สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 145.1 เที่ยงคืนตีสามหมาป่าปรากฏตัว (1) (รีไรท์)
- Home
- สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!
- ตอนที่ 145.1 เที่ยงคืนตีสามหมาป่าปรากฏตัว (1) (รีไรท์)
“เอ่อ”
หลังได้ยินคำพูดชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาพลันหนังศีรษะชาวาบ น้ำตาตกใน สีหน้าดูหมดคำพูด
เพราะเธอไม่ได้ยั่วยวนเขาจริงๆ ! สายตาเขามองเช่นไร จึงได้คิดว่าเธอกำลังใช้สายตาดึงดูดยั่วยวนเขา!
สมกับเป็นพญายม ความคิดไม่เหมือนกับคนทั่วไป
แม้ในใจจะคิดเช่นนี้ เล่อเหยาเหยายังส่ายหน้าดุจคลื่น ก่อนรีบร้อนเอ่ยขึ้น
“ไม่ ไม่ใช่”
“ฮ่า ๆ เปิ่นหวางเพียงล้อเจ้าเล่น เจ้าจำต้องกังวลขนาดนั้นเชียวหรือ”
“เอ่อ”
เอาเถิด ดูแล้วคืนนี้พญายมไม่รู้หัวเราะกี่ครั้งแล้ว เล่อเหยาเหยาแม้จะเอานิ้วเท้าคิด ก็รู้ว่าวันนี้ท่านอ๋องอารมณ์ดีอย่างยิ่ง อย่างน้อยก็เย้าแหย่เธอไม่หยุด!
สุดท้าย เล่อเหยาเหยาอดยิ้มเพื่อเอาใจเขาไม่ได้
“ท่านอ๋องอารมณ์ดีจริง”
เล่อเหยาเหยาหัวเราะฮ่าๆขึ้นมา ก่อนเห็นชายหนุ่มก้าวเข้ามาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ เธอจึงตกใจจนขนลุกชัน สายตาที่มองชายหนุ่ม แฝงด้วยความระแวง
พญายมเข้ามาประชิดเธอไม่หยุด คิดจะทำสิ่งใด!
หรือคืนนี้ที่พระจันทร์เต็มดวง เจ้าจะแปลงกาย!
ขณะตกใจในใจ หูพลันได้ยินเสียงเห่าหอนของหมาป่าจากที่ห่างไกลขึ้นมาพอดี
บรู๊ว …
นั่นมาจากภูเขาด้านหลังที่ไม่ไกลจากที่นี่
เพราะด้านหลังกำแพงของภูเขาสูงด้านหลัง คือหุบเขาลึก
นี่ช่างเข้ากับบรรยากาศเสียจริง
ขณะที่เล่อเหยาเหยาถอนหายใจ ชายหนุ่มเห็นเล่อเหยาเหยามีท่าทีระแวดระวัง อดยิ้มมุมปากไม่ได้ คล้ายขบขันท่าทางกระต่ายตื่นตูมของเล่อเหยาเหยา พลันเอ่ยปากขึ้น
“ไม่เชิญข้าเข้าไปนั่งในห้องหรือ”
“เอ่อ นั่งหรือ”
สำหรับคำพูดชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาหมดคำพูดอย่างที่สุด อาจเพราะเธอตามความคิดที่ไม่เหมือนคนปกติของเขาไม่ทัน!
เพราะเวลาดึกดื่นเขาไม่คิดหลับ กลับมาที่ห้องพักของเธอ
เธอไม่คิดง่ายดายว่าเขาจะเพียงนั่งเท่านั้น
เสียงเห่าหอนของหมาป่าที่อยู่ไม่ไกลเมื่อครู่ดังขึ้นอีกครั้ง ราวกับส่งเสริมรูปลักษณ์ของชายหนุ่มตรงหน้านี้ ทำให้เล่อเหยาเหยากังวลใจไม่หยุด
กระทั่งมือที่เดิมที่กอดบนหน้าอกจึงบีบรัดแน่นขึ้น
เธอตอนนี้ รู้เพียงไม่อาจให้ชายหนุ่มตรงหน้าเข้าไปเด็ดขาด
แม้ตอนนี้จะดึกดื่นไร้ผู้คน พวกเขาเป็นบุรุษและและเป็น ‘บุรุษ’ ไร้ครอบครัว รวมทั้งบนเตียงของเธอก็ยังมีคนอยู่ด้วย!
