สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 128.3 รอยฟันบนหน้าอก (3) (รีไรท์)
เล่อเหยาเหยาไม่รู้ความคิดในใจของพญายม เธอเพียงกังวลว่า พญายมรู้ความลับว่าเธอคือผู้หญิงหรือไม่ และขณะที่เธอและเขาอยู่ในห้อง ยังเกิดเรื่องใดขึ้นบ้าง
พวกนี้ต่างทำให้เธอกังวลใจ
แต่ขณะเล่อเหยาเหยากังวล พลันได้ยินเสียงทุ้มต่ำแฝงความสงสัยของพญายมดังขึ้น
“มือของเจ้า เป็นอะไรไป”
น้ำเสียงแฝงความกังวลใจดังขึ้น ก่อนที่เล่อเหยาเหยาจะรู้สึกเพียงมือเล็กของตนที่ได้รับบาดเจ็บ ถูกมือใหญ่หนาอบอุ่นกุมไว้
มือใหญ่ที่หนาอบอุ่นนั้น หนากว้างแข็งแกร่ง ทว่ากลับแฝงด้วยกระแสไฟฟ้า เมื่อเขากุมมือเล็กของตน เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงกระแสไฟฟ้าวิ่งจากมือใหญ่ที่หนาอบอุ่นแล่นเข้าสู่ร่างกายเธออย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น ร่างกายทั่วร่างเล่อเหยาเหยาพลันดุจสวมปริงเอาไว้ เด้งตัวถอยหลังทันที
ท่าทางรุนแรงนั้น ไม่เพียงเหลิ่งจวิ้นอวี๋ กระทั่งเล่อเหยาเหยาที่หลังจากเกิดเรื่อง ใบหน้าจิ้มลิ้มก็ตะลึงเล็กน้อย
โดยเฉพาะขณะเธอถอยหลังไป มือเล็กไม่ระวังกระแทกกับถ้วยชาบนโต๊ะเข้า
ทันใดนั้น ได้ยินเพียงเสียง ‘เพล๊ง’ ดังขึ้น ก่อนถ้วยชานั้นพลันตกลงสู่พื้น แตกกระจายเป็นเสี่ยง
ทว่านี้ยังไม่จบ ขณะถ้วยชานั้นตกลง น้ำชาภายในถ้วยทั้งหมดนั้นสาดรดร่างกายของพญายม
น้ำชานี้ เดิมทีเพิ่งต้มเสร็จ ดังนั้นร้อนระอุมากเพียงใด เล่อเหยาเหยาเพิ่งลองสัมผัสด้วยตนเองเมื่อครู่
ดังนั้น เมื่อเธอเห็นชาทั้งหมดนั้นสาดลงบนตัวพญายม ก็ตกใจจนแทบหัวใจแทบกระดอนออกมา
“สวรรค์! ท่านอ๋อง”
เล่อเหยาเหยาพลันร้องอย่างตกใจ ดวงตาคู่งามนั้นเบิกกว้างดุจกระดิ่งขนาดใหญ่
หลังเอ่ยปาก เธอได้สติรีบหยิบผ้าเช็ดหน้ายื่นไปเช็ดน้ำและใบชาบนร่างกายของพญายมไม่หยุด
เมื่อรู้สึกถึงความร้อนบนเสื้อผ้านั้น เล่อเหยาเหยาอกสั่นขวัญแขวน
“ท่านอ๋อง รีบ รีบถอดเสื้อผ้าออก”
น้ำชาที่ร้อนขนาดนี้สาดรดเข้าไป ไม่รู้ร่างกายพญายมจะถูกลวกหรือไม่
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาวิตกกังวลในใจ
บนใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นตกใจจนซีดขาว ดูกังวลไม่หยุด
ตรงข้ามกับเล่อเหยาเหยาที่สับสนกังวล พญายมคล้ายคนไม่บาดเจ็บ นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้
คล้ายคนที่ถูกลวก เดิมทีไม่ใช่เขา
ใบหน้าเรียบเฉยและใบหน้าเล็กที่วิตกกังวลของเล่อเหยาเหยานั้น กลายเป็นรูปร่างที่แตกต่างกันชัดเจน
เล่อเหยาเหยาเช็ดคราบน้ำชาและใบชาบนตัวพญายมไม่หยุด สุดท้ายก็ค่อยๆ รับรู้ถึงความผิดปกติของพญายม ทันใดนั้น ดวงตาคู่งามที่เต็มไปด้วยกังวล ค่อยมองสูงขึ้นไป
เมื่อเธอสบเข้ากับสายตาเย็นชาที่หรี่ลงนั้น ในใจเธอพลันเกิดเสียง ‘กึก’สะดุดขึ้น
ซวยแล้ว พญายมโมโห!
