สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 122 หยอกล้อชายงาม (รีไรท์)
เมื่อกวาดดวงตาเย็นชาชั่วขณะ เห็นสีหน้าวิตกกังวลของเล่อเหยาเหยา ทำให้ความไม่พอใจเดิมทีของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ พลันสลายไปอย่างรวดเร็ว
‘เขา’กังวล ไม่สบายใจ นี่มิใช่แสดงว่าความจริงในใจของ ‘เขา’ยังสนใจเขาอยู่หรือ!
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดยกมุมปากขึ้นไม่ได้
ก่อนยิ้มจางๆ ออกมา
สำหรับรอยยิ้มของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ในใจของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น กลับมีความหมายแตกต่างกัน
เมื่อเห็นรอยยิ้มมุมปากของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ในใจเล่อเหยาเหยาเกิดสะดุดขึ้น
ตรงข้ามกับเล่อเหยาเหยา เหนียนซูหลานที่กังวลไม่สบายใจ ในใจกลับดีใจขึ้นมา คิดไม่ถึง…
“เช่นนั้นก็ดี ข้าจะไปส่งเจ้า!”
น้ำเสียงเหลิ่งจวิ้นอวี๋เย็นชาเช่นเดิม แต่ในใจเหนียนซูหลานที่ได้ยิน กลับเป็นคำพูดที่น่าฟังที่สุดในเวลานี้
ทว่าเล่อเหยาเหยาที่ได้ยินกลับรู้สึกอึดอัดใจ
อย่างไรคือเพื่อนเล่นตอนวัยเยาว์ การปฏิบัติช่างแตกต่างกันเสียจริง!
“ไป๋ จวิ้นซี พวกเจ้าไปที่โรงเตี๊ยมหลูอวี้เถิด ข้าจะไปส่งนางก่อน”
“เช่นนี้หรือ เช่นนั้นก็ได้”
สำหรับคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ หลังจากหนานกงจวิ้นซีหายตกใจ พลันยิ้มมุมปาก ก่อนเอ่ยอย่างอารมณ์ดีขึ้นมา
หลังเอ่ยประโยคนี้จบ ดวงตาดอกท้อน่ามองคู่นั้นมองไปยังเล่อเหยาเหยาที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่งอย่างมีนัยยะ
เห็นเพียงหลังจากเล่อเหยาเหยาได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ทั่วร่างพลันชะงักงัน
ในใจคล้ายมีบางสิ่งหมักบ่มขึ้นมา จนเหม็นเปรี้ยวอย่างที่สุด
พญายมเขาจะส่งหญิงสาวผู้นี้กลับไป!
สวรรค์!
การกระทำนี้ของพญายม คงมิใช่…
เขาชื่นชอบหญิงสาวผู้นี้!
สำหรับความคิดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาไม่รู้เลย
กระทั่งเหลิ่งจวิ้นอวี๋อุ้มเหนียนซูหลานขึ้นรถม้า จากนั้นค่อยๆ ลับสายตาของตนไป ก็ยังไม่ได้สติ
กลับเป็นหนานกงจวิ้นซีที่อยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นท่าทางเหม่อลอยเช่นนี้ของเล่อเหยาเหยา รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
