สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 112.2 ความรักของตงฟางไป๋ (2) (รีไรท์)
วันนี้เธอจัดการเรื่องคณะละครเสร็จสิ้นแล้ว ดังนั้นจึงตื่นนอนแต่เช้า คิดไปปรนนิบัติพญายมหลังตื่นนอน
ทว่าไม่รู้ว่าเพราะหลายวันนี้ไม่ได้เจอหน้าพญายมหรือไม่ วันนี้ใจของเล่อเหยาเหยาพลันรู้สึกกังวลบางส่วน
เล่อเหยาเหยาที่แต่งกายเสร็จเรียบร้อย ยืนอยู่หน้ากระจก มองสีหน้าแววตากังวลของตน
อดสูดหายใจลึกครู่หนึ่งไม่ได้ หลังสงบสติอารมณ์ลง จึงกำหมัดเล็กขึ้น เอ่ยกับตนเองในกระจกว่า
“เล่อเหยาเหยา ความกล้าของเธอหายไปไหนหมด เพียงเจอกับพญายมเท่านั้น สู้ตาย!”
ต้องใช้ความอ่อนโยน แค่นั้นแหละ
หลังสงบสติอารมณ์ลง เล่อเหยาเหยาเม้มริมฝีปากแดง เดินมาที่หน้าประตูห้องของพญายม
แม้เมื่อครู่เพิ่งสงบสติอารมณ์ลง ทว่าพอนึกถึงเธอและพญายมที่มีเพียงประตูขวางกั้นหากผลักประตูไม้ลายสลักออกก็จะเผชิญหน้ากับพญายมแล้ว
พอนึกถึงใบหน้าของพญายม ภายในสมอง เล่อเหยาเหยาปรากฎจุมพิตอันร้อนแรงของพญายมในโรงเตี๊ยมหลูอวี๋ริมตลิ่งนั้นขึ้นมาไม่หยุด
ไม่รู้ว่าตอนนั้นพญายมถูกสิ่งใดกระตุ้นมา จึงโมโหหนักเช่นนี้ และความโมโหนั้นยังมาจากเธออีกด้วย
แม้จะผ่านมาสิบวันแล้ว แต่พอนึกถึงคืนนั้น เล่อเหยาเหยายังหวาดกลัวเช่นเดิม
เพราะพญายมมีนิสัยเอาแน่เอานอนไม่ได้ ทำให้คนยากที่จะคาดเดาได้เช่นนี้ เธอจึงหวาดกลัวว่าเรื่องในคืนนั้น จะเกิดขึ้นอีกครั้ง…
แม้จะกังวลใจ แต่สุดท้ายเล่อเหยาเหยายังกัดฟันแน่น ยื่นมือผลักประตูไม้ลายสลักนั้นออก
เมื่อผลักเปิดประตูไม้ลายสลัก เสียง ‘เอี้ยดอ๊าด’ก็ขึ้น ทุกอย่างภายในห้องก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าเล่อเหยาเหยา
พื้นหินสีเขียว ด้านบนปูด้วยพรมลายดอกไม้
โต๊ะเก้าอี้ไม้จันทน์ ผ้าม่านเบาบาง ม่านลูกปัดพลิ้วไหว บนเตาทองแดงยังมีควันลอยขึ้นมา นั่นคือกลิ่นหอมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
สุดท้ายสายตาของเล่อเหยาเหยาก็ตกอยู่ที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง
ชายหนุ่มหันหลังให้เธอ ทำให้เธอไม่เห็นสีหน้าของเขา แต่แม้จะใช้หัวแม่เท้าคิด สีหน้าของชายหนุ่มต้องแข็งกระด้างและเย็นชายิ่งกว่าภูเขาน้ำแข็ง
เช้าตรู่ในฤดูร้อน มักมีแสงแดดอันวับวามราวกับสาวน้อยสดใส เต็มไปด้วยพลังมีชีวิตชีวา
แสงแดดแวววาวนั้น สาดส่องเข้ามาจากหน้าต่างบานลายสลักที่เปิดอ้าไว้อย่างอ่อนโยน ทำให้สว่างไปทั่วห้อง
และชายหนุ่มก็อาบน้ำอยู่ท่ามกลางแสงแดดงดงามนั้นอย่างเงียบๆ
ลมเย็นพัดโชยมาที่ชุดชั้นในบางเบาบนร่างเขา ชุดชั้นในนั้นทำจากผ้าไหมชั้นดี เมื่ออยู่ใต้แสงอาทิตย์เรืองรอง ดุจชุบด้วยปรอทที่ไหลกลิ้งได้ ทำให้รูปร่างผอมเพรียวนั้นของเขา เผยสัดส่วนออกมาอย่างหมดเปลือก
ไหล่กว้างเอวคอด สะโพกโด่งแข็งแรง ยังมีขาเรียวยาว
รูปร่างนั้น คืออัตราส่วนที่สมบูรณ์แบบ!