ทว่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลก ชาร้อนขนาดนั้นสาดลงบนร่างกายเขา หากเป็นเธอคงโมโหเช่นกัน!
แต่สวรรค์รู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ทว่าแม้เธอจะไม่ตั้งใจ แต่พญายมโดนลวกนี้คือเรื่องจริง ดูแล้วศีรษะของเธอ วันนี้ต้องย้ายบ้านแน่
พอคิดถึงตรงนี้ ในใจเล่อเหยาเหยายิ่งสับสน กระทั่งดวงตาที่กังวล ก็พลันปกคลุมด้วยความเสียใจ
จากนั้น ขณะที่เล่อเหยาเหยารอให้พญายมโมโหอย่างหนัก กลับได้ยินพญายมเอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมา
“ข้า ทำให้เจ้าเกลียดชังมากขนาดนั้นเลยหรือ!”
น้ำเสียงแฝงความโมโห ดังออกมาจากริมฝีปากกระจับน่ามองอย่างท้อแท้ใจ และแฝงความผิดหวัง โศกเศร้าหลายส่วน
เมื่อได้ยินคำพูดของพญายม ใบหน้าจิ้มลิ้มของเล่อเหยาเหยาตะลึงชั่วขณะ จากนั้นพลันกังวล ก่อนรีบส่ายหน้าดุจคลื่นพลางเอ่ยขึ้นว่า
“ไม่พ่ะย่ะค่ะ บ่าวไม่ได้หมายความเช่นนั้น”
“จริงหรือ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋เม้มริมฝีปากแดงครู่หนึ่ง บนใบหน้าหล่อเหลายังคงเคร่งขรึมเช่นเดิม
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยารีบพยักหน้ายืนยัน พร้อยเอ่ยว่า
“ใช่ เป็นความจริง”
เธอไม่ได้เกลียดชังเขา ส่วนใหญ่คือหวาดกลัวเสียมากกว่า
แน่นอนว่าประโยคนี้ เล่อเหยาเหยาไม่ได้เอ่ยออกมา
ส่วนเหลิ่งจวิ้นอวี๋หลังได้ยินประโยคนี้ของเธอ ในที่สุดสีหน้าบนใบหน้าหล่อเหลาก็อ่อนโยนลง ทันใดนั้นจึงยื่นมือใหญ่ออกมาอีกครั้ง ก่อนจับมือเล็กที่บาดเจ็บของเล่อเหยาเหยา
ครั้งนี้เล่อเหยาเหยาไม่สะบัดออก
ได้แต่ยืนนิ่งไม่ขยับอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้พญายมดึงมือเล็กที่บาดเจ็บของตนไปสำรวจ
ก้มหน้าเงียบมองชายหนุ่มตรงหน้า
เห็นเพียงชายหนุ่มเวลานี้ แม้บนร่างกายจะยังมีกลิ่นอายอึมครึมมืดสลัวกระจายออกมา แต่แรงที่เขาจับมือเล็กของเธอกลับอ่อนโยน
คล้ายสิ่งที่เขาถืออยู่คือของที่มีค่าที่สุดบนโลกใบนี้
สำหรับความคิดที่พลันพรั่งพรูจากใจนี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาตกตะลึง ดวงตาคู่งามปรากฎความแปลกใจขึ้นมา
สวรรค์ เธอคิดสิ่งใดอยู่!