“เพ่ย เจ้ามองสิ่งใด ศิษย์พี่ใหญ่ไปแล้ว เมื่อครู่เจ้าบ่นว่าหิวมิใช่หรือ ไป ข้าจะพาเจ้าไปทานของอร่อย”
“ใช่แล้วน้องเหยา พวกเราไปทานของอร่อยกันเถิด ปล่อยให้หิวคงไม่ดี”
ตงฟางไป๋ที่อยู่ด้านข้างเห็นใบหน้าเล็กผิดหวังของเล่อเหยาเหยา ดวงตาดำขลับน่ามองคู่นั้นอดเป็นประกายชั่วขณะไม่ได้ ก่อนพลันเอ่ยปากขึ้น
เมื่อได้ยินคำพูดของตงฟางไป๋และหนานกงจวิ้นซี เล่อเหยาเหยาค่อยๆ พลันได้สติ ก่อนหันหน้ามาเอ่ยกับพวกเขาอย่างสบายใจว่า
“อืม ไปเถอะ พวกเราไปทานของอร่อยกัน”
…
โรงเตี๊ยมหลูอวี้คือโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดในเมืองหลวง ภายในไม่เพียงประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อาหารเลิศรส แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเป็นโรงเตี๊ยมที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงในเมืองหลวง
ไม่ว่าจะมาทานอาหารตอนกลางวัน หรือมากินอาหารมื้อดึก ดื่มสุราสนทนากันจนถึงรุ่งสาง ที่นี่มีเสี่ยวเอ้อร์ทำงาน คอยบริการอย่างทั่วถึงอยู่ตลอดเวลา
พวกเล่อเหยาเหยาสามคน หลังนั่งรถม้าออกมาจากวังหลวงก็ตรงมาที่โรงเตี๊ยมหลูอวี้ จากนั้นก็สั่งว่าต้องการห้องหรูหราหนึ่งห้อง และให้เสี่ยวเอ้อร์นำอาหารและสุราที่ดีมาขึ้นโต๊ะ
เสี่ยวเอ้อร์หลังรับคำสั่ง รีบไปจัดเตรียมทันที ไม่นาน อาหารที่ส่งกลิ่นให้คนน้ำลายไหลค่อยๆ ถูกลำเลียงขึ้นมาจนเต็มโต๊ะ
เมื่อเห็นปลาตัวโต เนื้อชิ้นใหญ่ อาหารโอชะตรงหน้า เล่อเหยาเหยาเวลานี้กลับไม่รู้สึกอยากอาหารเลย
แม้ท้องเธอจะหิวอย่างมาก จนส่งเสียงประท้วงไม่หยุด แต่กลับรู้สึกว่าอาหารทั้งหมดนี้ ต่างสูญเสียกลิ่นอันหอมหวน แม้จะทานเข้าไป คล้ายไม่รับรู้รสชาติของมัน
หลังเห็นความผิดปกติของเล่อเหยาเหยา หนานกงจวิ้นซีอดขมวดคิ้ว เอ่ยปากขึ้นไม่ได้
“นี่ เมื่อครู่เป็นคนที่ร้องตะโกนหิวไม่หยุด เหตุใดถึงไม่ขยับมือ เมื่อครู่เจ้ามิใช่บ่นว่าหิวมากหรอกหรือ”
“ใช่ น้องเหยา เจ้าเป็นอันใดหรือ ไม่สบายหรือไม่ เช่นนั้นข้าขอดูอาการหน่อยเถิด”
เมื่อเห็นท่าทางหงอยเหงาของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋ที่อยู่ด้านข้างก็อดหยุดดื่มสุราไม่ได้ ก่อนหันมาเอ่ยถามเล่อเหยาเหยาอย่างห่วงใย
เมื่อเห็นท่าทางกังวลของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาจึงรู้สึกตัวว่าเดิมทีตนกำลังไม่พอใจ!