แม้เขาจะเพียงยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้น ภายในความว่างเปล่ากลับเกิดพลังที่ทำให้คนมิอาจละสายตาได้
คล้ายเสือซีต้าร์ที่สูงส่งและสง่างาม
คล่องแคล่ว สมบูรณ์แบบ เปี่ยมพลังอยู่ภายใน
ยังมีผมยาวสีดำสนิทนั้นนุ่มสลวยเช่นนี้ เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นผมของผู้ชายที่น่ามอง!
ผมยาวหนาดำสนิท ไม่ได้ผูกมัดเช่นไร ทั้งหมดสยายอยู่ด้านหลัง
ดุจผ้าไหมชั้นดี ภายใต้แสงอาทิตย์เรืองรอง กระจายแสงอบอุ่นหยาดเยิ้มออกมา งดงามจนทำให้คนอยากเข้าไปสัมผัส…
ขนาดเพียงด้านหลัง เล่อเหยาเหยายังตกตะลึงอย่างสุดขีด
งดงาม!
ชายรูปงามที่แท้จริง!
ดุจเทพเซียนที่กำลังสรงน้ำกลางแสงอาทิตย์สีทอง
ขณะที่เล่อเหยาเหยาตกตะลึงในใจไม่หยุด ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง คล้ายรับรู้ถึงสายตาจับจ้องของเล่อเหยาเหยา จึงค่อยๆ เบือนหน้ามาด้านหลัง
ซีกหน้าเด็ดเดี่ยวสมบูรณ์แบบ หน้าผากเอิบอิ่ม ดวงตาลุ่มลึก จมูกคมโด่งดุจใบมีด และริมฝีปากรูปกระจับบางเฉียบ
แม้เพียงครึ่งหน้า ยังสมบูรณ์แบบไปทุกด้าน
แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่งามไม่เพียงพอคือ ความเคร่งขรึมเย็นชาในดวงตาของเขา
ภายในนัยน์ตาดำขลับล้ำลึก สงบเงียบราวกับทะเลสาบในฤดูใบไม้ผลิ เรียบเฉยราวกับเหวลึกที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง เย็นชาราวน้ำแข็งที่เย็นยะเยือกไปถึงกระดูก
เมื่อถูกเขากวาดตามองเช่นนี้ คล้ายมีสายลมหนาวในต้นเดือนสิบสองพลันพาดผ่านมา ทำให้คนหนาวเย็นจนสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง
เล่อเหยาเหยาที่เดิมทีตกตะลึงลุ่มหลง พลันถูกสายตาเย็นชาทำให้ได้สติ
เห็นเช่นนั้นตัวเธอก็สั่นเทิ้ม ตกใจเล็กน้อย
เอ่อ เย็นชาเกินไปแล้ว!
แม้จะเป็นเพียงสายตา แต่ก็สามารถฆ่าคนได้ ใช่หรือไม่!
เล่อเหยาเหยาคิดในใจ เธอเพิ่งได้สติ จึงรีบน้อมกายคารวะชายหนุ่ม ก่อนเอ่ยเสียงเบาขึ้นว่า
“คารวะท่านอ๋อง บ่าวมาปรนนิบัติล้างหน้าหวีผมให้ท่าน!”
