สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 146.2 ข้าอยากจุมพิตเจ้า (2) (รีไรท์)
หลังตอบชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาต่างไม่คิดเอ่ยสิ่งใดออกมา
เห็นเพียงเวลานี้ สถานที่ที่พวกเขาอยู่คือจุดสูงสุดของต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปีในภูเขาด้านหลัง
ชายหนุ่มใช้เพียงเท้าเหยียบบนยอดกิ่งไม้
กิ่งไม้นี้เห็นชัดว่าเปราะบางอย่างยิ่ง แต่กลับไม่หักลงมา
ไม่ใช่เพราะกิ่งไม้นี้รับน้ำหนักได้มาก แต่เพราะวิทยายุทธของชายหนุ่มนี้อยู่ในขั้นสูงส่งเกินคาดเดา
ดังที่กล่าวว่ายืนบนที่สูง ย่อมมองเห็นได้ไกล
เมื่อยืนอยู่บนยอดต้นไม้อายุร้อยปีนี้ จึงเห็นวังรุ่ยอ๋องทั้งหมดทุกส่วนอยู่ในสายตา
ก่อนหน้านี้เล่อเหยาเหยาทราบมาก่อนว่าวังรุ่ยอ๋องกว้างขวาง ตอนนี้เมื่อยืนอยู่บนยอดไม้กวาดสายตามองไป จึงพบว่าวังรุ่ยอ๋องใหญ่กว่าปกติยิ่งนัก!
เห็นเพียงกำแพงสูงปูด้วยกระเบื้องสีน้ำเงินนั้น รอบล้อมวังอ๋องทั้งหมดไว้ตรงกลาง ภายในวังอ๋องเต็มไปด้วยอาคารสูงตระหง่านใหญ่อลังการ สลักภาพงดงามบนราวและเสา ศาลาอาคาร ภูเขาจำลองน้ำตก ครบถ้วนสมบูรณ์
อาคารสลับทับซ้อนนั้น งดงามไร้รูปแบบ ระหว่างนั้นยังสามารถเห็นผู้คนในวังอ๋องเดินขวักไขว่
เวลานี้ช่วงพระอาทิตย์ตกดิน โคมไฟถูกแขวนขึ้น พระอาทิตย์ที่ยุ่งมาทั้งวัน ในที่สุดเงาร่างที่เหนื่อยล้าค่อยร่วงลงมากลางชั้นเมฆทางทิศตะวันตก แต่แสงอาทิตย์สีส้มนั้น กลับทะลุผ่านชั้นเมฆสาดส่องลงมาบนพื้นดิน ทำให้ทั่วพื้นดินต่างปกคลุมด้วยคลื่นความฝันอันงดงาม
ภาพดุจบทกวีภาพวาดนี้ งดงามน่าใจหายใจคว่ำ จนยากที่จะเขียนอธิบายออกมาได้
ทำให้เล่อเหยาเหยามองจนอ้าปากค้าง แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“สวรรค์ งดงามยิ่งนัก”
เล่อเหยาเหยาจึงตะโกนขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว พลันยกริมฝีปากแดงยิ้มสดใสมีความสุขที่เบ่งบานออกมาบนใบหน้า
“สวรรค์ ท่านอ๋องงดงามเสียจริง ฮ่า ๆ”
เล่อเหยาเหยาเวลานี้ตื่นเต้นอย่างยิ่ง ดีใจจนร่างกายแทบลอยขึ้นมา
เพราะเรื่องในตอนนี้ เป็นครั้งแรกที่เธอเคยพบพานมา
ความจริงการยืนบนที่สูง สามารถมองเห็นออกไปไกลได้จริง
อีกทั้งภาพตรงหน้านี้งดงาม งดงามยิ่งนัก!
แต่ความงามในสายตาเล่อเหยาเหยา คือภาพทิวทัศน์ที่งดงามขณะพระอาทิตย์ตกดินตรงหน้า ทว่าความงามในสายตาชายหนุ่ม กลับมีเพียงคนตัวเล็กในอ้อมกอดนี้เท่านั้น
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดุจเสียงนกกระจิบเหลืองที่กังวานเบิกบานใจของคนในอ้อมกอด และรอยยิ้มตื่นเต้นไร้ที่เปรียบของเธอ เวลานี้เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้สึกว่าหัวใจที่เคยว่างเปล่าของตน พลันถูกเติมเต็มด้วยความสุข!
