สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 132.1 พี่ไป๋ช่างเป็นคนดี (1) (รีไรท์)
ยามซวี พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว
เห็นเพียงเวลานี้ พระจันทร์ลอยเหนือยอดหลิว หมู่ดาวระยิบระยับ
กลางคืนในฤดูร้อน ดุจใบหน้างดงามของหญิงสาว ร่าเริงแฝงความงามเพริศพริ้ง คึกครื้นน่าประทับใจ!
แต่ใต้แสงจันทร์สว่างสดใส ทางทะเลสาบซีหูกลับคึกคักอย่างหาที่เปรียบเทียบไม่ได้
เห็นเพียงริมฝั่งของทะเลสาบซีหู บนถนนยาวเส้นนั้น เรียงรายเต็มไปด้วยแผงลอย
และบนแผงลอยพวกนั้น มีขายผลไม้เชื่อม ขายปิ้งย่าง ขายอาหารผัดทอด
มีหลากหลายประเภท จนทำให้ผู้คนจ้องตาไม่กระพริบ
อีกทั้งหลังมาถึงที่นี่ กลิ่นหอมที่ทำให้คนน้ำลายไหลนั้น ดึงดูพยาธิในท้องให้ส่งเสียงประท้วงขึ้นมา
เพราะเป็นบ่าวของผู้อื่น เวลานี้เล่อเหยาเหยาย่อมทำหน้าที่เป็นคนถือของ ไปซื้อของอร่อยให้พวกเขา เมื่อขึ้นบนเรือสำราญ จึงสามารถชื่นชมทิวทัศน์ พลางทานของอร่อยเลิศรสได้
ต่อมาเมื่อตงฟางไป๋เห็นเข้า ก็พลันรู้ใจออกมาเดินซื้อของไปให้ทุกคนกับเธอ สุดท้ายกระทั่งองค์ชายเจ็ดผู้สูงศักดิ์ ก็ยังมาเป็นคนช่วยถืออย่างสบายอารมณ์ยิ่ง คัดสรรของอร่อยด้วยตนเอง
เล่อเหยาเหยาเดาว่า ความจริงเขาเพียงอยากเลือกของกินที่อร่อยด้วยตนเอง
เวลานี้ เล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋ และหนานกงจวิ้นซีสามคนเดินไปด้านหน้า เพื่อซื้อของอร่อย ส่วนเหลิ่งจวิ้นอวี๋และเหนียนซูหลานเดินตามหลังพวกเขา
ระหว่างเดินทาง เหนียนซูหลานเห็นสิ่งใด ต่างตื่นเต้นดีใจอย่างยิ่ง จึงพูดคุยอย่างไม่รู้จบตลอดทาง แต่เหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับตอบเธอเพียง ‘อืม โอ้ ใช่’ ไม่กี่คำ
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่กลับไม่กระทบต่ออารมณ์ของเหนียนซูหลานแม้แต่นิดเดียว
เพราะสามารถอยู่กับพี่อวี๋ที่ตนรักได้ คล้ายคู่รักปกติที่ออกมาเดินเล่น เป็นเรื่องที่เธอวาดหวังมานานแล้ว
แม้พวกเขา จะมีคนเพิ่มมาอีกสามคน แต่ไม่เป็นไร เมื่อเธอรอพี่อวี๋มานานขนาดนี้ ก็จะไม่สนใจ รออีกต่อไปแล้ว
ดังนั้น เหนียนซูหลานและเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่เดินอยู่ด้านหลัง คนหนึ่งเอ่ยพูดไม่รู้จบ คนหนึ่งกลับนิ่งเงียบขรึม ภาพนั้นแปลกประหลาดยิ่งนัก
ตรงข้ามกับพวกเขา พวกเล่อเหยาเหยาที่เดินอยู่ด้านหน้าพวกเขา กลับแตกต่างออกไป
“อา หอมยิ่งนัก ดูคล้ายน่าจะอร่อย!”