และทำให้ตงฟางไป๋กังวล ในใจจึงรู้สึกแปลกใจ ยากที่จะไม่รู้สึกผิดไม่ได้
ทว่าเธอไม่รู้ว่าวันนี้ตนเป็นอันใด มักรู้สึกว่าแน่นหน้าอก แต่ไม่อยากให้ตงฟางไป๋กังวลเกินไป ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงยิ้มมุมปาก แสร้งทำเป็นไม่มีสิ่งใด ก่อนเอ่ยขึ้น
“ข้าไม่เป็นไร อาจเป็นเพราะช่วงนี้เพื่อเรื่องของไทเฮาจึงเหนื่อยล้าเกินไป หลังทานอิ่ม ข้าต้องหลับให้เต็มอิ่มจะดีขึ้นแน่”
เอ่ยจบ เล่อเหยาเหยาคล้ายฉุกคิดบางอย่างได้ หันมามองหนานกงจวิ้นซีที่อยู่ตรงข้าม จากนั้นก็ยื่นมือเล็กกางออกไป
“องค์ชายเจ็ด ท่านแพ้พนัน นำเงินสองร้อยตำลึงของบ่าวออกมาด้วย”
“เอ่อ เป็นบ่าวเห็นแก่เงินเสียจริง นี่ของเจ้า เงินเพียงสองร้อยตำลึงยังจะทวงอยู่ได้”
เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยายื่นมือต้องการเงิน หนานกงจวิ้นซีหมดคำพูด สุดท้ายยังหยิบเงินสองร้อยตำลึงจากห่อเงินออกมาวางลงบนมือของเล่อเหยาเหยา ทว่าปากยังบ่นพึมพำอย่างเลี่ยงไม่ได้
สำหรับการบ่นพึมพำไม่พอใจของหนานกงจวิ้นซี เล่อเหยาเหยาหลังจากได้รับเงิน ใบหน้ากลับยิ้มแย้มดุจบุปผาบาน
“ฮิฮิ เช่นไรเงินก็ดีที่สุด”
หลังจากได้รับเงิน เล่อเหยาเหยาดูอารมณ์ดีขึ้นมา
และเริ่มหิวขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นจึงพลันหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารบนโต๊ะทานทันที
หลังจากตงฟางไป๋และหนานกงจวิ้นซีเห็นเล่อเหยาเหยาคล้ายอารมณ์ดีขึ้น ก็วางใจลง ก่อนค่อยๆ ดื่มสุรา
คิดไปแล้ว โรงเตี๊ยมหลูอวี้ไม่เพียงประดับตกแต่งหรูหรา อาหารยังเลิศรสหลากหลาย สุราที่นี่ก็ยังถือว่าขึ้นชื่อ
ทุกครั้งที่มาที่นี่ ตงฟางไป๋และหนานกงจวิ้นซีย่อมไม่พลาดสุราชั้นดีของที่นี่
รวมถึงครั้งนี้ โรงเตี๊ยมหลูอวี้มีสุราใหม่เข้ามา ว่ากันว่าสุราชนิดนี้ใช้ดอกอวี้หลันสีขาวที่เบ่งบานในฤดูนี้หมักบ่มขึ้นมา ละมุน หอมหวานอย่างยิ่ง
เพียงเปิดไหสุรา กลิ่นหอมของดอกอวี้หลันขาวที่อัดแน่นนั้น พลันกระจายออกมา ทั่วห้องเต็มไปด้วยกลิ่นดอกไม้
เล่อเหยาเหยาดื่มสุราน้อยมาก เพราะยังเป็นเด็กสาวอายุสิบแปด บางครั้งที่ออกไปดื่มกับเหล่ารุ่นพี่รุ่นน้องในหอพัก จะดื่มแค่เบียร์ขวดเล็กหนึ่งขวดเท่านั้น
วันนี้หลังเห็นตงฟางไป๋และหนานกงจวิ้นซีมาถึงที่นี่ ต่างไม่ขยับตะเกียบทานอาหารเลย กลับเอาแต่ดื่มสุราอยู่ตรงนั้น จึงทำให้เธอรู้สึกแปลกใจ
“สุรานี้ อร่อยขนาดนั้นเชียวหรือ”
“เอ่อ” เมื่อได้ยินเล่อเหยาเหยาพลันเอ่ยถามขึ้น ตงฟางไป๋และหนานกงจวิ้นซีต่างตะลึงไปชั่วขณะ ทันใดนั้น เห็นหนานกงจวิ้นซียังคงถือจอกสุราหยกขาวไว้ ก่อนเอ่ยถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“เจ้าไม่เคยดื่มสุราหรือ”
“สุราที่นี่ ไม่เคยดื่ม”
เมื่อได้ยิน เล่อเหยาเหยาพูดความจริงออกมา
นอกจากสุราในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด สุราที่นี่เธอไม่เคยดื่มเลยจริงๆ!
