สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 109.2 ทำสงครามเย็นกับพญายม (2) (รีไรท์)
เมื่อมีความสงสัย ขนตาเล่อเหยาเหยาขยับเล็กน้อยครู่หนึ่ง พลันขยี้ตาทั้งสองข้าง แล้วลืมตาขึ้น
สิ่งที่เห็นคือภายในห้องมืดสนิท
เวลานี้น่าจะเป็นช่วงก่อนฟ้าสาง จึงเงียบสนิท ไร้เสียงผู้คน
มีเพียงแสงจันทร์สว่างจ้า สาดส่องทะแยงลอดเข้ามาจากหน้าต่างบานสลักที่เปิดค้างไว้ ทำให้รอบห้องปกคลุมด้วยแสงสลัวเลือนลางและลึกลับ
สายลมยามค่ำคืน พัดเข้ามาทางหน้าต่างลายสลักที่เปิดอ้าอย่างอบอุ่น จนผ้าม่านปลิวไสว แฝงไปด้วยความเย็นสดชื่น
เล่อเหยาเหยาเวลานี้หนาวเหน็บอย่างยิ่ง เพียงคิดว่าอากาศคืนนี้เริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว ดังนั้นจึงคิดลุกขึ้นไปปิดหน้าต่าง ก่อนกลับมานอนอีกครั้ง
แต่เมื่อเธอเพิ่งลุกขึ้นจากเตียง พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
นั่นคือ ข้างเตียงเธอมียักษ์ตัวสูงใหญ่ นั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ไร้สุ้มเสียง เมื่อมองยังคิดว่าเป็นสิ่งไม่มีชีวิต
แต่จากไอพิฆาตอันรุนแรงที่กระจายออกมาจาก ‘สิ่งไม่มีชีวิต’นั้น ราวกับพญายมที่ขึ้นมานรกขุมที่สิบแปด ทำให้คนหวาดกลัวจนตัวสั่น!
เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น พลันถูกไอเยือกเย็นที่กระจายออกมาจากยักษ์ตัวใหญ่ทำให้ตกตะลึง จนอดสั่นเทิ้มไม่ได้
ความง่วงซึมภายในสมองก็พลันสลายไป และในใจหวาดหวั่นขึ้นมา
ข้างเตียงเธอ เหตุใดมีของเล่นเช่นนี้ได้
นี่มันคือสิ่งใดกันแน่!
เล่อเหยาเหยาสงสัยในใจ พยายามใช้มือขยี้ตา จนเจ็บดวงตาไปหมด จากนั้นก็พยายามมองสิ่งดำทะมึนนี้ ในที่สุดก็สามารถเห็นยักษ์ตัวใหญ่ข้างเตียงชัดเจนถึงเจ็ดแปดส่วน!
เสื้อคลุมยาวสีดำห่อหุ้มแนบชิดร่างกายสูงยาวนั้น ดวงตาดำขลับลึกลับนั้น แทบจะผสานเป็นหนึ่งเดียวกับความมืด
และใบหน้านั้น ดูเย่อหยิ่งดุดัน เคร่งขรึม คุกคามอย่างเย็นชา ราวกับเขียนคำว่า ‘ห้ามเข้าใกล้’เอาไว้ !
ที่น่าหวาดกลัวที่สุดคือ ดวงตาของเขา!
ดวงตาเยือกเย็นเข้มข้นดุจน้ำ ภายในมีประกายโหดเหี้ยมและคาวเลือดรำไร ทำให้คนที่เห็น ยังคิดว่าคือสัตว์ดุร้ายหิวโหยในยามค่ำคืน กำลังจ้องมองเหยื่อของมัน
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาพลันตกใจอย่างอกสั่นขวัญแขวน หนังศีรษะชาวาบชั่วขณะ สมองเกิดเสียง ‘ตูม’ก่อนพลันขาวโพลน คิดอะไรไม่ออก
เพราะคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงเธอไม่ใช่ผู้ใด แต่เป็นพญายม!
เดิมทีเขาน่ากลัวอยู่แล้ว ตอนนี้มาปรากฏตัวขึ้นข้างเตียงของเธอกลางดึก เธอไม่ตกใจสิถึงจะแปลก!
และที่พญายมมาตอนนี้หมายความว่าเช่นไร!
แม้ที่นี่จะเป็นอาณาบริเวณของเขา แต่ยังไงที่นี่คือห้องพักของเธอ!