เวลานี้ เล่อเหยาเหยาได้ยินเสียงคนขายปิ้งย่าง จึงมองไปยังแผงลอยที่กำลังย่างเนื้ออยู่ จนน้ำลายแทบไหล
ตงฟางไป๋ที่อยู่ข้างกายเธอเห็นเช่นนั้น พลันยิ้มออกมา
“เมื่อชอบก็ซื้อเยอะมากหน่อยเถิด ยังไงพวกเรามีกันหลายคน ซื้อมากหน่อยก็ไม่เป็นไร”
ตงฟางไป๋ขณะพูด สายตาที่มองเล่อเหยาเหยาปรากฏความเอ็นดูอ่อนโยนขึ้นหลายส่วน
ดวงตานั้นอ่อนโยนดุจมองคนรัก น่าเสียดายที่เล่อเหยาเหยาเวลานี้จดจ่ออยู่กับการปิ้งย่าง ไม่รับรู้แม้แต่นิดเดียว
หลังเธอได้ยินคำพูดของตงฟางไป๋ ก็ไม่เกรงใจ เอ่ยกับเถ้าแก่เจ้าของแผงลอยนั้น พลางยื่นมือชี้ออกไป
“เถ้าแก่ ย่างกุยช่าย ปีกไก่ เนื้อแพะ ลูกชิ้นปลาให้พวกเราอย่างละห้าชุด!”
“ฮ่า ๆ ได้เลย”
เมื่อเห็นลูกค้าเข้ามา เถ้าแก่เจ้าของแผงยิ้มกว้างเห็นฟัน ตาหยี มือไม่ว่างเว้นลงมือย่าง สิ่งของที่เล่อเหยาเหยาเพิ่งสั่งไปเมื่อครู่อย่างชำนาญ
ขณะเดียวหนานกงจวิ้นซีที่เดินมาจากร้านข้าวผัด ในมือมีอาหารจานเล็ก ๆ มากมาย
เห็นเล่อเหยาเหยากำลังยืนอยู่หน้าแผงร้านปิ้งย่าง จึงเอ่ยปากถามเล่อเหยาเหยาว่าซื้อสิ่งใดบ้าง
เล่อเหยาเหยาเอ่ยตามความจริงออกไป หนานกงจวิ้นซีฟังจบ ก็พยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนเอ่ยว่า
“อืม ไม่เลว พวกนี้ล้วนเป็นของที่ข้าชอบทาน คิดดูแล้ว เจ้าก็คงชื่นชอบข้าสินะ ทั้งยังสนิทสนมพอควร!”
เอ่ยจบขยิบตา ยิ้มหยอกล้อเล่อเหยาเหยา
เมื่อได้ยินคำพูดของหนานกงจวิ้นซี เล่อเหยาเหยากลับมองเขาอย่างเหยียดหยามโดยไม่เกรงใจ ก่อนเอ่ยอย่างจนใจว่า
“ของพวกนี้ทุกคนต่างชื่นชอบทาน ท่านเข้าใจหรือไม่!”
จริงๆ เลย พูดราวกับเธอชื่นชอบเขามากมาย
ขณะที่เล่อเหยาเหยาก่นด่าในใจ หนานกงจวิ้นซีกลับไม่สนใจคำพูดของเล่อเหยาเหยาแม้แต่นิดเดียว และยังยืนหัวเราะอยู่ข้างกายเล่อเหยาเหยาด้วย
ตอนนี้แม้จะเป็นเวลากลางคืน แต่ริมฝั่งของทะเลสาบซีหูกลับเต็มไปด้วยผู้คนขวักไขว่เช่นเดิม เขากลัวคนพวกนั้นจะเบียดเสียดคนตัวเล็กตรงหน้านี้ ดังนั้น จึงใช้ร่างกายตนบดบังปัญหาที่ไม่จำเป็นให้กับคนตรงหน้าอย่างใส่ใจ
สำหรับความใส่ใจของหนานกงจวิ้นซี เล่อเหยาเหยาไม่รับรู้ เพราะใจเธอจดจ่ออยู่กับการปิ้งย่าง และกลิ่นหอมที่โชยออกมาไม่หยุด ทำให้เล่อเหยาเหยากลืนน้ำลายตลอดเวลา
ดูแล้วน่าอร่อยเสียจริง!
