สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 129.1 เจ้าคือผู้หญิง (1) (รีไรท์)
สำหรับเรื่องกัดหน้าอกพญายม ทำให้ภายในหัวเล่อเหยาเหยาเกิดเสียง ‘ตูม’ขึ้น ก่อนพลันมีไอร้อนทะลักขึ้นมาจากหัวใจตรงสู่เหนือศีรษะ
สายตามองชายหนุ่มตรงหน้า แฝงความตกตะลึงและขวยเขิน คำพูดที่เอ่ยดูตะกุกตะกัก
“ทะ…ท่านอ๋อง!”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยปาก และตกใจกับการกระทำที่ฉับพลันของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มเอาแน่เอานอนไม่ได้นี้ คิดจะทำสิ่งใดกันแน่!
อีกทั้ง ดวงตาดำสนิทของเขา ดูเฉลียวฉลาดดุจกระบี่คมกริบ ราวกับสามารถมองทะลุคนไปทั้งตัว
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยากังวลในใจ
หรือความจริงพญายมรู้แล้วว่าเธอคือผู้หญิง!
พอคิดถึงตรงนี้ ความสิ้นหวังพลันกระจายจากใจออกมา กระทั่งสายตาที่เล่อเหยาเหยามองเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ก็เปี่ยมไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว ท่าทางนั้นคล้ายกระต่ายน้อยที่ได้รับความตกใจ ส่วนเขาคือหมาป่าตัวใหญ่ที่เธอหวาดกลัว
พอเห็นภาพตรงหน้านี้ ทำให้ใจของเหลิ่งจวิ้นอวี๋อดขมขื่นไม่ได้
สุดท้ายเมื่อใด ‘เขา’จึงจะไม่ระแวงและหวาดกลัวตน!
เขาทำให้‘เขา’หวาดกลัวขนาดนั้นเชียวหรือ
เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดปล่อยมือใหญ่ที่เกาะกุมเล่อเหยาเหยาไม่ได้ พลันเบือนหน้าหนี ไม่มองเล่อเหยาเหยาอีก
ดวงตาเย็นชาแคบยาวคู่นั้นมองออกไปยังนอกหน้าต่าง สายตาลึกล้ำ ทำให้คนคาดเดาความในใจของเขาไม่ได้
สำหรับการเงียบขรึมของพญายม ทำให้เล่อเหยาเหยาไม่เข้าใจถึงที่มาที่ไปได้
พญายมเป็นอันใดกันแน่!
นอกจากนี้ เขารู้ว่าเธอคือผู้หญิงหรือไม่กันแน่!
จากสีหน้าเรียบเฉยของเขา ยากที่จะคาดเดาสิ่งใดจากใบหน้าเขาได้เสียจริง
ใจของเล่อเหยาเหยาสั่นไหวขึ้นอีกครั้ง ไม่สบายใจ และหวาดกลัวจนสั่นเทา
สุดท้ายเล่อเหยาเหยากังวลในใจ เม้มริมฝีปากแดงแน่น ไม่พูดจา ส่วนเหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็ไม่รู้ว่ากำลังขบคิดสิ่งใด สายตามองออกไปนอกหน้าต่าง และก็ไม่เอ่ยปากพูดเช่นกัน
เมื่อทั้งสองคนภายในห้องไม่พูดจา ก็ทำให้ภายในห้องเปลี่ยนไปเป็นเงียบงัน
แสงอาทิตย์ยามบ่าย สาดส่องแสงสีทอง เล็ดรอดเข้ามาภายในห้อง
ทำให้ทั่วห้องเปลี่ยนไปส่วางไสวจนไร้ที่เปรียบเทียบ