“อืม”
ส่งเสียงตอบรับเบาๆ ไม่ได้เอ่ยพูดอันใดออกมา
หลังหมุนตัวกลับมา เหลิ่งจวิ้นอวี๋ไพล่มือสองข้างไว้ด้านหลัง ก่อนเดินมาทางเล่อเหยาเหยา
เมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาทีละก้าว ใจที่สงบของเล่อเหยาเหยา ค่อยๆ เต้นระรัวขึ้นมา
กระทั่งลมหายใจ เริ่มติดขัด
แต่เธอกลับกำมือแน่นตลอดเวลา เพื่อควบคุมใจที่เต้นระรัวของตน
ใจเย็น ใจเย็น!
แม้เล่อเหยาเหยาจะย้ำในใจไม่หยุด ให้ใจเย็น
แต่การเต้นของหัวใจ ไร้หนทางควบคุม จึงเร็วขึ้นไม่มีหยุดอยู่ชั่วขณะ ตกใจในใจเล็กน้อย
เธอก็ไม่รู้เหตุผลเช่นกัน
ทุกครั้งที่เจอกับพญายม ใจเธอต่างสูญเสียการควบคุม
อาจเป็นเพราะชายหนุ่มผู้นี้ให้ความรู้สึกกดดันเกินไป อาจเป็นเพราะยังมีอย่างอื่นที่เธอไม่รู้เหตุผล
ขณะที่เล่อเหยาเหยาคิดฟุ้งซ่านในใจ ชายหนุ่มเดินมาอยู่ตรงหน้าแล้ว กลิ่นอำพันทะเลที่หอมสดชื่นนั้น ก็เด่นชัดอยู่ตรงจมูกเธออย่างรวดเร็ว เต็มไปด้วยกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา
หลังสูดกลิ่นหอมที่คุ้นเคยที่ไม่ได้กลิ่นมานาน เล่อเหยาเหยาสั่นไหวในใจ
แต่เธอไม่คิดเรื่องสั่นไหวในใจให้มากความ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พญายมทันที
เพราะวันนี้คือวันประสูติของไทเฮา พญายมจึงต้องแต่งตัวให้หรูหรากว่าปกติ
เสื้อคลุมพญางูสีม่วงปักดิ้นสีทอง บนเอวคาดด้วยสายรัดหยกเลือดหลันเถียน สวมรองเท้าปักดิ้นสีทอง
ทำให้รูปร่างของชายหนุ่มที่เดิมทีสูงกำยำสมบูรณ์แบบ ทำให้เขาดูสูงส่งและดุดันมากขึ้นหลายส่วน
หลังจากเล่อเหยาเหยาแต่งกายให้พญายมเสร็จ พญายม ก็สะบัดชายเสื้อ นั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
เพราะต้องให้เข้ากับเสื้อคลุมพญางูสีม่วงสูงส่งในวันนี้ เล่อเหยาเหยาจึงเลือกกวนหยกประดับลูกปัดแก้วรูปมังกรคู่อันงดงาม
ลูกปัดนั้นทำมาจากอัญมณีสีม่วงอย่างประณีต
ส่วนกวนหยกชิ้นนี้ มีค่าราวซื้อเมืองได้
หลังเลือกกวนหยกประดับลูกปัดแก้วรูปมังกรให้แก่พญายม ก็เห็นเขาไม่แสดงความไม่พอใจใดๆ ออกมา เล่อเหยาเหยาจึงรีบหยิบหวี มาหวีมวยผมยาวดำขลับของพญายม
เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่หวีผมให้พญายม ฝีมือของเล่อเหยาเหยาจึงอยู่ขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว
ไม่นาน เธอก็หวีผมให้พญายมเสร็จ ก่อนวางกวนหยกประดับลูกปัดแก้วรูปมังกรที่ประณีตลงบนศีรษะของเขา
ดวงตางดงามมองสำรวจพญายมอย่างละเอียดรอบหนึ่ง ก่อนถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก้มหน้าหลุบสายตา เอ่ยกับพญายมที่หลับตาพักผ่อนอยู่ตลอดว่า
“ท่านอ๋อง เรียบร้อยแล้ว”
“อืม”
