สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 127.2 ข้าต้องการ (2) (รีไรท์)
ทันใดนั้น เสียงกัดฟันกรอดนั้น ดังออกมาจากปากเขา
“พูด เจ้าเคยเห็นร่างเปลือยของผู้ใด!”
เขาจะกำจัดมัน!
คนตัวเล็กนี้เป็นของเขา ดังนั้นหาก‘เขา’จะดูร่างเปลือย ก็ต้องดูเพียงเขาเท่านั้น!
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้สึกเพียงหึงหวงในใจ คล้ายมีของเปรี้ยวบางอย่างโชยขึ้นมา
แต่เขากลับไม่รู้เลยสักนิด ความจริงตนกำลังหึงหวง
ส่วนเล่อเหยาเหยายิ่งไม่รับรู้
เห็นเพียงเล่อเหยาเหยาหลังได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ก็ยื่นนิ้วขึ้นมา
“อืม เห็นบุรุษผู้ใดบ้างหรือ ข้านับดูก่อน มีองค์ชายเจ็ด มีซิง เหม่ย อืม ยังมี…”
“ยังมีอีกหรือ!”
เมื่อได้ยินคำพูดเล่อเหยาเหยา ในใจเหลิ่งจวิ้นอวี๋พลันสะดุด ก่อนไฟปรารถนาจะถูกแทนที่ด้วยความโมโห
น่าตายนัก ‘เขา’กลับเห็นร่างเปลือยของบุรุษมามากขนาดนั้นจริง! เขาไม่ยอม ไม่ยอม!
ในใจโมโหไม่หยุด เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพื่อลงโทษเด็กน่าตายนี้ จึงยื่นมือโน้มลำคอบางลงมา ก่อนริมฝีปากแดงเย็นเฉียบนั้น กัดลงที่ริมฝีปากของเล่อเหยาเหยาเพื่อเป็นการลงโทษ
เล่อเหยาเหยาร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด พลันยื่นมือผลักเหลิ่งจวิ้นอวี๋ออก อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าอันประณีตนั้น ยับยู่เล็กน้อยเพราะเจ็บปวด
อีกทั้งเล่อเหยาเหยาเป็นคนมีแค้นต้องชำระมาตลอด
ตอนนี้ถูกคนกัด เธอไม่กัดกลับไป เช่นนั้นเธอก็เสียเปรียบมิใช่หรือ!
เธอยอมทุกอย่าง แต่ไม่ยอมเสียเปรียบ!
พอคิดถึงตรงนี้ ดวงตาคู่งามเต็มไปด้วยความโมโหเมามายของเล่อเหยาเหยากวาดมองคราหนึ่ง ก่อนมองไปที่ผลจูอวี๋สีแดงบนหน้าอกของชายหนุ่ม พลันอ้าปากกัดลงไปอย่างแรง!
กัดไม่ให้สูญเปล่า ต้องกัดให้เขาตาย!
ความคิดนี้ผุดขึ้นมา เล่อเหยาเหยากัดลงไปทันที
เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้สึกเพียงเจ็บปวดที่หน้าอก คิ้วน่ามองนั้นอดขมวดชั่วขณะไม่ได้
ทว่าเล่อเหยาเหยาเคลื่อนไปที่ใด ทำร้ายเขาที่นั้น แต่เจ็บปวดราวกับแมวข่วนเท่านั้น
ดังนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงไม่ห้ามปรามการกระทำของเล่อเหยาเหยา เพราะขณะที่เล่อเหยาเหยากัดเขา เขารู้สึกเพียงใจเต้นระรัวไปพร้อมกัน
ร่างกายคล้ายถูกไฟดูด กระแสความเจ็บปวด กลับทำให้รู้สึกชาหนึบ ทะลุจากหน้าอกไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว
ร่างกายท่อนล่างคับแน่นอย่างรุนแรง คล้ายสัตว์ร้ายที่หลับลึกมาพันปี ถูกปลุกขึ้นและร้องคำราม
สำหรับเรื่องนี้ เล่อเหยาเหยาที่กำลังชื่นชมหน้าอกของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ก็รับรู้ได้
รู้สึกใต้บั้นท้ายตนพลันปรากฏสิ่งร้อนผ่าวแข็งขึงขึ้นมา ทำให้เธอรู้สึกนั่งไม่สบาย
จึงขมวดคิ้วเข้าเป็นปม ยื่นริมฝีปากแดงขึ้น ก่อนเล่อเหยาเหยาจะพึมพำอย่างไม่เข้าใจว่า
“นี่คือสิ่งใด นั่งแล้วไม่สบายยิ่งนัก”
หลังพึมพำไม่พอใจ เล่อเหยาเหยาคิดยื่นมือหยิบสิ่งที่อยู่ใต้บั้นท้ายทิ้งไป
ผู้ใดจะรู้ว่าสิ่งนั้นคล้ายติดอยู่บนตัวของชายหนุ่ม ไม่ว่าเธอจะดึงเช่นไร ก็ดึงไม่ขึ้น
กลับกัน หูกลับได้ยินเสียงหายใจติดขัดราวเจ็บปวดของชายหนุ่มขึ้นมา
“เอ๋”
เล่อเหยาเหยาเกิดสงสัย จึงไม่กัดหน้าอกชายหนุ่มอีก เพราะความสนใจของเธอเวลานี้ได้ถูกสิ่งที่อยู่ในมือดึงดูดไปจนหมดสิ้น
รู้สึกเพียงของในมือ ร้อนผ่าว มีขนาดใหญ่ ขรุขระ ราวกับไม้กระบอง
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาอดกระพริบตาคู่งามอย่างสงสัยไม่ได้ ก่อนมองไปยังดวงตาเย็นชาที่เปี่ยมด้วยความปรารถนาและลึกล้ำคู่นั้นของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ พลางเอ่ยถามว่า
“อยู่ดีๆ เหตุใดจึงมีกระบองซ่อนอยู่บนตัว!”
