สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 113.2 รูเจาะบนหู (2) (รีไรท์)
สุดท้าย สายตาเล่อเหยาเหยาอดมองไปยังพญายมไม่ได้
เห็นเพียงพญายมคล้ายไม่ฟังคำพูดของเธอ สายตาจดจ่ออยู่กับหนังสือในมือตลอดเวลา
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาเบ้ปากออกมาอย่างไม่สนใจ
สุดท้าย หนานกงจวิ้นซีที่เห็นเข้าอดเอ่ยแหย่ขึ้นมาไม่ได้ว่า
“เจ้าไม่ต้องเรียกศิษย์พี่ใหญ่หรอก ศิษย์พี่ใหญ่ก็ไม่กินของหวาน!”
พอพูดถึงตรงนี้ หนานกงจวิ้นซีคล้ายฉุกคิดขึ้นมา ก่อนหันหน้าไปเอ่ยกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ว่า
“ศิษย์พี่ใหญ่ พวกเราไม่กินของหวาน เหตุใดในรถม้าถึงมีจานขนมดอกกุ้ยฮวาล่ะ!”
สำหรับคำถามของหนานกงจวิ้นซี ความจริงเล่อเหยาเหยาก็สงสัยเช่นกัน
เพราะสามคนในรถม้า ต่างไม่ชอบกินของหวาน มีเพียงเธอที่ชื่นชอบ แต่เธอไม่อาจคิดว่า นี่คือสิ่งที่พญายมให้คนเตรียมไว้เพื่อเธอโดยเฉพาะ เธอเป็นคนรู้จักเจียมตัว
แม้เธอจะหน้าตาน่ารัก แต่ตอนนี้พญายมยังทำสงครามเย็นกับเธอ!จะใจดีขนาดนั้นได้เช่นไร!
ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ พญายมที่นั่งตรงข้ามเธอ หลังได้ยินคำพูดของหนานกงจวิ้นซี ในที่สุดก็ละสายตาจากหนังสือในมือ
เขาเพียงวางหนังสือลงอย่างเบามือ ก่อนเอ่ยอย่างเย็นชาว่า
“บ่าวคนใหม่คงเตรียมให้ผิดกระมัง!”
หลังเอ่ยอย่างเย็นชาจบ สายตาของพญายมกลับไปมองหนังสือในมืออีกครั้ง คล้ายเรื่องทั้งหมดบนโลกนี้ ต่างไม่ได้สำคัญเช่นหนังสือในมือเขา
แม้น้ำเสียงพญายมจะเย็นชา แต่หนานกงจวิ้นซีที่สนิทกับเขามาหลายปี จะไม่รู้จักพญายมได้เช่นไร
เห็นชัดว่าตั้งใจเตรียมไว้ให้เจ้าหมูน้อยนี้ ตอนนี้ยังเสแสร้งทำเป็นไม่รู้!
แต่เมื่อศิษย์พี่ใหญ่เอ่ยเช่นนี้ เขาก็ไม่พูดให้มากความอีก เพียงเบ้ริมฝีปากอย่างเบื่อหน่าย
ตรงข้ามกับความเบื่อหน่ายของหนานกงจวิ้นซี เล่อเหยาเหยาที่อยู่ตรงข้ามกลับเชื่อว่าคำพูดของพญายมนั้นคือความจริง
และพลางคิดในใจ
เมื่อที่นี่ ไม่มีคนชอบกินของหวาน นั่นแสดงว่าขนมดอกกุ้ยฮวานี้เป็นของเธอ ไม่มีผู้ใดแย่งแน่!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาดีใจในใจ ใบหน้าขาวดุจหยกขนาดเท่าฝ่ามือนั้น ดูผ่อนคลายลง ยิ้มอย่างพึงพอใจ
จากนั้นมือก็ไม่ว่างอีกเลย เพราะหยิบขนมดอกกุ้ยฮวาบนจานเข้าปากกินไม่หยุด
ต้องรู้ว่าพักนี้เธอเปลี่ยนไปกินเยอะขึ้น แม้ขนมดอกกุ้ยฮวาในจานจะมีจำนวนมาก แต่สำหรับความจุของท้องเธอตอนนี้ หากต้องกำจัดขนมดอกกุ้ยฮวาจานนี้ สำหรับเธอยังถือว่ายังเหลือพื้นที่อีกมากมาย!
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงไม่เกรงใจ กำจัดขนมดอกกุ้ยฮวา ทีละคำทีละชิ้นอย่างมีความสุข!
