สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 126 ข้าอยากจุมพิตเจ้า (รีไรท์)
“อืม เล่นกับไฟอันใด ข้าไม่ชอบเล่นไฟ ฮิฮิ เหตุใดจับท่านไว้แล้ว ใบหน้าท่านยังส่ายไปมาอีกล่ะ ดื้อรั้นเสียจริง ฮิฮิ ผิวท่านดีจริง ทว่าคางแหลมคม ฮิฮิ”
เล่อเหยาเหยาเวลานี้ไม่รู้ว่าตนกำลังเล่นกับไฟ สองมือย่ำยีบนใบหน้าเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่หยุด
บุคคลที่กล้าทำเรื่องเช่นนี้กับพญายมบนโลกใบนี้ เกรงว่าคงมีเพียงคนตรงหน้านี้เท่านั้น!
เมื่อใบหน้าถูกเล่อเหยาเหยาย่ำยี เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้สึกจนใจ แต่มากที่สุดกลับเอ็นดูเป็นพิเศษ
ดวงตาเย็นชามองไปยังใบหน้าเล็กที่เมามายแดงก่ำด้านล่าง สายตาที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋มองเล่อเหยาเหยา แฝงด้วยคาวมจนใจหลายส่วน
ทว่าเมื่อดมจนได้กลิ่นหอมของสุรานั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้สึกว่าตนคล้ายจะเมามายคนตัวเล็กน่าลุ่มหลงตรงหน้านี้
หัวใจเต้นระรัว มิอาจถอนตัว เขาเวลานี้อยากไม่ต้องสนใจสิ่งใดเสียจริง เพียงรัก ‘เขา’เท่านั้น
เมื่อเหลิ่งจวิ้นอวี๋คิดถึงตรงนี้ ความปรารถนาในแววตาลึกล้ำยิ่งขึ้น
เพราะมือคู่นี้ที่เดิมทีย่ำยีใบหน้าเขา ไม่รู้ว่าย้ายลงมาที่คางอันเด็ดเดี่ยว ลูกกระเดือกกลิ้งไปมา จนมาถึงหน้าอกเขาตั้งแต่เมื่อใด
“ฮ่า ๆ หน้าอกท่านแข็งแกร่ง และยืดหยุ่นยิ่งนัก ฮิๆ”
เล่อเหยาเหยาพลางเอ่ย สองมือพลางเคลื่อนไหวอย่างตามใจบนหน้าอกแกร่งนั้น
เธอเวลานี้ คล้ายเด็กน้อยขี้สงสัยที่ได้รับของเล่นชิ้นใหม่ จึงเล่นมันไม่หยุด ทว่ากลับไม่รู้ตัวว่าตนกำลังเล่นกับไฟ!
เดิมทีเหลิ่งจวิ้นอวี๋ปรารถนาในตัวเธออยู่แล้ว ตอนนี้เล่อเหยาเหยากลับไม่รู้สักนิด และยังเติมน้ำมันลงไปในไฟ!
กลางดึกไร้ผู้คน สองคนอยู่ร่วมห้องเดียวกัน ดุจฟืนแห้งและไฟอันร้อนแรง หากไม่ทำสิ่งใดคงโง่เง่าเสียจริง!
อย่างน้อยเหลิ่งจวิ้นอวี๋คิดเช่นนี้!
เมื่อรู้สึกว่ามือเล็กบนหน้าอกแกร่งคู่นั้นอยู่ไม่นิ่ง ลูบคลำไปมาบนหน้าอกเขา สติบอกกับตนเองว่าควรจะยับยั้งเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่สุดท้ายความปรารถนากลับชนะสติ
โดยเฉพาะเมื่อมือเล็กบางขาวผ่องคู่นั้น คล้ายกับแฝงด้วยเปลวไฟ เคลื่อนไปที่ใด ราวกับก่อไฟให้เผาไหม้ขึ้นมา
จากนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดหายใจติดขัดไม่ได้ ลมหายใจร้อนระอุนั้น พ่นไปยังใบหน้าเล็กแดงก่ำของเล่อเหยาเหยา
จากนั้นใบหน้าหล่อเหลาของเขา ค่อยๆ ก้มลงไปชิดใบหน้าเล็กที่ชวนลุ่มหลงด้านล่างนั้นทีละนิด กระทั่งในที่สุดเขาจุมพิตปากเล็กแดงสดคู่นั้น
หวานยิ่ง!