อีกทั้ง ตอนนี้เหตุใดเขามาปรากฏตัวในห้องของเธอ และยังมองเธอด้วยสายตาน่ากลัวขนาดนี้อีก เธอมองจนใจสั่นไหว!
ทว่าที่สำคัญที่สุดคือ หยดน้ำที่เย็นเฉียบเมื่อครู่นั้นไหลมาจากบนร่างกายเขา หรือว่า…
หรือว่าเมื่อครู่เขาตามหาเธอในน้ำอยู่ตลอด!
พอคิดว่าอาจจะเป็นไปได้ ในใจเล่อเหยาเหยาสั่นไหวครู่หนึ่ง ดวงตางดงามเบิกกว้าง ภายในแววตาปรากฎความแปลกใจและตกตะลึงขึ้นมา
สุดท้ายจึงคิดได้ว่า เมื่อครู่เธอโมโหอย่างหนัก ดังนั้นจึงจากมาเงียบๆ ไม่ได้บอกกล่าวพญายม
หรือพญายมจะตามหาเธอในน้ำตลอดเวลา
พอคิดถึงตรงนี้ ต้องพูดว่าในใจเล่อเหยาเหยารู้สึกดีขึ้นบางส่วน
แต่ไม่ได้หมายความว่า เธอจะให้อภัยกับสิ่งที่เขาทำกับเธอทั้งหมด
ดังนั้น หลังคิดถึงเรื่องนี้ ในใจเล่อเหยาเหยาทะลักความโมโหขึ้นมาอีกครั้ง สำหรับความกลัวที่มีต่อพญายม ก็ถูกความโมโหเข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว
แม้เวลานี้สายตาที่พญายมมองเธอ จะเคร่งขรึมเย็นชา น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง แต่เล่อเหยาเหยาก็โมโหเช่นกัน!
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาเพียงนั่งอยู่ตรงนั้น ดวงตาแฝงความโมโห จ้องมองดวงตาดำขลับเคร่งขรึมของพญายม
แม้ในใจจะหนาวสั่น แต่จะให้ผู้ใดดูถูกไม่ได้
เขาไม่ขยับ เธอจะไม่ขยับ! จะดูว่าเขาคิดจะทำเช่นไรกับเธอ!
อย่างมากถูกเขาทุบตีสักยก!หรือไม่ก็ถูกเขาสังหาร
ความตาย เธอกลัว! แต่เธอไม่อยากให้ตนโดนพญายมตรงหน้านี้ทารุณทุกวัน ดังนั้นความตาย สำหรับเธออาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด!
ดังนั้น เวลานี้เล่อเหยาเหยา จึงเตรียมใจรับกับเรื่องเลวร้ายเช่นกัน
ตอนนี้ รอเพียงพญายมโมโหหรือกระทำสิ่งที่ป่าเถื่อนกับเธอเท่านั้น!
แต่เมื่อเวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า เล่อเหยาเหยานั่งตัวแข็งทื่อ แต่กลับเห็นพญายมเพียงมองเธออยู่อย่างเงียบเชียบตลอด ไม่ได้ทำอันใดกับเธอ
สำหรับพญายมในตอนนี้ ทำให้เล่อเหยาเหยารู้สึกประหลาดใจ
เพราะพญายมตอนนี้ ไม่เหมือนเขาคนก่อนหน้านี้แม้แต่นิดเดียว!
ก่อนหน้านี้ เมื่อพญายมโมโห ผลลัพธ์จะรุนแรงอย่างยิ่ง
แต่ตอนนี้ เขาเพียงเอาแต่มองเธอ กลับไม่ทำสิ่งใด เพียงแต่ไม่รู้เพราะเหตุใด แม้เขาจะเพียงมองเธออยู่เงียบๆ แต่กลับทำให้เธอรู้สึกลำบากใจและไม่สบายใจ มากกว่าเขาลงมือทำสิ่งใดกับเธอ
อีกทั้งบรรยากาศตอนนี้ ค่อยๆ แปลกประหลาดขึ้น
สองคนเพียงจ้องตากัน แต่ไม่มีผู้ใดเอ่ยปาก
ดวงตาคู่หนึ่งงดงามดื้อรั้น ทว่าแฝงความสงสัย
ดวงตาคู่หนึ่งเย็นยะเยือก คล้ายบ่อน้ำที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง ลึกจนคาดเดาได้ยากดุจน้ำแข็ง…
ทั้งสองคนจ้องตากันเช่นนี้อย่างเงียบๆ กระทั่งไม่รู้ผ่านไปนานเพียงใด จากนั้นมีเสียงแผ่วเบาค่อยๆ ใกล้เข้ามา
พญายมที่เดิมทียืนนิ่งไม่ไหวติงมาตลอด ค่อยๆ หมุนตัว จากนั้น…
ก็จากไป!