ยังคงส่งเสียงอืมเช่นเดิม กระชับได้ใจความเช่นนี้ คล้ายหากเขาพูดออกมาอีกคำ จะเปลืองแรงเกินไป
สำหรับความเย็นชาของพญายม เล่อเหยาเหยาเพียงเม้มริมฝีปากแดงแน่น
ในใจรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
เพราะพวกเขาตอนนี้ คล้ายเป็นคนแปลกหน้ากันขึ้นไปอีก พญายมปฏิบัติกับเธอ นอกจากเย็นชาแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดอื่นอีก
อาจเป็นเพราะการกลั่นแกล้งครั้งก่อนของเธอ พญายมจึงโมโห
แต่หากเขาโมโห สามารถนำตัวเธอส่งไปในที่ต่ำต้อยที่สุด เป็นบ่าวชายทำความสะอาดคอกม้า หรือขันทีน้อยขัดห้องน้ำ
แต่เขากลับไม่ทำ เขายังคงให้เธอปรนนิบัติอยู่ข้างกาย ไม่รู้เขาเคยชินกับการปรนนิบัติของเธอ หรือเพราะเหตุใด
ทว่าความเย็นชาของเขาเวลานี้ กลับทำให้เธอรู้สึกทรมาน
ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ เห็นเพียงพญายมลุกยืนขึ้น จากนั้นก็ก้าวเดินออกไป
เล่อเหยาเหยาไม่คิดให้มากความ รีบเดินตามไป
เวลาอาหารเช้า ทุกวันหนานกงจวิ้นซีจะมาถึงก่อนเสมอ
ทว่าวันนี้กลับมีตงฟางไป๋เพิ่มขึ้นมา
ตงฟางไป๋หลังจากพำนักในเมืองหลวงจึงเปิดโรงหมอ เขาย้ายออกจากวัง ไปพักที่โรงหมอแทน
ดังนั้นวันนี้ได้เจอตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยารู้สึกแปลกใจอย่างมาก
แต่ตอนอาหารเช้าได้ยินพวกเขาสามคนสนทนากัน เล่อเหยาเหยาจึงรู้ว่าเดิมทีทุกปีวันประสูติของไทเฮา ตงฟางไป๋จะได้รับเทียบเชิญ
เพราะตงฟางไป๋มีวิชาแพทย์อันโด่งดัง ราชสำนักอยากเชิญเขาเข้าไปเป็นหมอหลวงในวังหลายครั้ง แต่ล้วนถูกเขาปฏิเสธ
ต่อมาฮ่องเต้ทรงทราบว่าตงฟางไป๋มีนิสัยชอบใช้ชีวิตอิสระพเนจรอยู่ข้างนอก ดังนั้นจึงไม่ทรงบังคับ
แต่สำหรับตงฟางไป๋ ถือว่าเป็นแขก
หลายครั้งที่ในวังมีงานเลี้ยงขนาดใหญ่ ต่างเชื้อเชิญตงฟางไป๋
แต่ตงฟางไป๋ไปปรากฏตัวน้อยครั้งมาก เพราะเขาไม่ชอบพิธีรีตรองมากมายในวัง
ดังนั้น เมื่อเห็นครั้งนี้เขามา หนานกงจวิ้นซีและเหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงแปลกใจ
“ไป๋ ก่อนนี้เจ้าไม่ชอบเข้าวังมิใช่หรือ เหตุใดวันนี้ถึงมาได้”
หนานกงจวิ้นซีพลางทานเกี้ยวน้ำเลิศรส พลางเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ
หนานกงจวิ้นซีวันนี้ สวมชุดผ้าฝ้ายชั้นดีสีมรกต คาดเอวด้วยสายคาดหยกขาว สวมรองเท้าหนังแกะสีขาว
ผมยาวดำขลับ ใช้กวนหยกเขียวรัดไว้
ทำให้ราวทะยานอยู่บนฟ้า หล่อเหลาอย่างยิ่ง!
ส่วนตงฟางไป๋หลังได้ยินคำถามของหนานกงจวิ้นซี เพียงยิ้มมุมปาก ไม่ได้ตอบคำถามเขา แต่ยกนัยน์ตาดำขลับที่งดงามเกินไป มองไปยังคนตัวเล็กบางด้านข้าง ก่อนยิ้มอย่างมีนัยยะ
“ข้าไป เพราะใครบางคน”
…………………………………………………………….