื่อเห็นสายตาที่ไม่หวังดีของทุกคน ชายวัยกลางคนจึงว่ายน้ำคอตกจากไป
เมื่อชายวัยกลางคนจากไป หญิงอ้วนริมตลิ่งยังกัดฟันกรอดอยู่ตลอดเวลา ก่อนเอ่ยพึมพำอย่างโมโหว่า
“ฮึ!ชายหน้าเหม็น โชคดีเจ้าหนีไปเร็ว มิฉะนั้นข้าจะตีให้เจ้าลุกไม่ขึ้นเลย!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงอ้วน เล่อเหยาเหยาแอบหัวเราะในใจ
ส่วนหลูซวงด้านข้างก็แอบยิ้มที่มุมปาก
จากนั้นเล่อเหยาเหยาได้ยินเสียงกระซิบดังขึ้นที่ข้างหู
“พี่เหยาเก่งกาจยิ่งนัก ชายวัยกลางคนนั้นถูกตีวิ่งหนีไปแล้ว”
“ฮ่าๆ แน่นอน ข้าเฉลียวฉลาดยิ่งนัก”
สำหรับคำชมของหลูซวง เล่อเหยาเหยายอมรับอย่างไม่เกรงใจ และยังชื่นชมภูมิใจในตัวเองอย่างยิ่ง
หากเป็นคนอื่นพูดเช่นนี้ ต้องทำให้คนรู้สึกว่าเธอหลงตัวเองอย่างแน่นอน แต่คำพูดนี้เมื่อออกมาจากปากเล่อเหยาเหยา กลับเพียงทำให้คนรู้สึกว่าเขาช่างน่ารักยิ่ง
โดยเฉพาะเมื่อรวมเข้ากับหน้าตาภาคภูมิใจถือดีของเธอ ทำให้เธอดูคล้ายจิ้งจอกน้อยที่แอบขโมยกินไก่ของชาวนา!ช่างถือดียิ่งนัก!
เห็นเช่นนั้น หลูซวงยิ้มมุมปากอย่างหวานหยด สายตาที่มองเล่อเหยาเหยาดูลุ่มหลงมากขึ้นหนึ่งส่วน
สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นริมตลิ่ง หนานกงจวิ้นซีและเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่นั่งอยู่บนเวทีก็มองเห็นอย่างชัดเจน เพราะเวทีไม้ไผ่นี้เป็นสถานที่ชมทิวทัศน์ที่ดีที่สุด นั่งอยู่ด้านบน จะสามารถมองภาพด้านล่างได้อย่างชัดเจนรอบด้าน
………………………………