ลมเย็นที่โชยมา ก็พัดเข้ามาจากหน้าต่างบานสลักที่เปิดอ้าไว้นั้น จนผ้าม่านพลิ้วไหว หนังสือบนโต๊ะก็พลิกตลบไปตามสายลมไม่หยุด
ภายในห้องกลับเงียบสนิท ราวกับเสียงเข็มตกบนพื้นก็สามารถได้ยิน
สำหรับความเงียบเวลานี้ ทำให้ใจเล่อเหยาเหยายิ่งกระวนกระวาย และรู้สึกว่าบรรยากาศเวลานี้ แปลกประหลาดเสียจริง
อีกทั้ง ใจของเธอตอนนี้กังวลอยู่ตลอด เพราะไม่มีคำตอบ เธอจึงไม่อยากคิดฟุ้งซ่านเช่นนี้ต่อไป เพราะไม่ใช่วิธีที่ดี! เจ็บยาวมิสู้เจ็บสั้น เธอยังจำเป็นต้องเอ่ยถามให้ได้คำตอบที่ดีที่สุด
แม้พญายมจะรู้ว่าเธอคือผู้หญิงจริง และลงโทษเธอ เธอก็จะยอมรับ
อย่างมากถูกตัดศีรษะในดาบเดียวสิ้นชีวิต หากเธอตายไปแล้ว อาจกลับไปสู่ยุคปัจจุบันก็ได้!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยากัดฟันแน่นครู่หนึ่ง สูดหายใจเข้าลึก จากนั้นรวมรวบความกล้าทั้งหมด เงยหน้าเล็กขึ้นมองไปยังพญายมที่ไม่ได้มองมายังตนเอง พลางเอ่ยว่า
“ทะ…ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ เมื่อคืนนอกจากที่บ่าวกัดท่านอ๋องและอาเจียนใส่ท่านอ๋องแล้ว ยังมีสิ่งอื่นที่ท่านอ๋องรู้อีกหรือไม่”
“รู้สิ่งใด”
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่ไม่พอใจ หลังได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา อดเอียงหน้าไม่ได้
ชายหนุ่มยืนอยู่ตรงหน้าต่าง แสงแดดสีทองที่สาดเต็มลายฉลุบนหน้าต่างนั้น เคลื่อนไปตามใบหน้าของเขา ทำให้ใบหน้าของเขาดูสดใสมีมิติยิ่งขึ้น มีเสน่ห์ชวนหลงใหล!
แม้กลิ่นอายบนตัวเขาจะเย็นชาทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน แต่ชายหนุ่มสูงศักดิ์ที่ยืนอาบแดดอยู่นั้น ก็หล่อเหลาดุจเทพเซียน ความงามสง่าสูงส่ง กลับอยู่ในตัว ทำให้คนมิอาจดูแคลน
น้ำเสียงของชายหนุ่มแฝงด้วยความสงสัย ทำให้เล่อเหยาเหยากัดริมฝีปากล่างครู่หนึ่ง กลับไม่รู้ตัวว่าควรพูดเช่นไรถึงจะดี
เพราะเธอตอนนี้ ยังไม่แน่ใจว่าภาพอันเลือนรางในสมองของเธอคือความจริงหรือไม่ หรือเธอกำลังฝัน
หากเธอถามความจริงออกไป พญายมความจริงยังไม่รู้เรื่องสถานะผู้หญิงของเธอ มิใช่เธอขุดหลุมฝังตนเองหรือ!
หลังคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาร้อนรนวิตกในใจ เพราะร้อนรนหงุดหงิดใจ ใบหน้าเล็กที่งดงามจึงยับยู่
ส่วนเหลิ่งจวิ้นอวี๋เมื่อเห็นสีหน้ายุ่งเหยิงของเล่อเหยาเหยา กลับอดแปลกใจไม่ได้
เด็กผู้นี้ถูกเรื่องใดทำให้ยุ่งยากใจกัน!