หอมยิ่ง!
นุ่มยิ่ง!
แฝงด้วยกลิ่นเหล้าเบาบาง ดุจกลีบดอกไม้ละมุนละไม หอมหวานดุจสาคูมะม่วงส้มโอ ทำให้คนที่ได้ลิ้มลอง รู้สึกอร่อยจนอยากชิมอีกครั้ง จนหยุดไม่ได้
ยิ่งจุมพิต เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้สึกเพียงหัวใจเต้นเร็วขึ้น และเปลวไฟในใจนั้น ยิ่งลุกโชนมากขึ้น
และเลือดในร่างกายคล้ายเดือดพล่าน จนทะลักไปที่ส่วนล่างนั้นจนหมด
เขาต้องการ ‘เขา’เสียจริง
ตรงข้ามกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่เวลานี้เต็มไปด้วยไฟปรารถนา เล่อเหยาเหยากลับรู้สึกวิงเวียนเพราะจุมพิตของเขา
เธอรู้สึกเพียงภายในปากตนถูกสิ่งที่ชุ่มชื้นบุกรุกเข้ามา จากนั้นก็พัวพันกับลิ้นเธอไม่หยุด
ตอนแรกเริ่มเธอไม่พอใจกับสิ่งชุ่มชื้นที่เข้ามานี้ แม้จะขัดขืน คิดหลบหลีก แต่ทว่าศีรษะกลับถูกคนรัดไว้แน่น ทำให้เธอไม่สามารถขยับศีรษะได้ ทำได้เพียงปล่อยให้สิ่งชุ่มชื้นนั้นกวาดภายในปากเธออย่างไม่เกรงใจ
ทว่าความไม่พอใจในตอนแรก ในที่สุดค่อยๆ ให้ความรู้สึกน่าสนใจขึ้นมา ดังนั้นจึงเริ่มลิ้มลองพัวพันกับสิ่งชุ่มชื้นนั้น
แต่เล่อเหยาเหยากลับไม่รู้ตัวว่า การเริ่มจุมพิตของตนคล้ายยากระตุ้นที่ดีที่สุด ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่เดิมทีจิตใจสับสน ยิ่งหยุดร่างกายร้อนรุ่มจนเจ็บปวดไม่ได้
เมื่อดวงตาเย็นชาค่อยๆ ถูกไฟปรารถนาครอบงำนั้น ภายในแววตาล้ำลึกมีเปลวไฟอันร้อนแรงลุกโชนขึ้นมา ดูแล้วทำให้ชายหนุ่มร้ายกาจและชวนหลงใหล
เมื่อรู้สึกถึงริมฝีปากที่อ่อนนุ่มของคนตัวเล็ก ทำให้เขาหยุดตัวเองไม่ได้ ก่อนค่อยๆ รู้สึกว่าไม่เพียงพอ
เขาอยากได้มากอีก มากกว่านี้อีก…
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่รูปร่างสูงใหญ่กดคนตรงหน้าไว้ใต้ร่างตน
ริมฝีปากบางเย็นเฉียบนั้นดูดเลียริมฝีปากหอมหวานอ่อนนุ่มนั้นไม่หยุด ส่วนสองมือเขาค่อยๆ เริ่มขยับไปบนร่างกายคนตัวเล็ก
“ฮิฮิ ไม่ ข้าจั๊กจี้”
เมื่อรู้สึกว่ามือของเหลิ่งจวิ้นอวี๋เคลื่อนไหวอยู่บนตัวตนเอง เล่อเหยาเหยาที่เดิมทีถูกจุมพิตจนมึนงง อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
เธอบ้าจี้เป็นที่สุด ดังนั้นร่างกายจึงไวต่อความรู้สึกเป็นพิเศษ เพียงสัมผัสจะหัวเราะอย่างจั๊กจี้
ดังนั้นเพื่อหลบมือใหญ่ที่อยู่ไม่นิ่งคู่นั้น เล่อเหยาเหยาเอนตัวไปมาไม่หยุด หมายจะดิ้นหลบหลีก แต่เธอกลับไม่รู้ตัวว่าการที่ตนเอนตัวไปมาไม่หยุด จะทำให้ไฟปรารถนาในใจของบางคนลุกโชนยิ่งขึ้น
เมื่อรู้สึกว่าคนตัวนุ่มนิ่มใต้ร่างลูบคลำหน้าอกและต้นขาตนไม่หยุด ทำให้ดวงตาเย็นชาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋เป็นประกายครู่หนึ่ง กระทั่งลมหายใจต่างติดขัดยุ่งเหยิง
“เด็กน้อย นี่เป็นเจ้าที่จุดไฟขึ้นมาเอง เช่นนั้นอย่าโทษข้าแล้วกัน ”