ทว่าหนานกงจวิ้นซีที่ได้ยิน กลับคิดว่าเล่อเหยาเหยาไม่เคยดื่มสุรา ดังนั้นจึงหยิบไหสุราบนโต๊ะ รินลงจอกให้กับเล่อเหยาเหยา
จากนั้นก็ส่งไปที่ตรงหน้าเล่อเหยาเหยา ก่อนเอ่ยว่า
“เช่นนั้นเจ้าก็ลองลิ้มรสสุราชั้นเลิศของที่นี่ดู สุราของโรงเตี๊ยมหลูอวี้ชึ้นชื่อมากทีเดียว ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหนานกงจวิ้นซี เล่อเหยาเหยารู้สึกแปลกใจและใจเต้น
เพราะสุรานี้ หอมมากจริงๆ!
เห็นเพียงภายในจอกสุราหยกขาวขนาดเล็ก บรรจุสุรากลิ่นหอมไว้แปดส่วน
สุรากลิ่นหอมใสบริสุทธิ์ กลิ่นหอมละมุนเข้มข้น แต่แฝงด้วยกลิ่นหอมหวาน
เมื่อได้กลิ่น เล่อเหยาเหยาอดสูดน้ำลายไม่ได้ ก่อนวางตะเกียบในมือลง คิดจะรับจอกสุราในมือหนานกงจวิ้นซี
ทว่ากลับถูกตงฟางไป๋ที่อยู่ด้านข้างยับยั้งไว้
“น้องเหยา เจ้ายังเด็กยังไม่ต้องดื่มสุราจะดีกว่า สุราไม่ดีต่อสุขภาพ ”
“ไอ๊หยา ไป๋เจ้าพูดเล่นเสียจริง ตอนข้ารู้จักกับเจ้า เจ้าเริ่มดื่มสุราตั้งแต่อายุสิบห้ายังมีหน้ามาพูดกับผู้อื่นอีก”
“เอ่อ”
เมื่อถูกหนานกงจวิ้นซีเปิดเผยความหลัง ทำให้ตงฟางไป๋มีสีหน้าขวยเขิน ก่อนแก้มขาวนวลคู่นั้นจะพลันแดงก่ำอย่างรวดเร็ว
ไม่รู้เพราะเขาเมาสุรา หรือขวยเขินกันแน่
เมื่อเห็นท่าทางเขินอายของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาอดหัวเราะขึ้นไม่ได้
“ฮ่า ๆ พี่ไป๋เขินอายได้น่ารักยิ่งนัก”
เธอพูดความจริง
หาได้ยากที่จะได้เห็นท่าทางเขินอายของตงฟางไป๋
โดยเฉพาะชายหนุ่มรูปงามดุจเทพเซียนเช่นเขา
ใสดุจผงฝุ่น สว่างดุจดอกบัว ชายหนุ่มเช่นนี้ คล้ายเมฆและหยกอันสูงส่งอ่อนโยน
มองแล้วทำให้คนรู้สึกสบายใจ!
แต่คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่สง่าอ่อนโยน เวลาที่ขวยเขินจะมีท่าทางน่ารักเช่นนี้!
ขณะที่เล่อเหยาเหยาคิดในใจ ทางตงฟางไป๋หลังจากได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ใบหน้าที่หล่อเหลาตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนแก้มพลันแดงก่ำยิ่งขึ้น
ก่อนเอ่ยขึ้นว่า
“น้องเหยา บุรุษมิควรใช้คำว่าน่ารัก”
“ฮ่า ๆ แต่ข้ารู้สึกว่าพี่ไป๋ตอนนี้น่ารักยิ่ง จะทำเช่นไรดี”
เมื่อเห็นตงฟางไป๋ยิ่งขวยเขิน ทำให้เล่อเหยาเหยาพลันเกิดความคิดอยากหยอกล้อเขา
พลางร้องตะโกนอยู่ในใจ
จุ๊ๆ สมกับที่เป็นชายรูปงาม กระทั่งเขินอายยังน่ามองจนมิอาจละสายตา!