หากถูกพญายมรู้ว่าเธอซ่อนหนานกงจวิ้นซีไว้บนเตียง เขาจะคิดและรู้สึกเช่นไร!
ถึงตอนนั้น เธอไม่กล้าคิดเลย
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาเม้มริมฝีปากแดงแน่นครู่หนึ่ง ทันใดนั้นใบหน้าจิ้มลิ้มหาวอย่างเกินจริงขึ้นหนึ่งครั้ง ก่อนเอ่ยกับชายหนุ่มตรงหน้า
“คือว่า ท่านอ๋อง บ่าวง่วงมาก อีกทั้งห้องของบ่าวไม่เรียบร้อยอย่างมาก กลัวจะทำให้ท่านอ๋องรับไม่ได้ จึงไม่เชิญท่านอ๋องเข้าไป ท่านอ๋องกลับไปพักที่ห้องเถิด ราตรีสวัสดิ์”
เล่อเหยาเหยาหัวเราะ หลังเอ่ยประโยคนี้จบ ยื่นมือดึงประตูไม้ คิดปิดประตูลง
คิดไม่ถึง ชายหนุ่มกลับคล้ายพยาธิในท้องเธอ รวดเร็วกว่าเธอหนึ่งก้าว แทรกตัวเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว
จากนั้น ยังมีคำพูดแฝงหยอกล้อของชายหนุ่มดังขึ้น
“เหตุใดดูรีบร้อนให้ข้าจากไป หรือเจ้าซ่อนชายหนุ่มไว้ในห้อง!”
เสียง ‘ตูม’ ดังขึ้น พร้อมคำพูดของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงฟ้าผ่าลงมา จนร่างกายเธอแตกออกเป็นเสี่ยง
ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง ภายในแววตาปรากฎความตกตะลึงแวบขึ้นมา
คำพูดนี้ของพญายมหมายความเช่นไร!
หรือเขารู้ว่าหนานกงจวิ้นซีอยู่ที่นี่จึงตั้งใจพูดเช่นนี้!
พอคิดถึงตรงนี้ ใจของเล่อเหยาเหยาเต้นระรัวเร็วยิ่งขึ้น คล้ายจะกระเด็นออกมา
โดยเฉพาะเมื่อเห็นชายหนุ่มพลางพูด พลางเดินไปยังข้างเตียงอย่างช้าๆ
แม้เขาจะก้าวเดินอย่างช้าๆ แต่ในสายตาของเธอเวลานี้ กลับดุจสายฟ้าฟาด เพราะทุกย่างก้าวของเขา คล้ายจู่โจมเข้าไปในใจเธออย่างรุนแรง
เห็นเช่นนั้น เล่อหยาเหยาว้าวุ่น กลัดกลุ้มใจ เธอรู้เพียงว่าตนจะให้พญายมเดินต่อไปไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้น เพียงเขาเลิกม่านออก จะพบว่าหนานกงจวิ้นซีอยู่บนเตียงของเธอ
เวลานั้นแม้เธอจะกระโดลงแม่น้ำเหลืองก็ล้างมลทินไม่ได้!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาไม่รู้ว่าเหตุใดตนต้องหวาดกลัวพญายมจะเข้าใจผิดเธอ
เธอรู้เพียงจะให้พญายมเข้าใกล้ข้างเตียงไม่ได้
หลังนึกถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาตั้งใจเดินเข้าไป ก่อนพลันร้องอย่างตกใจที่ดูเหมือนเกินจริงขึ้นมา
“อ๊า”
หลังเสียงตกใจนั้นของเธอดังขึ้น เธอเห็นเก้าอี้อยู่ด้านข้าง จึงกัดฟันตั้งใจล้มกระแทกลงไป
เสียง “เคร้ง” ดังขึ้นพร้อมเล่อเหยาเหยาที่ใบหน้าพลันขมวดมุ่น เจ็บปวดอย่างสุดบรรยาย
นี่เจ็บปวดจริง!