เธอพักนี้ ชอบคิดฟุ้งซ่านยิ่งนัก
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาคิดดึงมือเล็กออกจากการเกาะกุมของพญายม แต่สุดท้ายเธอก็ถอดใจ
กลับเห็นว่าหลังจากพญายมมองแผลโดนลวกบนมือเธอ คิ้วน่ามองคู่นั้น อดขมวดแน่นไม่ได้
เพราะพญายมกำลังก้มหน้าจ้องแผลบนมือของเธอ ดวงตาเย็นชาจึงหลุบลง
ขนตางอนยาวหนาแน่นนั้น ดุจพัดสีดำสวยงามคู่หนึ่ง ทำให้เกิดกลุ่มเงาที่สวยงามตรงรูม่านตาของเขา และบดบังแววตาเขาเอาไว้ ทำให้คนมองไม่เห็นความคิดในแววตาของเขา
แต่จากการขมวดคิ้วเมื่อครู่นั้นของเขา ยังทำให้เล่อเหยาเหยาตกใจชั่วขณะ
ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง ปากเล็กอ้าค้าง ในใจรู้สึกแปลกประหลาด
พญายมเขาขมวดคิ้ว หมายความว่าเขาห่วงใยตนหรือไม่!
พอคิดถึงตรงนี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาแปลกใจไปพร้อมกัน กระแสความอบอุ่นดุจลำธารใสแจ๋วสายหนึ่ง ไหลเข้ามาในใจเธออย่างช้าๆ
ขณะกำลังคิดในใจ เห็นว่าพญายมพลันยื่นมือไปเปิดลิ้นชักบนโต๊ะออก จากนั้นก็หยิบขวดกระเบื้องขนาดเล็กออกมา
เห็นเพียงขวดกระเบื้องเล็กนั้น ถูกทำขึ้นมาอย่างประณีต ด้านนอกจิตรกรวาดภาพดอกไม้หลากหลายสีสันขึ้นมาอย่างตั้งใจ จึงประณีตน่ามองอย่างยิ่ง
เล่อเหยาเหยารู้ว่านี้คือครีมดอกโบตั๋นที่หมอหลวงในราชสำนักใช้กัน
ครีมดอกโบตั๋นนี้ ว่ากันว่าใช้แก่นของดอกโบตั๋นสกัดเป็นยาออกมา ผสมรวมเข้ากับยาหลายขนาน จึงเป็นยาล้ำค่า ราคาเทียบเมือง และมีเพียงชายหนุ่มสูงศักดิ์เช่นพญายมถึงจะสามารถใช้ได้
แต่ตอนนี้พญายมหยิบกระปุกยาดอกโบตั๋นนี้ออกมา เพื่อทำสิ่งใดกันแน่!
หรือว่าเขาจะ…
“อดทนหน่อย” ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ ได้ยินเสียงพญายมพลันเอ่ยเสียงเบาขึ้น ทันใดนั้น เห็นพญายมเปิดกระปุกยาดอกโบตั๋นนั้นออก จากนั้นค่อยๆ ทายาให้เธอ
การกระทำของพญายม เนิบช้าและอ่อนโยนอย่างยิ่ง
บนปลายนิ้วของเขายังสวมปลอกเล็บ ดังนั้น เมื่อปลายนิ้วของเขาวาดลงบนแผลโดนลวกในมือของเธอ เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงมีความเย็นสดชื่นกระแสหนึ่งพัดผ่าน และค่อยๆ ชาหนึบขึ้น
ดุจเส้นไหม ดุจกระแสไฟฟ้าที่ชาหนึบ
พญายมเวลานี้คล้ายมีเวทมนตร์แสนพิเศษ ความรู้สึกชาหนึบนั้น ปรากฏขึ้นบนมือเธออีกครั้ง กระทั่งหัวใจของเธอคล้ายเปราะหักลง
มีความรู้สึกแปลกประหลาดค่อยๆ กระจายตัวอยู่ภายในใจของเขา
อบอุ่น หอมหวาน และอ่อนโยน
แม้เธอไม่รู้ว่าความรู้สึกประเภทนี้คือสิ่งใด แต่สรูปได้ว่าเธอชื่นชอบอย่างยิ่ง
ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ รู้สึกเพียงมือของพญายม ค่อยปล่อยมือเล็กที่บาดเจ็บของเธอลง เมื่อมือใหญ่ที่อบอุ่นคลายออก เล่อเหยาเหยาพลันรู้สึกผิดหวังในใจ
ทว่าเธอไม่คิดให้มากความ เพราะเมื่อเห็นเสื้อผ้าของพญายมยังเปียกชื้น ในใจอดตกใจขึ้นอีกครั้งไม่ได้ ก่อนรีบเอ่ยขึ้นว่า
“ท่านอ๋อง บนตัวของท่านบาดเจ็บที่ใดหรือไม่ บ่าวช่วยทายาให้ดีกว่า!”