“เอ่อ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋มีสีหน้าเก้อเขิน ทว่าเล่อเหยาเหยาดึงฉุดไม่หยุด เขาจึงรู้สึกเพียงชาหนึบตื่นเต้น ออกมาจากร่างกายท่อนล่างของเขาไม่หยุด ทำให้เขาอดหายใจติดขัดไม่ได้
แต่เขากลับไม่เอ่ยปากห้ามปรามเล่อเหยาเหยา ปรารถนาให้เล่อเหยาเหยาทำต่อไปเรื่อยๆ
ทว่าสุดท้ายเล่อเหยาเหยายังไม่ทำให้เขาสมปรารถนา ปล่อยมือจากท่อนร้อนบนมือเล็กนั้นไป จากนั้นก็ขยับบั้นท้ายลงจากตัวของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ก่อนมองจากหน้าอกที่เธอกัดจนฟกช้ำดำเขียว จนถึงระหว่างขาของชายหนุ่ม
เห็นเพียงท่อนล่างของชายหนุ่มยังมีกางเกงชั้นในบางเบาอยู่หนึ่งตัว ปิดบังภาพท่อนล่างเอาไว้ทั้งหมด แต่สิ่งตรงกลางท่อนขานั้นนูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คล้ายกระโจมขนาดเล็ก ทว่ากลับดึงดูดให้เล่อเหยาเหยาแปลกใจ
จากนั้นภายในสมองขาวโพลน แต่ว่าเล่อเหยาเหยายังรู้สึกว่ากระโจมเล็กนี้คุ้นตาอย่างยิ่ง คล้ายเคยเล่นมาก่อน
พอคิดถึงตรงนี้ มือดุจหยกคู่นั้น ดึงกางเกงตัวนั้นอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นก็ถอดลงมา
“เอ่อ”
สำหรับความกล้าของเล่อเหยาเหยาในการเริ่มรุกก่อน เหลิ่งจวิ้นอวี๋ย่อมรู้ดี นั่นเพราะเธอเมามาย
แม้เมื่อครู่จะโมโหที่ ‘เขา’ไม่ถนอมร่างกายตน ดื่มจนเมามายเช่นนี้ แต่เวลานี้หลังเห็น‘เขา’เมาแล้ว
สองแก้มแดงก่ำ ดูยั่วยวน ดวงตาเหม่อลอย เย้ายวนใจเช่นนี้
เขามองจนอยากกระโจนใส่‘เขา’ก่อนแล้วกินให้หมดทั้งตัว
ทว่าตอนนี้ เมื่อ‘เขา’เริ่มอยากกินเขาก่อน ความจริงเขาก็มีความสุขอย่างยิ่ง!
อย่างน้อยเวลานี้ เขาต้องเรียกร้องให้‘เขา’รับผิดชอบเขา จากนั้น‘เขา’คิดหลบเลี่ยงก็หลบไม่พ้น
เหลิ่งจวิ้นอวี๋คิดวางแผนทั้งหมดไว้ในใจ โดยที่เล่อเหยาเหยากลับไม่รู้
เพราะเธอเวลานี้ ถูกสิ่งที่ใหญ่มหึมาตรงหน้าทำให้ตกใจจนอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง
“อา ใหญ่จัง อืม…” ไส้กรอก
เล่อเหยาเหยาที่ตาลาย จึงมองสิ่งของตรงหน้าได้ไม่ชัดเจน คิดเพียงแท่งตรงหน้าน่าจะคือ ‘ไส้กรอก’!
ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ กลับไม่รู้เลยว่าท่าทางตกตะลึงนั้น ในสายตาของบางคน เห็นชัดว่ามีชายบางคนมีความสุขยิ่งนัก
เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดภูมิใจขึ้นมาไม่ได้
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยทำเรื่องพรรค์นี้ ย่อมไม่รู้ถึงความดีงามของเรื่องนี้
และไม่รู้ว่าเมื่อถูกคนมองสะโพกด้านล่างด้วยสายตาตกตะลึง จะเป็นเรื่องที่ทำให้คนภูมิใจได้เช่นนี้
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดยิ้มมุมปากไม่ได้ ดวงตาเย็นชาที่แฝงความภูมิใจ ลึกล้ำคู่นั้น จ้องไปยังใบหน้าเล็กของเล่อเหยาเหยา ก่อนเผยอริมฝีปากเอ่ยขึ้นว่า
“ยังจำได้ว่าต่อไปต้องทำเช่นไรได้หรือไม่”
“เอ่อ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงทุ้มแหบพร่านี้ เล่อเหยาเหยาเพียงเขย่าศีรษะเล็กอย่างวิงเวียนครู่หนึ่ง ก่อนเหยียดริมฝีปากแดง พึมพำว่า
“ต้องทำเช่นไร ข้ายังไม่หิว ไม่อยากกิน”
อีกทั้ง‘ไส้กรอก’ขนาดใหญ่เช่นนี้ เธอกินไม่หมด
“กินหรือ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา และมองที่ใบหน้าหงุดหงิด เหลิ่งจวิ้นอวี๋ตะลึงเล็กน้อย ก่อนพลันเข้าใจบางสิ่ง
เพราะคนที่เมาสุรา สมองย่อมเลอะเลือน เขาจึงเกรงว่าหากเล่อเหยาเหยาไม่ระวัง กินสิ่งที่เขาคิดว่าน่าภูมิใจนั้นจริง เช่นนั้นต้องจบเห่แน่
แม้เขาจะชื่นชอบการกินของเธอ แต่กลับมิใช่ ‘การกิน’เช่นนั้น
ดังนั้น พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋คล้ายอาจารย์คงแก่เรียน ทั้งปลอบทั้งพูดล่อลวงเล่อเหยาเหยา
“เด็กดี นี่มิใช่การกิน แต่เป็นการเลีย”
“เลียเหรอ!”
เมื่อได้ยิน เล่อเหยาเหยาอดกระพริบดวงตาคู่งามครู่หนึ่งไม่ได้ ก่อนพึมพำขึ้น
“อืม ถูกต้อง เลีย ค่อยๆ เลียอย่างอ่อนโยน”
“เอ่อ”
สำหรับคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ยิ่งทำให้เล่อเหยาเหยายิ่งสับสน ต้องหยิบไส้กรอกขึ้นมากินมิใช่หรือ เหตุใดต้องเลียมัน!
อีกทั้งเธอตอนนี้ อิ่มอย่างยิ่ง
จึงรู้สึกเพียงภายในท้องคล้ายจะระเบิดออกมา มีบางสิ่งตีขึ้นมาไม่หยุด
แต่เล่อเหยาเหยายังกัดฟันอดทนไว้
แต่สำหรับท่าทางกัดฟันของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับคิดว่าเธอไม่ยินยอม จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงกลับยิ่งอ่อนโยนแหบพร่ามากขึ้น
“เพียงเลียก็พอ ข้าอยากให้เจ้า…”
น้ำเสียงเหลิ่งจวิ้นอวี๋ทุ้มต่ำ แหบพร่า คล้ายแฝงด้วยเสน่ห์ที่เย้ายวนใจคน
แต่หลังเขาเพิ่งเอ่ยปาก เล่อเหยาเหยากลับลังเลพูดบางอย่างขึ้นมา
“ขะ…ข้าอยาก อยาก…”
เมื่อได้ยินเล่อเหยาเหยาเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก เหลิ่งจวิ้นอวี๋มีความสุขในใจ
อะไรนะ!
‘เขา’เอ่ยว่าต้องการหรือ!
ที่แท้ความคิดของ‘เขา’ก็เหมือนกับตน
“ฮ่า ๆ เช่นนั้นก็ทำสิ่งที่เจ้าอยากทำเถิด”
อีกทั้งเขาก็รอคอยมานานแล้ว!
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋คลายคิ้วลง ยิ้มกว้างที่มุมปาก
แต่เมื่อได้ฟังประโยคถัดมาของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดเบิดตากว้างขึ้นไม่ได้ อยากหลบหลีก กลับไม่ทันเวลา ได้ยินเล่อเหยาเหยาเอ่ยเพียง…
“ข้าอยาก…อะ…อาเจียน”
หลังประโยคนั้นของเล่อเหยาเหยา เสียงอาเจียนที่รุนแรงก็ดังขึ้น
ส่วนเหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้สึกเพียงร่างกายท่อนล่างร้อนผ่าว ร่างกายพลันดุจถูกฟ้าผ่า แข็งทื่อราวกับหินอยู่ตรงนั้น
……………………