“เจ้าอยากรู้สิ่งใด”
สำหรับสีหน้าผิดปกติของเล่อเหยาเหยา ทำให้ดวงตาเย็นชาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋เป็นประกายชั่วขณะ ก่อนเอ่ยถามขึ้น
“เอ่อ คือว่า…”
เมื่อได้ยินคำถามของพญายม และมองใบหน้าทรนงดุจน้ำแข็งหมื่นปีตลอดเวลานั้น เล่อเหยาเหยากันฟัดแน่นครู่หนึ่ง ทันใดนั้น จึงฉุกคิดขึ้นได้ ดวงตาคู่งามเป็นประกาย พลันเอ่ยปากว่า
“คือเช่นนี้ขอรับ บนตัวบ่าวมีแผลเป็นที่น่ารังเกียจอยู่ ไม่รู้ว่าเมื่อคืนท่านอ๋องเห็นมันหรือไม่”
หากพญายมรู้ว่าเธอคือผู้หญิงจริง ต้องเข้าใจว่าเหตุใดเธอจึงต้องเอ่ยเช่นนี้ และกำลังกังวลสิ่งใด
หากพญายมไม่รู้ว่าเธอคือผู้หญิง เธอพูดเช่นนี้ออกไป เขาต้องไม่สงสัยสิ่งใดแน่
หลังเล่อเหยาเหยาเอ่ยประโยคนี้จบ ดวงตาคู่งามแฝงความวิตกกังวลนั้น จับจ้องไปยังพญายมไม่ให้พลาดทุกอารมณ์ความรู้สึกใดบนใบหน้าของเขา
เห็นเพียงพญายมหลังได้ยินประโยคนี้ของเธอ เพียงขมวดคิ้วน่ามองเล็กน้อย พลันเอ่ยขึ้นว่า
“แผลเป็นน่าเกลียดหรือ แผลเป็นสิ่งใด!”
“เอ้อ คือว่า…”
เห็นสีหน้าสงสัยของพญายม เล่อเหยาเหยาถอนหายใจอย่างโล่งอก
เพราะอารมณ์ของพญายมนี้ ทำให้เธอมั่นใจว่าพญายมไม่ได้ล่วงรู้ความลับว่าเธอคือผู้หญิง
แต่หากไม่ใช่พญายม เมื่อคืนคนที่ถอดเสื้อผ้าให้เธอคือผู้ใดกันแน่!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยายุ่งยากกังวลใจอีกครั้ง
หากรู้ว่าดื่มสุราแล้วจะก่อเรื่องใหญ่เช่นนี้ ตีเธอให้ตายก็ไม่ดื่มสุราเป็นแน่
ขณะเล่อเหยาเหยาหงุดหงิดใจ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ยังรอคำตอบของเธออยู่
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาพลันตกใจ คิดไม่ออกว่าจะหาข้ออ้างใดเอ่ยกลบเกลื่อนออกมา
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงเพียงกัดริมฝีปากล่างแน่น สีหน้าอึดอัด ทว่ากลับไม่เอ่ยเหตุผลใดออกไป
เห็นสายตาคมกริบของพญายม ใจเล่อเหยาเหยายิ่งวิตกกังวล
ตรงข้ามกับเล่อเหยาเหยาที่วิตกกังวลไม่หยุด ภายในสมองของเหลิ่งจวิ้นอวี๋พลันพรั่งพรูคำพูดที่หนานกงจวิ้นซีเคยกล่าวไว้ครั้งที่แล้วขึ้นมา
ว่ากันว่าเหล่าคนมีเงินทอง ชื่นชอบซื้อเด็กผู้ชายหน้าตาจิ้มลิ้มกลับไปเป็นที่สุด จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าพวกเขา ลงมือทารุณพวกเขา
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋คล้ายเข้าใจถึงบางอย่าง ดวงตาเย็นชาปรากฏความเจ็บปวดวาบขึ้นมา ไม่รอให้เล่อเหยาเหยาเอ่ยปาก พลันเอ่ยว่า
“เจ้าวางใจ เสื้อผ้าของเจ้าล้วนติดอยู่บนร่างกายเจ้าตลอดเวลา ดังนั้น ข้าจึงไม่เห็นรอยแผลเป็นใดๆ ของเจ้า”
“จริงหรือ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของพญายม ใบหน้าจิ้มลิ้มของเล่อเหยาเหยาตะลึงงัน พลันดวงตาคู่งามก็เบิกกว้าง แววตาทั้งแปลกใจและดีใจ
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋ยิ่งมั่นใจในความคิดของตน
ดูแล้วเมื่อก่อน ‘เขา’คงถูกคนจิตวิปริตพวกนั้นทารุณจริง
พอคิดถึงตรงนี้ ในใจเหลิ่งจวิ้นอวี๋เย็นเฉียบ สองมือที่ซ่อนอยู่ภายในชายเสื้อกำหมัดแน่น พลางคิดในใจว่า
อย่าให้เขารู้ว่าผู้ใดรังแก‘เขา’ มิฉะนั้นเขาต้องทำให้คนพวกนั้นรับรู้ว่าสิ่งใดคือการตายทั้งเป็น!