เวลานี้ของปิ้งย่างก็เพิ่งย่างสุกพอดี หลังจากตงฟางไป๋จ่ายเงิน เล่อเหยาเหยาพลันยื่นมือออกไปจะหยิบของปิ้งย่าง
ทว่ามือใหญ่เรียวยาวคู่หนึ่ง กลับเร็วกว่าเธอหนึ่งก้าว
“ข้าถือให้เอง”
“ฮ่า ๆ ขอบคุณพี่ไป๋”
เมื่อได้ยินคำพูดของตงฟางไป๋ ดวงตาเล่อเหยาเหยาอดโค้งขึ้นไม่ได้ ก่อนยิ้มแย้มออกมา
ไม่รู้เพราะรู้ความลับว่าเธอคือผู้หญิงหรือไม่ วันนี้ตงฟางไป๋จึงเป็นสุภาพบุรุษและใส่ใจเธอเช่นนี้
สำหรับความใส่ใจของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยากลับมีความสุขอย่างยิ่ง
เพราะเธอฝันมานานว่า อยากจะมีพี่ชายเหมือนกับตงฟางไป๋ ที่ทะนุถนอมเธอ ปกป้องเธอ และอ่อนโยนเอาใจใส่ ทำให้คนดุจอาบลมในฤดูใบไม้ผลิ
สำหรับคำขอบคุณของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋กลับเพียงยิ้มแย้มรับ
กลับเป็นหนานกงจวิ้นซีที่อยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นภาพตงฟางไป๋และเล่อเหยาเหยายิ้มแย้มให้แก่กัน ในใจรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาและยังสับสนในใจ
ไป๋เป็นคนดีเสมอ ล้วนอ่อนโยนใส่ใจเช่นนี้กับทุกคน ดังนั้นจึงได้รับความรัก ชื่นชอบจากเหล่าราษฎร สำหรับเรื่องนี้ เขาทราบดี
แต่ไป๋ทำดีกับเจ้าหมูน้อย คล้ายแตกต่างออกไป
แต่แตกต่างที่ใดกันแน่ เวลานี้เขากลับพูดทั้งหมดออกมาไม่ได้
ที่ทำให้เขาสับสนที่สุดคือ เจ้าหมูน้อยผู้นี้
‘เขา’ มีท่าทางนอบน้อมกับศิษย์พี่ใหญ่ สำหรับเขากลับคล้ายเป็นศัตรูคู่แค้นจากชาติที่แล้ว แต่สำหรับไป๋ ‘เขา’ กลับอยู่ด้วยอย่างมีความสุข
ดูแล้ว เสน่ห์ของไป๋มีมากเสียจริง!
พอคิดถึงตรงนี้ ทำให้เขายิ่งหดหู่ใจ
สุดท้ายเมื่อใด เจ้าหมูน้อยนี้จึงจะปฏิบัติต่อเขาเช่นเดียวกับไป๋บ้าง!
ขณะที่หนานกงจวิ้นซีพึมพำในใจ พลันได้กลิ่นเหม็นโชยมาแต่ไกล
หลังดมได้กลิ่นเหม็น ทันใดนั้นหนานกงจวิ้นซีและตงฟางไป๋อดขมวดคิ้วน่ามองไม่ได้
กระทั่งเหลิ่งจวิ้นซีที่เดินอยู่ด้านหลังพวกเขาก็ไม่ยกเว้น ขมวดคิ้วมุ่นเช่นกัน
ส่วนเหนียนซูหลานก็อดใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูก ด้วยสีหน้ารังเกียจไม่ได้
ตรงข้ามกับท่าทางรังเกียจของทุกคน เล่อเหยาเหยาหลังจากได้กลิ่นเหม็นนี้ ดวงตาพลันเป็นประกาย ร้องอย่างประหลาดใจขึ้นว่า
“เต้าหู้เหม็น!”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยจบ ร่างกายพลันรวดเร็วดุจลูกศร เมื่อเสียง ‘ฟิ้ว’ ดังขึ้นก็พุ่งตรงไปที่ต้นตอของกลิ่นเหม็นนั้น
ขณะวิ่ง จมูกนั้นพยายามสูดกลิ่นเหม็นอยู่ตลอดเวลา ท่าทางนั้นคล้ายสุนัขตัวน้อยที่หิวโซ ทำให้คนที่เห็นอดยิ้มไม่ได้
จากท่าทางของเล่อเหยาเหยานั้น ทำให้ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ
“เต้าหู้เหม็นหรือ นั่นคือสิ่งใด”
เมื่อได้ยินเสียงประหลาดใจเมื่อครู่ของเล่อเหยาเหยา หนานกงจวิ้นซีอดหันกลับไปเอ่ยถามตงฟางไป๋ไม่ได้