โอ้ เธอเสียสติไปแล้ว เมื่อครู่น้ำชาร้อนขนาดนั้นสาดลงไป พญายมต้องถูกลวกแน่นอน ควรจะทำเช่นไรดี!
พอคิดถึงตรงนี้ บนใบหน้างดงามของเล่อเหยาเหยา พลันถูกแทนที่ด้วยความวิตกกังวล
ต้องโทษเธอ!
หากเมื่อครู่เธอไม่ตกใจรุนแรงเช่นนั้น ก็คงไม่ทำถ้วยชานั้นหก ชานั้นก็คงไม่สาดลงบนตัวของพญายม
หากพญายมถูกลวกเข้าจริง เธอต้องถูกทำโทษแน่
ยิ่งคิด คิ้วเข้มน่ามองของเล่อเหยาเหยา แทบขมวดเป็นปม
แต่ขณะที่เล่อเหยาเหยากำลังกังวล พญายมเห็นใบหน้าเล็กร้อนรนของเธอ ดวงตาเย็นชากลับเป็นประกายวาบขึ้น พลันเอ่ยปากขึ้น
“เจ้าเป็นห่วงข้าหรือ!”
“เอ่อ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของพญายม ใบหน้างามของเล่อเหยาเหยาตะลึงเล็กน้อย ก่อนพูดอะไรไม่ถูก
เห็นเพียงเวลานี้พญายมคล้ายคนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ นั่งนิ่งเงียบอบู่ตรงนั้น ดวงตาเย็นชาล้ำลึกคู่นั้น มองมายังเธอ คล้ายจากสีหน้าของเธอ สามารถเห็นถึงสิ่งที่เขาต้องการ
สำหรับพญายมเวลานี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาสงสัยในใจ ทว่าเธอพยักหน้าตามจริง ก่อนเอ่ยตอบกลับไปว่า
“แน่นอน”
“ฮ่า ๆ ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา พญายมพลันหัวเราะออกมา
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เวลานี้ ในใจพลันผ่อนคลายลง
เมื่อครู่สำหรับการถอยหลังอย่างตื่นตระหนกของเล่อเหยาเหยา คล้ายกับต่อต้านการสัมผัสใกล้ชิดกับเขาอย่างรุนแรง สำหรับเรื่องนี้ ทำให้เขาโมโหในใจไม่หยุด
ทว่าตอนนี้ เมื่อเห็น ‘เขา’กังวลในตน ทำให้ความโมโหในใจของเขา สลายไปทั้งหมด
ในใจพรั่งพรูความหวานชื่นออกมา คล้ายอาบไปด้วยน้ำผึ้ง ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋อารมณ์ดีไม่หยุด
ทันใดนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋คล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ ดวงตาเย็นชาเป็นประกายชั่วขณะ ก่อนพลันเอ่ยขึ้นว่า
“ดียิ่ง”
“เอ๋!”
ดียิ่งหรือ! หมายความเช่นไร!
สำหรับแววตาตอนนี้ของพญายาม กลับทำให้เล่อเหยาเหยาสงสัย
ทว่าเธอกลับรู้ว่า เวลานี้พญายมอารมณ์ดีอย่างยิ่ง
เห็นบนใบหน้าหยิ่งยโสโอหังนั้น เวลานี้ยิ้มกว้าง
รอยยิ้มนั้นดุจมีหิมะพันปีก่อตัวขึ้น กวัดแกว่งไอร้ายออกไป ทำให้จิตวิญญานเต็มไปด้วยสีสัน