เมื่อครู่ร้อนใจมาก จึงออกแรงเกินไป
แม้จะปวดเข่าอย่างหนัก แต่กลับหยุดไม่ให้ชายหนุ่มเดินไปที่ข้างเตียงได้สำเร็จ
หลังจากได้ยินเสียงตกใจของเล่อเหยาเหยา ชายหนุ่มที่หันกลับมาย่อมเห็นภาพที่เล่อเหยาเหยาล้มกระแทกลงบนเก้าอี้นั้น
แม้จะยับยั้งไม่ทัน แต่กลับรับตัวเล่อเหยาเหยาที่ล้มลงไว้ได้
“เจ้าเป็นเช่นไร อยู่ดีๆ เหตุใดจึงล้มกระแทกเก้าอี้ได้”
หลังรับตัวอ่อนปวกเปียกของเล่อเหยาเหยาไว้ได้ ก้มลงมองเห็นท่าทางกัดฟันสูดปากเพราะเจ็บปวดของเธอ เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงพลันขมวดคิ้วทันที
ภายในน้ำเสียงแฝงด้วยการตำหนิ ทว่ากลับปิดบังความเจ็บปวดไว้ไม่ได้
แต่เล่อเหยาเหยาเวลานี้ไม่รับรู้ถึงเรื่องนี้ เพราะเจ็บปวดที่เข่าของเธอจึงเพียงร้อง ‘โอ๊ย’ สูดลมหายใจครวญคราง
“บะ…บ่าวเมื่อครู่มองไม่เห็น”
เล่อเหยาเหยาพูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงดูไม่ได้รับความเป็นธรรมเจ็ดส่วน แสร้งโมโหสามส่วน
แน่นอนว่าการแสร้งโมโหนี้ตัวเธอไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด
เธอไม่รู้ตัว ขณะเผชิญหน้ากับชายหนุ่มตรงหน้า ต้องค่อยๆ ออดอ้อน
ทว่าแม้เธอจะไม่รู้ตัว แต่ไม่ได้รวมถึงคนอื่น
เมื่อเห็นใบหน้าประณีตของเล่อเหยาเหยาขมวดแน่นเพราะเจ็บปวด ดวงตาสดใสคู่งามนั้น เวลานี้ปกคลุมด้วยชั้นหมอก ใต้เสียงเทียนสว่างไสว กระพริบไปมาอย่างน่าประทับใจ
รวมทั้งสีหน้าไม่ได้รับความธรรมและออดอ้อนของเธอ ทำให้เธอดูราวกับสุนัขตัวน้อยน่าสงสาร น่าเห็นใจอย่างยิ่ง!
เห็นเช่นนั้น ดวงตาเหลิ่งจวิ้นอวี๋อดเป็นประกายครู่หนึ่งไม่ได้ ใจก็อ่อนลงหนึ่งส่วน
“เมื่อมองไม่เห็น ยังขยับส่งเดช ดูสิเวลานี้หกล้มแล้ว คงเจ็บปวดมากสินะ ขอเปิ่นหวางดูหน่อย”
หลังคำพูดของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาตะลึงงันอย่างที่สุด
เพราะเวลานี้เขาคือพญายมที่สังหารคนโดยไม่กระพริบตาจริงหรือ!
หากเป็นก่อนหน้านี้ ตีเล่อเหยาเหยาให้ตายเธอก็ไม่เชื่อ พญายมที่เย็นชาไร้ความรู้สึกจะมีมุมอ่อนโยนเช่นนี้
เพราะชายผู้นี้ ครั้งแรกที่เธอพบกับเขา ภาพที่เขาคนเดียวใช้มือสังหารโจรภูเขากว่าสิบคน เธอยังจดจำได้อย่างชัดเจน!