หลังเอ่ยจบ จุมพิตของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็เริ่มจากริมฝีปากแดงอมชมพูของเล่อเหยาเหยา ตรงไปยังคางเล็ก และฝังเข้าไปในซอกคออุ่นที่หอมสดชื่น พร้อมดูดเลียผิวสีชมพูเธอไม่หยุด ก่อนจะฝากรอยสีชมพูไว้บนลำคอเรียวขาวดุจหิมะ
และฝ่ามือใหญ่อบอุ่นคู่นั้น ค่อยๆ ขยับไปจับที่เอวคอดของคนตัวเล็ก กำลังหมายจะยื่นมือคลายสายรัดเอวของเธอออก คิดไม่ถึง ทันใดนั้นมือใหญ่ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับถูกเล่อเหยาเหยาจับเอาไว้ ก่อนได้ยินเสียงอ้อแอ้เมามายของเธอดังขึ้น
“ฮิฮิ นี่สนุกจัง ข้าก็อยากจุมพิตท่าน ฮิฮิ ข้าอยากอยู่ข้างบน ข้าจะอยู่ข้างบน!”
เล่อเหยาเหยาเวลานี้ คล้ายเด็กน้อยที่พบสิ่งใหม่ที่น่าสนใจอยากทดลอง จึงดิ้นพลางหัวเราะอยู่ใต้ล่างเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่หยุด
เมื่อได้ยิน เหลิ่งจวิ้นอวี๋หวั่นไหวในใจชั่วขณะ มือที่ขยับก็หยุดชะงักงัน
ทันใดนั้น ก็เงยดวงตาเย็นชาที่เปี่ยมไปด้วยไฟปรารถนาที่ร้อนแรงคู่นั้นขึ้น ก่อนจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มใต้ล่าง
ยามค่ำคืนน่าหลงใหล แสงเทียนสว่างงดงาม
เห็นเพียงคนตัวเล็กบนเตียง ใบหน้าดุจดอกบัว รูปโฉมดุจภาพวาด ผิวขาวกว่าหิมะ ลักยิ้มน่ามอง ตางามน่าชม ทุกสิ่งทุกอย่างรังสรรค์ขึ้นอย่างงดงาม ลมหายใจดุจกล้วยไม้ เอวบางเด่นชัด และกลิ่นสุราจางๆ บนริมฝีปาก เมื่อรวมเข้ากันกลายเป็นภาพสาวงามที่โดดเด่นอย่างไร้ที่สิ้นสุด
เห็นเช่นนั้น ดวงตาเย็นชาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋อดเป็นประกายชั่วขณะไม่ได้ และเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นไม่พูดจา ทว่ากลับพลิกตัว กระทั่งแขนยาวยืดออกไป
การกระทำของเขา เพียงชั่วพริบตาด้วยวิทยายุทธ ท่าทางที่เดิมทีชายอยู่บนหญิงอยู่ล่าง พลันสับเปลี่ยนทันที
เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงท้องฟ้าหมุนวนผืนดินพลิกกลับชั่วขณะ ทันใดนั้น ร่างกายของเธอก็คร่อมอยู่บนตัวชายหนุ่ม
เธอเวลานี้ รู้สึกสนุกสนานอย่างมาก ตื่นเต้นกว่านั่งรถไฟเหาะเสียจริง!
ดังนั้นจึงอดหัวเราะครู่หนึ่งไม่ได้ ท่าทางเมามายไร้เดียงสานั้น ทำให้เธอดูงดงามแฝงน่ารัก น่ารักแฝงประทับใจ
และทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋มองด้วยใจเต้นระรัว ท่อนร่างพลันอึดอัด
เหตุผลคือหลังจากเล่อเหยาเหยานั่งบนตัวเขา ก้นเล็กของเธอทับลงบนนกใหญ่ที่ร้อนผ่าวของเขานั้นพอดี
แต่คนตัวเล็กกลับไม่รับรู้สักนิด และยังหัวเราะอยู่ด้านบน
“ ฮ่า ๆ หมุนเร็วเข้า สนุกยิ่งนัก”
“เด็กน้อย เมื่อครู่เจ้าคิดทำสิ่งใด อย่าลืมล่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา จึงทราบว่าเธอเมาหนักไม่เบา แต่เหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับไม่สนใจแม้แต่นิดเดียว เพราะมีเพียงเวลานี้ที่ ‘เขา’ไม่หวาดกลัวและไม่หลบหลีกตน
ดังนั้น เขาจึงยอมให้ตนเป็นเนื้อบนเขียง เพื่อให้ ‘เขา’ย่ำยี ฆ่าแกงได้ตามใจ
และเขายังคิดว่าจะได้รับความสุข!