ขณะเหลิ่งจวิ้นอวี๋คิดในใจ ทางด้านเล่อเหยาเหยานั้น เพราะได้รับคำตอบของพญายม จึงรู้ว่าเขายังไม่รู้ความลับของตน จึงโล่งอกอย่างที่สุด
โชคดีนัก!
ท่านเทพคุ้มครอง!
มิฉะนั้นวันนี้เธอยากที่รอดพ้นได้แน่
แต่หากไม่ใช่พญายม เมื่อคืนคนที่ถอดเสื้อผ้าเธอ คือผู้ใดกันแน่!
เมื่อคืนเธอไปดื่มสุราที่โรงเตี๊ยมหลูอวี้กับตงฟางไป๋และหนานกงจวิ้นซี เช่นนั้นตอนนี้ นอกจากพญายมแล้ว มีเพียงสองคนนี้
…
เวลาเที่ยงวัน พญายมถูกไทเฮาให้ขันทีจากในวังหลวงมาเชิญให้เข้าไปพบ ไม่รู้เพราะเรื่องใด
เมื่อพญายมเข้าวังหลวง เล่อเหยาเหยาไม่พักผ่อน รีบร้อนไปที่ตำหนักของหนานกงจวิ้นซี คิดซักถามเรื่องที่ตนอยากรู้ให้ชัดเจน ทว่าเมื่อไปถึงขันทีน้อยในตำหนักหนานกงจวิ้นซีเอ่ยว่า เขายังหลับอยู่ ยังไม่ตื่นขึ้นมา
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาเพียงไปขอป้ายออกจากวังจากหัวหน้าขันทีลี่ ก่อนตรงไปที่โรงหมอของตงฟางไป๋
โรงหมอที่ตงฟางไป๋เปิดอยู่ไม่ไกลจากวังอ๋อง รวมทั้งเล่อเหยาเหยาเพิ่มความเร็วของฝีเท้าด้วยการวิ่งไป ไม่นานก็มาถึงโรงหมออันดับหนึ่ง
เห็นเพียงเวลานี้ในการจัดเตรียมโรงหมออันดับหนึ่ง แม้จะใช้เวลาไม่นาน แต่เพราะเพียบพร้อมด้วยกำลังคนกำลังทรัพย์ ดังนั้นจึงจัดเตรียมได้อย่างพร้อมสรรพ
อีกไม่กี่วัน หลังได้ฤกษ์ที่ดีจะเปิดอย่างเป็นทางการ
เวลานี้ เพราะโรงหมอยังไม่ได้เปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อเล่อเหยาเหยาเดินเข้ามาในโรงหมอ ก็เห็นเพียงคนรับใช้กลุ่มหนึ่งกำลังทำความสะอาดอยู่
ดวงตาคู่งามกวาดมองไปรอบด้าน เล่อเหยาเหยาตามหาเงาร่างคุ้นตาที่สวมชุดขาวไม่เจอ ดังนั้นจึงอดหันไปเอ่ยถามคนรับใช้ผู้หนึ่งที่อยู่ด้านข้างไม่ได้
“เสี่ยวถัง ท่านหมอไป๋อยู่ที่ใดหรือ!”
“โอ ท่านมาหาท่านหมอไป๋หรือ ตอนนี้เขาอยู่ที่ด้านหลัง” เมื่อได้ยินคำถามของเล่อเหยาเหยา เสี่ยวถังพลันตอบขึ้นทันที
“อืม ขอบใจเจ้ามาก”
เมื่อได้ยินคำตอบและหลังจากทักทายกับเสี่ยวถัง เล่อเหยาเหยารีบตรงไปที่ด้านหลังทันที