“เอ่อ”
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยากระพริบตาอย่างขมขื่นชั่วขณะ ในใจยิ่งสงสัยมากขึ้น
โดยเฉพาะเมื่อเห็นพญายมตั้งแต่ปรากฎตัวมาจนถึงตอนนี้ ไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาแม้ประโยคเดียว
สุดท้ายก็ไม่ได้ทำสิ่งใดเธอ เพียงหมุนตัวจากไป
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาอดขมวดคิ้วเข้มน่ามองไม่ได้ มองพญายมที่จากไป ก่อนพึมพำกับตนเองว่า
“พญายมเป็นอะไรไป ช่างแปลกประหลาดจริง ”
แม้ในใจจะสงสัย แต่เล่อเหยาเหยายังคงสู้กับความง่วงงุนไม่ได้ สุดท้ายเพียงนอนลงบนเตียงอีกครั้ง ไม่นานก็หลับสนิทไปอีก
ตรงข้ามกับเล่อเหยาเหยาที่กำลังฝันหวาน เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่กลับเข้ามาภายในห้อง กลับยืนอยู่ข้างหน้าต่าง ดวงตาเย็นชามองไกลออกไป ไม่หลับตลอดทั้งคืน
…
แปลกนัก!
แปลกมาก!
แปลกอย่างยิ่ง!
พญายมกำลังโมโห!
สำหรับเรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยเลย แต่ที่ทำให้เล่อเหยาเหยาแปลกใจที่สุดคือ พญายมโมโหครั้งนี้ กลับไม่เหมือนการโมโหครั้งก่อน และยังเลือกวิธีแสดงความโมโหอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ…
เย็นชา!
ความเย็นชาอย่างไม่ยินดียินร้ายเช่นนี้ และสายตาของเขาที่ไม่มองเธอ ปฏิบัติกับเธอคล้ายกับขันทีน้อยแปลกหน้านั้น
ความรู้สึกเช่นนี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาอดนึกถึงครั้งแรกที่ได้พบกับพญายมไม่ได้
ตอนนี้เขาไม่ทำเรื่องที่เธอไม่ยินยอมพร้อมใจ และยามเอ่ยสั่งงานเธอ น้ำเสียงก็เย็นชา เหมือนกับรับสั่งงานกับผู้อื่น
เช่นนี้ ที่จริงดีแล้วไม่ใช่หรือ!
ความสัมพันธ์ของพวกเขา เป็นความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายและบ่าวจริง เขาคือเจ้านาย เธอคือบ่าวรับใช้ มีเพียงเท่านี้
แต่เหตุใด เมื่อเผชิญหน้ากับพญายมตอนนี้ ในใจเธอกลับคล้ายอึดอัด!
เรื่องนี้เล่อเหยาเหยารู้สึกสับสน
ทว่าสำหรับการเปลี่ยนแปลงของพญายม เล่อเหยาเหยาก็ไม่คิดสนใจอันใดอีก เพราะเธอได้รับข่าวว่าตงฟางไป๋จะเปิดโรงหมอในเมืองหลวง
หลังรู้ข่าวนี้ เล่อเหยาเหยาย่อมดีใจอย่างมาก
เพราะเธอเห็นตงฟางไป๋เปรียบเสมือนพี่ชายแท้ๆ ของตน และเวลาที่ใกล้ชิดกับเขา มักจะสบายอกสบายใจอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้ ตงฟางไป๋คล้ายสายลมอันอบอุ่น แม้จะอบอุ่นเป็นมิตร แต่กลับไม่เคยหยุดพักเป็นหลักแหล่ง
ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็ตั้งรกรากแล้ว นี่หมายถึงเธอสามารถพบหน้าตงฟางไป๋ได้ทุกวัน
หลังคิดถึงเรื่องนี้ ความอึดอัดใจของเล่อเหยาเหยาที่เกิดจากพญายมพลันสลายไป แทนที่ด้วยความสุขจากการที่ตงฟางไป๋ตั้งรกราก
และเธอก็รู้ว่าการเปิดโรงหมอในเมืองหลวง ต้องมีเรื่องให้จัดการวุ่นวายมากมาย ดังนั้น เล่อเหยาเหยาหลังทำงานในตำหนักหย่าเฟิงเสร็จ ต้องไปช่วยงานที่โรงหมอของตงฟางไป๋แน่
สำหรับที่ตั้งโรงหมอของตงฟางไป๋ เขาเลือกถนนใหญ่ที่รุ่งเรืองที่สุดในเมืองหลวง และถนนใหญ่เส้นนี้ ความจริงห่างจากวังรุ่ยอ๋องเพียงสองตรอกเท่านั้น
ดังนั้น หากวันหน้าเล่อเหยาเหยาไปเยี่ยมเยียนตงฟางไป๋ ย่อมง่ายดายมากเป็นแน่
อีกทั้ง หลังจากใกล้ชิดกับตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาจึงรู้ว่าสถานะของตงฟางไป๋ นั่นคือคุณชายน้อยแห่งตระกูลตงฟาง
และยังมีสถานะที่ยอดเยี่ยมอีกอย่างคือ เป็นหมอเทวดาอันดับหนึ่งแห่งแคว้นเทียนหยวน!