แม้พรุ่งนี้ยามที่‘เขา’ตื่นขึ้นมา เขาก็สามารถเอ่ยว่า‘เขา’เป็นคนเริ่มต้น
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ยิ้มมุมปาก ดวงตาเย็นชาปรากฏแสงประกายขึ้นมา นั่นคือประกายความเจ้าเล่ห์ดุจสุนัขจิ้งจอก
ส่วนเล่อเหยาเหยาที่ไม่รับรู้ถึงความคิดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ หลังได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ก็กระพริบดวงตาคู่งามอย่างสงสัยและไม่เข้าใจครู่หนึ่ง พลันกระตุกริมฝีปากแดงเล็กน้อย คล้ายฉุกคิดได้ว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋หมายถึงเรื่องใด
“อืม ข้านึกออกแล้ว ข้าต้อง ต้องจุมพิตท่าน”
เอ่ยจบ เล่อเหยาเหยารีบกดฝ่ามือลงบนตัวเหลิ่งจวิ้นอวี๋ พร้อมยิ้มอย่างยั่วยวน
ท่าทางของเธอ ทำให้ก้นเล็กของเธอสัมผัสกับนกใหญ่ด้านล่างไม่หยุด
“เอ่อ”
เมื่อรับรู้ถึงการชิดใกล้ การลูบคลำที่ละมุนละไม ราวกับกระแสไฟฟ้านั้น ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋หายใจติดขัด ร่างกายอดแข็งทื่อไม่ได้
แต่สุดท้ายเขายังข่มกลั้นไฟปรารถนาที่ร้อนแรงของท่อนล่างไว้ เพราะเขารอให้เล่อเหยาเหยาเป็นคนเริ่มลงมือ
ส่วนเล่อเหยาเหยาก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง
เพราะเล่อเหยาเหยาตั้งแต่เด็ก เพียงเป็นเรื่องที่เธออยากทำ เธอจะรีบทำทันที และเรียนรู้อย่างมีสมาธิ ไม่ล้มเลิกกลางคันเด็ดขาด ดังเช่นเวลานี้
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงอยากทำสิ่งที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋ปฏิบัติต่อเธอเมื่อครู่ทั้งหมด ทันใดนั้นริมฝีปากแดงคู่สวยนั้น พลันกระตุกขึ้น จากนั้นค่อยๆ เคลื่อนเข้าไปใกล้ใบหน้าหล่อเหลาด้านล่าง
เมื่อรู้สึกว่าคนด้านบน ร่างกายกำลังโน้มตัวลงมา และใบหน้าเล็กที่เมามายงดงามเย้ายวนใจ ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ตน ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋ดีใจ ใจเปี่ยมด้วยการรอคอย ตื่นเต้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ จากนั้นริมฝีปากกระจับบางเฉียบนั้นก็ค่อยๆ กางออก สีหน้าดูรอคอยอย่างยาวนาน
แต่เขากลับไม่รู้สิ่งใดเลย ท่าทางตนเวลานี้พราวเสน่ห์เพียงใด หากถูกผู้อื่นเห็นเข้าต้องตกตะลึงอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง กระทั่งอุทานขึ้นแน่นอน นี่คือพญายมที่ไม่เคยยิ้มแย้ม หน้าตาเย็นชาจริงหรือ!
ความจริงพญายมกลับเป็นคนที่ภายนอกขี้อาย แต่ภายในร้อนแรงเช่นนี้!
ทว่าสำหรับเรื่องนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่รับรู้ เขารู้เพียงริมฝีปากอมชมพูคู่นั้น ในที่สุดก็ประกบบนริมฝีปากเขา
ส่วนเขาในที่สุดก็ได้ลิ้มลองริมฝีปากเล็กที่นุ่มนิ่มอ่อนหวานนั้นอีกครั้งอย่างงดงาม
………………………….