ยิ่งคิด ดวงตางดงามของเล่อเหยาเหยาแฝงด้วยรอยยิ้มเพราะมีความสุข
ดวงตาเจิดจ้าดุจดวงดาว จ้องมองไปยังใบหน้าของตงฟางไป๋ ทำให้หัวใจของตงฟางไป๋อดเต้นเร็วขึ้นไม่ได้
และรู้สึกเพียงร้อนรุ่ม จากหัวใจพรั่งพรูขึ้นเหนือศีรษะ
ทว่าเขาก็รู้ว่าเล่อเหยาเหยาซุกซน กำลังหยอกล้อเขา ดังนั้นในที่สุดเขาเพียงยิ้มอย่างจนใจ สายตาที่มองเล่อเหยาเหยาแฝงด้วยความเอ็นดูอย่างไม่ปิดบัง
เวลานี้ เล่อเหยาเหยาและตงฟางไป๋ต่างยิ้มให้แก่กัน กลับทำให้หนานกงจวิ้นซีเย็นชาอยู่ด้านข้าง
สำหรับการจ้องมองกันระหว่างตงฟางไป๋และเล่อเหยาเหยา ในสายตาของหนานกงจวิ้นซีช่างดูหวานหยาดเยิ้ม
เห็นเช่นนั้น ในใจหนานกงจวิ้นซีคล้ายถูกอัดแน่นด้วยสำสี จนรู้สึกไม่สบายอย่างหนัก
ทันใดนั้น ในใจคิดสิ่งใด เขาจึงไม่ยั้งคิด เอ่ยปากออกมาทันทีว่า
“มีเพียงไป๋เท่านั้นที่น่ารักหรือ ข้าไม่น่ารักหรือไร! ”
“เอ่อ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหนานกงจวิ้นซี ตงฟางไป๋และเล่อเหยาเหยาต่างหมดคำพูด
เล่อเหยาเหยาหันไปชำเลืองมองหนานกงจวิ้นซีแวบหนึ่ง
เห็นเพียงหนานกงจวิ้นซีทำหน้าเบื่อหน่าย แฝงความหึงหวงและอึดอัดใจ
คล้ายสุนัขตัวน้อยถูกแย่งชิงความโปรดปราน น่ารักอย่างยิ่ง
เห็นเช่นนั้นอดหัวเราะไม่ได้ พลันกระพริบตาเปี่ยมด้วยความเจ้าเล่ห์หลายส่วนชั่วขณะ จากนั้นเผยอริมฝีปากแดง เอ่ยอย่างเชื่องช้าขึ้น
“องค์ชายเจ็ด ตอนนี้บ่าวเพิ่งรู้ว่าท่านช่างหลงตัวเองเสียจริง!”
“เอ่อ”
เมื่อได้ยินทุกคำพูดของเล่อเหยาเหยา ก็รู้ว่า ‘เขา’ตั้งใจ
และเมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่งามที่เต็มด้วยความเจ้าเล่ห์ของ‘เขา’หนานกงจวิ้นซีอดขวยเขินไม่ได้ จนเขาแทบจะมุดเข้าไปในโพรงดิน
สวรรค์!
เมื่อครู่เขาเป็นอันใดกัน!
ทำให้คนหัวเราะเยาะโดยไม่มีสาเหตุ
ทว่าหากพูดตามความจริง เขาไม่ชอบให้‘เขา’ทำตัวดีกับชายผู้อื่น เอ่ยว่าชายผู้อื่นน่ารัก
หากจะเอ่ยว่าผู้ใดน่ารัก ก็ต้องเอ่ยกับเขาเท่านั้น!
ขณะที่หนานกงจวิ้นซีอึดอัดไม่สบายใจ รู้สึกเพียงในมือว่างเปล่า จอกสุราที่เดิมทีอยู่ในมือของเขา ก็ถูกเล่อเหยาเหยาหยิบไปแล้ว
“สุรานี้หอมจริงๆ ข้าขอลิ้มรสว่าเป็นเช่นไรก่อนนะ”
เล่อเหยาเหยาพึมพำเสียงเบา ก่อยยกจอกสุราหยกขาวจ่อที่จมูกสูดกลิ่น พลันแตะที่ริมฝีปากค่อยๆ จิบเข้าไป
เมื่อรู้สึกถึงความชุ่มฉ่ำละมุนของสุราชั้นเลิศนั้น ค่อยๆ ไหลผ่านเข้าไปในปากตน รับรู้ได้ถึงความหอมหวานที่กลมกล่อม ทำให้คนรู้สึกถึงความหอมที่ยังอยู่ในปาก หลงใหลในรสชาติไม่รู้ลืม
เล่อเหยาเหยาจึงเข้าใจว่าเหตุใดพวกตงฟางไป๋จึงชื่นชอบดื่มสุราขนาดนั้น
สุรานี้ช่างอร่อยเสียจริง!