อีกทั้งเล่อเหยาเหยาเป็นคนประเภทมีความสุขกับเรื่องง่ายๆ ท้องหิวก็กิน หนาวก็สวมเสื้อผ้า ง่วงก็นอน สำหรับเธอก็พอใจอย่างมากแล้ว
ความคิดในใจของเธอ มักจะปรากฎขึ้นมาอย่างไม่ปิดบังบนใบหน้าเรียวเล็กขนาดฝ่ามือนั้น
จึงเห็นเธอกินอย่างพอใจอย่างยิ่ง คิ้วดูผ่อนคลาย นัยน์ตางามโค้งงอ ภายในจมูกมีเสียงสูดหายใจอย่างพอใจออกมาไม่หยุด
ท่าทางนั้น คล้ายแมวน้อยแสนน่ารัก ทำให้คนที่เห็นอดยื่นมือกวาดบนหน้าผากของเธอ ลูบผมเรียบของเธอไม่ได้
เพียงแต่ ตอนที่เล่อหยาเหยากำลังเพลิดเพลินกับการกินขนมดอกกุ้ยฮวา จึงไม่รู้ตัวสักนิดว่าสายตาของพญายมที่เดิมทีตกอยู่บนหนังสือ บางครั้งชำเลืองมองมาที่เธอโดยไม่ตั้งใจ
เมื่อเห็นเธอกินอย่างพออกพอใจเช่นนี้ มุมปากอดยิ้มไม่ได้
ส่วนหนานกงจวิ้นซีที่นั่งอยู่ตรงข้ามเล่อเหยาเหยา ตั้งแต่เด็กสำหรับขนมหวานเขาหลีกหนีราวกับหนีงูพิษ เพราะในใจของเขาขนมหวานพวกนี้ มีเพียงพวกผู้หญิงเท่านั้นที่ชื่นชอบทาน ดังนั้น ตั้งแต่เด็กเขาจึงเกลียดชังของหวาน
แต่ตอนนี้ เห็นคนตรงหน้ากินอย่างเพลิดเพลินเช่นนี้ และท่าทางดูพออกพอใจนั้น คล้ายเธอกำลังกินอาหารที่อร่อยที่สุดบนโลกนี้อยู่ ทำให้หนานกงจวิ้นซีอดแปลกใจไม่ได้
ทันใดนั้น จึงกระพริบดวงตาดอกท้อน่ามองครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ว่า
“นี่ อร่อยขนาดนั้นเชียวหรือ!”
หนานกงจวิ้นซีเอ่ยถามเสียงเบา ใบหน้าหล่อเหลานั้น ขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นชัดถึงความรังเกียจ แต่ภายในแววตากลับปรากฎความแปลกใจและปรารถนาขึ้นมาอย่างขัดแย้งกัน เห็นชัดว่ามีท่าทางอยากลิ้มลอง
เห็นหนานกงจวิ้นซีดุจเด็กน้อยมีท่าทางอึดอัดใจ แม้ปกติจะไม่ชอบเขา แต่เล่อเหยาเหยายังถูกท่าทางของเขาตอนนี้ทำให้หัวเราะ
“ฮ่าๆ องค์ชายเจ็ด ขนมดอกกุ้ยฮวานี้หอม หวานไม่มากเกินไป พอกินเข้าไปในปาก กลิ่นหอมยังติดอยู่ในปาก รสชาติไม่เลว ลองชิมสักคำหรือไม่!”
เล่อเหยาเหยาหยิบขนมดอกกุ้ยฮวาขึ้นมาชิ้นหนึ่ง จากนั้นก็อ้าปากกัดหนึ่งคำ จากนั้นจึงกวัดแกว่งขนมดอกกุ้ยฮวาในมือ บอกเป็นนัยให้หนานกงจวิ้นซีหยิบจากบนจานขึ้นมาชิม
คิดไม่ถึง เธอเพิ่งเอ่ยจบ ไม่รู้ว่าหนานกงจวิ้นซีเข้าใจความหมายเธอผิดหรือเพราะเหตุใด กลับ…
อ้าปากกินขนมดอกกุ้ยฮวาที่เหลืออยู่ในมือของเธอ
เห็นเช่นนั้น ไม่เพียงตงฟางไป๋และพญายม กระทั่งเล่อเหยาเหยาต่างตกตะลึง
เพราะเมื่อครู่ขนมดอกกุ้ยฮวาในมือชิ้นนั้น เธอกินไปแล้ว
เขาไม่ชอบเธอมิใช่หรือ! แต่เหตุใดกลับกินของที่เธอกินไปแล้ว หรือเขาไม่ได้ขยะแขยง!