ภาพนองเลือดนั้น บนพื้นเรียงรายด้วยศพ มือแขนถูกตัดขาด ลำไส้ทะลักจากหน้าท้อง สมองแตกกระจาย
แต่ชายหนุ่มตอนนี้ กลับไม่เหมือนพญายมที่เธอเจอครั้งแรก แตกต่างกันราวกับคนละคนอย่างแท้จริง
แม้น้ำเสียงจะทุ้มต่ำ แต่ยังปิดบังความอ่อนโยนในนั้นไม่ได้
แสงเทียนสลัวนอกห้อง สาดทะลุหน้าต่างบานสลักที่เปิดอ้านั้นเข้ามา ก่อนกระทบลงมาบนใบหน้าเด็ดเดี่ยวของชายหนุ่มพอดี ทำให้ใบหน้าเขาเด่นชัด เด็ดเดี่ยวคมสัน
สีหน้าเขาดูอ่อนโยนกังวลใจมากมายสุดจะบรรยาย
หาได้ยากที่จะได้รับความอ่อนโยนจากชายหนุ่มที่ดุดันเย็นชาเช่นเขา และเวลาที่เขาอ่อนโยนขึ้นมากลับ…
มีเสน่ห์ชวนหลงใหลยิ่งนัก!
เวลานี้ใจของเธอเกิดเสียงเคลื่อนไหวขึ้น คล้ายมีคนดีดส่วนลับในใจของเธอ
หัวใจเต้นระรัว
สุดท้ายมองชายหนุ่มที่ละมุนละไมตรงหน้าอย่างตกตะลึง
อาจเพราะรับรู้ถึงความผิดปกติของเล่อเหยาเหยา ดวงตาเย็นชาของชายหนุ่มอดเปล่งประกายครู่หนึ่งไม่ได้
“เป็นอันใด”
“เอ่อ มะ…ไม่มีอะไร”
ได้ยินเสียงทุ้มมีเสน่ห์ของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาจึงพลันได้สติ ก่อนแอบก้มหน้าลงกัดลิ้นของตน
เมื่อเจ็บที่ลิ้นเธอแอบก่นด่าในใจ
วันนี้ตนเป็นอันใดกันแน่ เวลานี้กลับถูกพญายมล่อลวง
สวรรค์ เธอใกล้เสียสติแล้ว
ขณะเล่อเหยาเหยาแอบคิดในใจรู้สึกเพียงร่างกายไร้น้ำหนัก ร่างกายถูกเหลิ่งจวิ้นอวี๋อุ้มขึ้น
“เอ่อ ท่านอ๋อง”
เล่อเหยาเหยากระพริบตาครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ
“เข่าเจ้าบาดเจ็บมิใช่หรือ”
เอ่ยจบ ไม่รอให้เล่อเหยาเหยาเอ่ยสิ่งใด เดินก้าวออกไป
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาก็เอ่ยปากไม่ทันแล้ว
อีกทั้งฝีเท้าของพญายมทั้งแน่วแน่และรวดเร็ว รวมทั้งห้องของพญายมอยู่ใกล้กับเธอ
ดังนั้นด้วยกำลังของเขา ภายในเพียงพริบตาเดียว เล่อเหยาเหยาจึงพบว่าตนได้นั่งอยู่บนเตียงนอนนุ่มกว้างขวางของพญายมนั้นแล้ว
ส่วนชายหนุ่มที่อุ้มเธอมาที่นี่ เวลานี้ในมือถือกระปุกขี้ผึ้งเอาไว้
ก่อนค่อยๆ นั่งลง เห็นเพียงชายหนุ่มดุจเทพเซียนนั้น เวลานี้ลดเกียรตินั่งลงข้างเท้าเธอ หลังเปิดกระปุกขี้ผึ้ง คิดพับชายกางเกงของเธอขึ้น
เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น ตกใจครู่หนึ่ง พลันคิดหลบหลีกโดยไม่คิด คิดไม่ถึงกลับเพราะออกแรงมากเกินไป จึงกระทบหัวเข่าที่บาดเจ็บ จึงทำให้เธอต้องกัดฟันสูดปากขึ้นอีกครั้ง
สำหรับท่าทางกัดฟันสูดปากของเล่อเหยาเหยา ชายหนุ่มเพียงขมวดคิ้วมุ่น ก่อนเลิกคิ้วปรายตามองเธอ แล้วเอ่ยขึ้นว่า
“ข้ามิใช่หมาป่า เจ้าจำต้องหวาดกลัวขนาดนี้เชียวหรือ”
“เอ่อ”
เมื่อได้ยิน เล่อเหยาเหยามีสีหน้าเก้อเขิน อดกัดริมฝีปากล่างไม่ได้
ทว่าในใจกลับอดกังขาไม่ได้
เขาไม่ใช่หมาป่า แต่คือพญายมที่ผู้คนหวาดกลัวยิ่งกว่าหมาป่า
แน่นอนว่าคำพูดนี้ แม้นเธอจะกล้าหาญอย่างมาก ก็ไม่กล้าเอ่ยออกไป
ขณะที่เล่อเหยาเหยากัดริมฝีปากแน่น ก็เห็นชายหนุ่มยื่นมือใหญ่ออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้เล่อเหยาเหยาไม่ได้ขัดขืน เพียงปล่อยให้ชายหนุ่มดึงขากางเกงขึ้นอย่างช้าๆ จนถึงต้นขา
จากการกระทำของชายหนุ่ม ทำให้ขาขาวดุจหิมะของเธอ ค่อยๆ เผยออกมาสู่สายตาของชายหนุ่ม
เห็นเช่นนั้น ดวงตาเย็นชาของชายหนุ่มอดเป็นประกายไม่ได้ ก่อนปรากฏความแปลกใจขึ้น
เพราะขาเล็กของคนตรงหน้า เรียวขาวเนียนอย่างมาก งดงามดุจหยกมันแพะที่จับใจคน!
เห็นเช่นนั้น ในใจเหลิ่งจวิ้นอวี๋อดสงสัยไม่ได้
ขาของชายหนุ่มผู้หนึ่ง เหตุใดน่ามองเช่นนี้!
เล่อเหยาเหยาไม่ล่วงรู้ความคิดในใจของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ จึงเห็นเพียงหลังชายหนุ่มเลิกขากางเกงขึ้น หัวเข่าได้ฟกซ้ำไปแล้ว จนต้องสูดลมหายใจอย่างตกใจ
สวรรค์!
นี่ร่างกายของเธอไม่ได้หกล้มธรรมดาแล้ว!
แม้เมื่อครู่เธอจะไม่ได้ควบคุมน้ำหนักในการกระแทกเก้าอี้ แต่ไม่น่าจะบาดเจ็บหนักเช่นนี้
ฮือๆ เธอเจ็บตัวแล้ว
หากถูกพญายมเจอตัวองค์ชายเจ็ดนั้นตั้งแต่แรกแล้วจะเป็นไร! กลับกันองค์ชายเจ็ดเป็นคนกระโดดเข้ามาในห้องเธอเอง
ทว่าตอนนี้ คิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาก็ไม่มีประโยชน์อันใด
ขณะเล่อเหยาเหยาน้ำตาตกในใจ เหลิ่งจวิ้นอวี๋เมื่อเห็นบาดแผลบนหัวเข่าของเธอ ความสงสัยที่มีเมื่อครู่ ก็พลันถูกลบหายไปทันที
คิ้วน่ามองนั้นขมวดปมอย่างรวดเร็ว
ทว่าเขาไม่ได้เอ่ยสิ่งใดขึ้นมา เพียงเปิดขี้ผึ้งนั้นออก ทันใดนั้นกลิ่นหอมของขี้ผึ้งพลันกระจายออกมา