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาที่เดิมทีเพียงจิบเบาๆ เมื่อดื่มครั้งที่สองกลับเกลี้ยงจอก
หลังดื่มจนเกลี้ยง รู้สึกแสบร้อนในลำคอ ทำให้เธออดแลบลิ้นสีชมพูออกมาไม่ได้
แต่สุรานี้ไม่เข้ม สำหรับเธอถือว่ากำลังพอดี
รสชาติกลิ่นหอมหวานนั้น ทำให้เล่อเหยาเหยาที่ดื่มเข้าไปรู้สึกชื่นชอบทันที
บนใบหน้าเล็กดุจหยกขาวที่แกะสลักอย่างประณีตนั้น ตอนนี้ได้เผยความสุขในใจของเธอทั้งหมดออกมา
คิ้วเข้มผ่อนคลาย แววตาเต็มไปด้วยความชื่นชอบอย่างไม่ปิดบัง
แม้เล่อเหยาเหยาจะไม่เอ่ยพูด แต่เพียงทุกคนมองสีหน้าเธอ ก็ทราบถึงความในใจของเธอ
“เป็นเช่นไร สุรานี้ไม่เลวใช่หรือไม่!”
“อืม อร่อยมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ดื่มสุราชั้นเลิศเช่นนี้”
หลังค่อยๆ วางจอกสุราลง เล่อเหยาเหยาเอ่ยขึ้นตามความจริง
เมื่อเห็นท่าทางชื่นชอบเช่นนี้ของเล่อเหยาเหยา หนานกงจวิ้นซีเลิกคิ้วงามขึ้นชั่วขณะ สีหน้าดูพอใจขึ้นหลายส่วน จึงพลางรินสุราให้เล่อเหยาเหยาอีกจอก พร้อมเอ่ยขึ้นว่า
“ย่อมแน่นอนอยู่แล้ว สุราไป๋อวี้นี้ หนึ่งไหหนึ่งพันตำลึง แม้จะราคาสูงเล็กน้อย แต่ก็คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป”
“ฮ้า!หนึ่ง…หนึ่งพันตำลึงหรือ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหนานกงจวิ้นซี เล่อเหยาเหยาตกใจจนเบิกตากว้าง อ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก!
สวรรค์!
สุรานี้แพงเกินไปแล้ว!
ไหละหนึ่งพันตำลึง คงมีเพียงพวกเชื้อพระวงศ์ชนชั้นสูงจึงจะดื่มได้!
หากเป็นผู้อื่น เกรงว่าชีวิตนี้คงดื่มสุราที่ราคาแพงเช่นนี้ไม่ได้แน่!
เล่อเหยาเหยาตะลึงในใจ หนานกงจวิ้นซีเห็นเช่นนั้น ก็อดหัวเราะกระต่ายตื่นตูมเช่นเล่อเหยาเหยาไม่ได้
“มีสิ่งใดให้น่าตกใจกัน แค่สุราชั้นเลิศ มากกว่าหมื่นตำลึงย่อมมี เพราะสุราชั้นเลิศหาได้ยาก มาในเมื่อชอบดื่ม ก็ดื่มอีกจอกเถิด”
แม้เล่อเหยาเหยาจะตกใจกับราคาของสุรา แต่กลับกันมื้อนี้ตนไม่ใช่เจ้ามือ ไม่ดื่มคงเสียเปล่า
หลังคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยารีบรับจอกสุรามาจากหนานกงจวิ้นซี ก่อนดื่มเข้าไปอีกครั้ง
ผู้ใดจะรู้ว่าเดิมทีเธอคิดดื่มเพียงสองจอก คิดไม่ถึง เธอกลับยิ่งดื่มยิ่งชื่นชอบ ดังนั้นจึงรับสุรามาดื่มจอกแล้วจอกเล่า…
……………………………………………..