เวลานี้ เล่อเหยาเหยาถูกการกระทำของหนานกงจวิ้นซีทำให้ตกตะลึง
ทว่าตรงข้ามกับเล่อเหยาเหยาที่ตกตะลึง หนานกงจวิ้นซีที่นั่งตรงข้ามเธอ กลับไม่รู้ว่าเมื่อครู่ทำเรื่องน่าตกตะลึงลงไป
ตอนนี้เขา เพียงกำลังลิ้มรสขนมดอกกุ้ยฮวาในปาก ใบหน้าหล่อเหลานั้นที่เดิมทีขมวดคิ้วแน่น ตอนนี้ในที่สุดค่อยๆ ผ่อนคลายลง
และดวงตาดอกท้อที่เดิมทีเต็มไปด้วยแปลกใจเกลียดชัง ก็ค่อยๆ ปรากฏประกายความตื่นเต้นดีใจแวบขึ้นมา
“อืม คิดไม่ถึงว่าขนมดอกกุ้ยฮวานี้ รสชาติจะไม่เลวจริงๆ!”
หลังกินขนมดอกกุ้ยฮวาหมด หนานกงจวิ้นซีที่เดิมทีรังเกียจ กลับเอ่ยปากชื่นชมออกมาอย่างใจกว้าง
หลังเขาเอ่ยจบ จึงพบว่าสามคนที่เหลือในรถม้า ต่างมองเขาด้วยสายตาตกตะลึง ทำให้เขาพลันสงสัยขึ้นมา
เมื่อสายตามองบนมือเล็กที่ว่างเปล่าของเล่อเหยาเหยา พลันเข้าใจทันทีว่าเกิดเรื่องใดขึ้น
ใบหน้าหล่อเหลานั้น พลันแดงก่ำขึ้น สีหน้าดูขวยเขิน ในใจรู้สึกเขินอายอย่างมาก
สวรรค์!
เมื่อครู่เขาเป็นอันใดไป จึงกินของที่เหลือ…
นี่คือขนมในมือของเจ้าหมูน้อย… มิน่าทุกคนต่างมองเขาแปลกประหลาดเช่นนี้
แต่นี่จะโทษเขาไม่ได้ เมื่อครู่ความจริงเขาอดใจไม่ได้จริงๆ
เมื่อเขาเห็นคนตรงหน้ากินอย่างเพลิดเพลิน และถูกท่าทางกินอย่างพออกพอใจของ ‘เขา’ ดึงดูดเอาไว้
ในใจก็เกิดความคิดไม่ดีขึ้นมาว่า ขนมดอกกุ้ยฮวานี้อร่อยดังที่ ‘เขา’ พูดจริงหรือไม่
จึงมองขนมดอกกุ้ยฮวาในมือ ‘เขา’ อีกครั้ง
มือเล็กของ ‘เขา’ ช่างประณีตหมดจดเสียจริง
ผิวช่างเนียน นิ้วทั้งห้าขาวนุ่มดุจหน่อไม้ในฤดูใบไม่ผลิ กระทั่งเล็บขนาดเล็กนั้นล้วนเย้ายวนน่ามอง
ทำให้คนที่เห็น ต่างอยากยื่นมือเขาไปจับมือของ ‘เขา’
ดังนั้น เมื่อเห็น ‘เขา’ หยิบขนมดอกกุ้ยฮวาชิ้นนั้น ขึ้นกัดคำหนึ่ง สายตาเขาตกอยู่บนมือของ ‘เขา’ รู้สึกเพียงว่ามือเล็กขาวเนียนนี้และขนมดอกกุ้ยฮวานั้น ช่างสวยจนแทบอยากกลืนกินเข้าไป!
ดังนั้น เขาจึงไม่คิดไตร่ตรองสิ่งใด พลันเข้าไปกัดขนมดอกกุ้ยฮวาชิ้นนั้นทันที
ความจริง ที่เขาอยากกัดที่สุดคือ มือเล็กที่ขาวผ่องเย้ายวนคู่นั้น
ตอนนี้ เมื่อเห็นสามคนในรถม้าใช้สายตาตกตะลึงแปลกใจมองตนเช่นนี้ ทำให้หนานกงจวิ้นซีขวยเขินจนอยากกระโดดลงจากรถม้าหนีไป
สวรรค์ น่าขายหน้านัก!