สำหรับเรื่องพวกนี้ของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาได้ยินผู้อื่นพูดคุยกันโดยไม่ตั้งใจ
ว่ากันว่าตระกูลตงฟางนี้ คือตระกูลขุนนางอันดับหนึ่งของเทียนหยวน
ตระกูลตงฟางในแคว้นเทียนหยวน ไม่เพียงในสายตาของราชสำนัก ยุทธภพหรือราษฎร ต่างใจกว้างและตรงไปตรงมา จึงได้รับความเคารพเลื่อมใสอย่างล้นหลาม
เหตุผลคือตระกูลตงฟางทำการรักษาให้กับทุกคน ที่ผ่านมาคนที่ได้รับการรักษาจึงมีนับไม่ถ้วน
แต่ตระกูลตงฟางจะไม่ทำการรักษาให้แก่คนสองกลุ่ม!
ไม่รักษาคนทำความชั่วที่ให้อภัยไม่ได้ ไม่รักษาคนลัทธินอกรีต!
สำหรับเหล่าราษฎร หากไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา เพียงเข้ามาในโรงหมอของตระกูลตงฟาง ต่างจะได้รับการรักษาอย่างดีทันที โดยไม่คิดค่ารักษา
เพราะตระกูลตงฟางหมั่นสร้างบุญกุศล ดังนั้นจนถึงตอนนี้ สาขาของตระกูลตงฟางจึงมีทั่วทุกทิศทุกแห่งในแคว้นเทียนหยวน กระทั่งแคว้นต้าเซี่ยและแคว้นอื่น ต่างมีสาขาตระกูลของพวกเขา
เมื่อเอ่ยถึงตระกูลตงฟาง ทุกคนย่อมเอ่ยถึงหมอเทวดาผู้นี้
ว่ากันว่าคุณชายน้อยตระกูลงตงฟาง เฉลียวฉลาดมาตั้งแต่เด็ก ฝีมือแพทย์ล้ำเลิศ เมื่ออายุสิบห้าก็มีฝีมือเหนือกว่าบิดาของเขา ดั่งที่ว่าศิษย์เก่งกว่าครู
ช่วยชีวิตคนมานับไม่ถ้วน โรคหายากซับซ้อนใดต่างไม่พ้นมือเขา
ดังนั้น ชื่อเสียงหมอเทวดาอันดับหนึ่งจึงได้มาเช่นนี้
แต่แม้จะถูกคนทั้งโลกรักและเลื่อมใส
ตงฟางไป๋ผู้นี้ กลับไม่เย่อเหยิ่ง ยังคงอ่อนโยนต่อผู้อื่นเช่นเดิม สำหรับเรื่องนี้ ช่างหาได้ยากจริงๆ!
ดังนั้น หลังรู้เรื่องราวของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาจึงรู้สึกเลื่อมใสและชื่นชอบพี่ชาย ตงฟางไป๋ผู้นี้
ทุกวันเพียงมีเวลาว่าง เธอพลันวิ่งมาที่โรงหมอของตงฟางไป๋ทันที
แต่เล่อเหยาเหยากลับไม่รู้ว่า สำหรับท่าทีนี้ของเธอ ในสายตาของบางคน กลับรู้สึกไม่พอใจ
………………………………………