โดยเฉพาะเมื่อเผชิญกับสีหน้าตกตะลึงของคนตรงหน้า ทำให้หนานกงจวิ้นซีพลันทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา
สวรรค์!
ไม่รู้ว่าการกระทำเมื่อครู่ของเขานั้น ‘เขา’ จะคิดเช่นไร
โดยเฉพาะ ปกติเขามักตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับ ‘เขา’ คิดรังแก ‘เขา’ ตลอดอยู่แล้ว
ความจริง นั่นเพียงเป็นวิธีที่เขาใช้ดึงดูดสายตาของ ‘เขา’
ขณะคิดในใจ สีหน้าหนานกงจวิ้นซีดูขวยเขินอย่างมาก
และแก้มก็ร้อนผ่าว แม้เขาจะไม่ได้ส่องกระจก แต่รู้ดีว่าใบหน้าของเขาตอนนี้ต้องแดงคล้ายก้นลิงแน่นอน
เพื่อปกปิดความขวยเขินบนใบหน้า หนานกงจวิ้นซีอดยื่นมือเขี่ยจมูกไม่ได้ ก่อนไออยู่ชั่วครู่ จึงเอ่ยอย่างคอแห้งผากขึ้นว่า
“เอ่อ นี่ อร่อยมาก ข้า เมื่อครู่หิวเกินไป…”
“เอ่อ”
หิวแล้วสามารถกินขนมบนมือคนอื่นได้หรือ! และยังกัดไปแล้วด้วย
สำหรับคำพูดของหนานกงจวิ้นซี เล่อเหยาเหยาหมดคำพูดอย่างที่สุด
แต่หลังคิดอยู่ชั่วขณะ จึงไม่สนเขาอีกต่อไป
เพราะตรงหน้ายังมีขนมดอกกุ้ยฮวาเหลืออีกตั้งครึ่งหนึ่ง! และไม่รู้ว่าตอนนี้อีกนานเพียงใดจึงจะถึงวังหลวง เธอต้องรีบกินขนมดอกกุ้ยฮวาจานนี้ให้หมด
เพราะเธอตอนนี้ ด้วยสถานะและฐานะ ยากที่ได้กินขนมที่อร่อยเช่นนี้!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยายื่นมือหยิบขนมดอกกุ้ยฮวาขึ้นมากินอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน หนานกงจวิ้นซีที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ ก็ยื่นมือใหญ่เรียวยาวคีบขนมดอกกุ้ยฮวากินเช่นกัน
คิดไปแล้ว เมื่อครู่เขาได้ลิ้มรสความอร่อยของขนมดอกกุ้ยฮวา จึงชื่นชอบเข้าแล้ว!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาจึงกินอย่างเงียบเชียบอยู่ตรงนั้น
ภายในรถม้า เพราะไม่มีคนพูดคุย ดังนั้นนอกจากเสียงกินขนมของเล่อเหยาเหยาและหนานกงจวิ้นซี ก็ไม่มีเสียงใดอื่น
บางครั้ง จะได้ยินเสียงพญายมพลิกหน้าหนังสือ
ส่วนสายตาของเขา ไม่เคยละไปจากหนังสือในมือเลยตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาสงสัยว่าหนังสือนั้นมีสิ่งใดน่าสนุกกัน
แต่ต้องพูดว่า ท่าทางอ่านหนังสือของพญายม ดูจริงจังและน่าหลงใหลยิ่งนัก!
แสงแดดอ่อนๆ ที่สาดเข้ามาทางหน้าต่างอย่างอ่อนโยนและอบอุ่น ทำให้ใบหน้าเย็นชาโอหังของพญายม ดูอ่อนโยนขึ้นหลายส่วน
ทันใดนั้น สายตาของเล่อเหยาเหยาถูกใบหน้าชวนหลงใหลของพญายมนั้นดึงดูดไว้โดยไม่รู้ตัว
สำหรับท่าทางการกินดุจเครื่องจักรของเล่อเหยาเหยา กินเข้าไปทีละคำ จนกระทั่งตงฟางไป๋ข้างกาย พลันคล้ายพบบางสิ่งเข้า จึงเอยถามขึ้นอย่างตกใจว่า
“น้องเหยา บนหูของเจ้า เหตุใดถึงมีรูเจาะ!”
…………………………………………………………………………