บางเวลาความสุขก็เกิดขึ้นมาอย่างง่ายดาย เพียงมีคนที่ชื่นชอบสามารถยิ้มอย่างดีใจได้ เช่นนั้นเขาก็อิ่มอกอิ่มใจแล้ว
พอคิดถึงตรงนี้ มุมปากเหลิ่งจวิ้นอวี๋ยกขึ้น ก่อนอุทานอย่างประหลาดใจขึ้น
“จริง งดงามยิ่ง”
ทว่าความงดงามนั้น ไม่ใช่เขาเจียงซานหมื่นลี้ ดุจบทกวีภาพวาด แต่เป็นคนตัวเล็กที่ยิ้มดุจบุปผาตรงหน้านี้
หน้าตาดุจในภาพวาด รอยยิ้มดุจบุปผา
ดวงตาของ ‘เขา’ ยามใต้แสงอาทิตย์สว่างไสวเวลานี้ ดุจรวบรวมแสงสว่างทั้งหมดบนโลกนี้เอาไว้ งดงามชวนหลงใหลและแวววาว
รอยยิ้มของ ‘เขา’ ไร้เดียงสา งดงามหวานล้ำ!
คล้ายบ่อน้ำที่ใสสะอาดที่สุด ชำระล้างใจของคน
บนตัว ‘เขา’ แม้ไร้เสื้อผ้าเครื่องประดับที่งดงาม ทว่ากลับรังสรรค์อย่างประณีตงดงาม ไร้สิ่งเจือปน แม้ทิวทัศน์ตรงหน้าจะดุจภาพวาด แต่กลับสู้หนึ่งในหมื่นของ ‘เขา’ ไม่ได้!
ยิ่งมองคนในอ้อมกอด เหลิ่งจวิ้นอวี๋ยิ่งรู้สึกว่าตนลุ่มหลงไปโดยไม่รู้ตัว
กระทั่งคิดอยากให้เวลานี้ดำเนินต่อไปชั่วฟ้าดินสลาย
ขณะเหลิ่งจวิ้นอวี๋จ้องมองเล่อเหยาเหยาอย่างรักใคร่ สำหรับสายตาเปี่ยมด้วยความรักของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยารับรู้ได้อย่างช้าๆ
ดวงตาคู่งามหันมามอง ดวงตาสองคู่จ้องมองกัน พลันสายฟ้าสวรรค์ชักนำอัคคีพสุธาดังเปรี้ยงขึ้น
เมื่อเห็นชายหนุ่มหล่อเหลาดุจเทพเซียนตรงหน้า เวลานี้กลิ่นอายเย็นชาที่ติดตัวเขาตลอดเวลาพลันสูญหายไป มีเพียงความอ่อนโยนดุจสายน้ำ
สายตาเขาดุจแฝงไปด้วยความคำพูดมากมาย จ้องมองอย่างรักใคร่นั้น ทำให้เล่อเหยาเหยาแทบจมดิ่งอยู่ในดวงตาที่อ่อนโยนของเขา
ยังมีรอยยิ้มอบอุ่นตรงมุมปากไร้เดียงสา บริสุทธิ์ดุจดอกบัวกลางสายฝน ดุจเสียงไพเราะของน้ำที่ไหลจากเขา หลิงซาน มองแล้วต่างทำให้คนอดเคลิบเคลิ้ม จนถอนตัวขึ้นมาไม่ได้
เวลานี้ใจของเล่อเหยาเหยาเต้น ‘ตึกตัก’ ดุจถูกบางสิ่งกระแทกอย่างรุนแรง จากนั้นเต้นระรัวเร็วขึ้น
นอกจากนั้นยังมีการสั่นไหวในใจที่แปลกใหม่
ขณะที่เล่อเหยาเหยามีความสุขในใจ เห็นชายหนุ่มเผยอริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนเสียงทุ้มต่ำเจ็ดส่วน น่าหลงใหลสามส่วนจะดังออกมาจากปากเขา
“ดีใจหรือไม่”
“อืม ดีใจ”
สำหรับคำพูดของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาพยักหน้าตอบรับอย่างมั่นใจ
รอยยิ้มที่มุมปากนั้น ยังคงไม่ลดลง
ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้น ไม่เพียงมุมปาก กระทั่งดวงตาเย็นชาก็โค้งขึ้น ภายในแววตาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มหลายส่วน ก่อนพลันเอ่ยถามขึ้น
“ชอบทิวทัศน์นี้หรือไม่”
“ชอบพ่ะย่ะค่ะ”
“ชอบความรู้สึกที่ยืนอยู่บนอากาศหรือไม่”
“ชอบพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้น ชอบอยู่กับเปิ่นหวางหรือไม่”
ชายหนุ่มเอ่ยถามชื่นชอบหรือไม่หลายครั้งติดต่อกัน เล่อเหยาเหยาเอ่ยปากตอบทันทีโดยไม่คิดสิ่งใด
ทว่าเมื่อชายหนุ่มเอ่ยประโยคสุดท้ายออกมา เล่อเหยาเหยาที่เดิมทีอยากเอ่ยออกมา กลับอ้าปากค้างพูดไม่ออก
ดวงตางามที่ยิ้มโค้งคู่นั้นเบิกกว้าง แววตาปรากฏความแปลกใจและตกตะลึงวาบขึ้นมา
เดิมทีเมื่อครู่พญายมเอ่ยถามหลายคำถาม เพื่อปูทางเข้าสู่คำถามนี้หรือไม่
ขณะเล่อเหยาเหยาแปลกใจ ทว่าหากพูดตามความจริง เดิมทีเวลานี้เธอชื่นชอบอยู่กับเขาจริงๆ
เป็นครั้งแรกที่ชื่นชอบเช่นนี้
แต่ขณะที่เล่อเหยาเหยาคิดในใจ กลับไม่รู้ว่าการเงียบงันเวลานี้ของตน ทำให้ชายหนุ่มไม่สบายใจเพียงใด
แม้จะสามารถอยู่กับ ‘เขา’ ทุกวัน แต่เขาต้องการความมั่นใจ
มั่นใจว่า ‘เขา’ ก็ชื่นชอบเขาเช่นกัน
เพียงเป็นเขาเท่านั้น!
แต่เวลานี้ ‘เขา’ ไม่พูดจา มันหมายความเช่นไรกันแน่ หรือ ‘เขา’ ไม่ชอบเขาหรือ!
พอคิดถึงตรงนี้ ดวงตาเย็นชาที่เดิมทีเต็มไปด้วยรอยยิ้มของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เมื่อเวลาผ่านไปก็ค่อยๆ เงียบขรึมลง
ดวงตาเย็นชาลึกล้ำ ดำขลับดุจค่ำคืน ไร้แสงแวววาว
พญายมเวลานี้กำลังผิดหวัง
แต่ขณะใจของเหลิ่งจวิ้นอวี๋มีความขมขื่นทะลักขึ้นมาหลายส่วน หูกลับได้ยินคำพูดแฝงความขวยเขินของเล่อเหยาเหยาดังขึ้น
“ชอบพ่ะย่ะค่ะ”
คำพูดของเล่อเหยาเหยามีเพียงสามคำ อีกทั้งเสียงเบาอย่างยิ่ง
แต่เวลานี้สามคำนี้กลับดุจสายฟ้าที่ฟาดเข้ามาในใจของเหลิ่งจวิ้นอวี๋
ดวงตาเย็นชาพลันเบิกกว้าง แววตาเหลิ่งจวิ้นอวี๋เปล่งประกายครู่หนึ่ง อย่างเหลือเชื่อมากมายสุดจะบรรยาย
ทันใดนั้น ริมฝีปากกระจับเผยอเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อหูว่า
“อะ…อะไรนะ”
‘เขา’ พูดว่าชื่นชอบใช่หรือไม่!
‘เขา’ หมายถึงชื่นชอบเขาหรือ!
“ฮ่าๆ”
เสียงหัวเราะสดใสเบิกบาน ดังออกมาจากปากของชายหนุ่ม
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เวลานี้กำลังดีใจ
เพราะในที่สุดเขาได้คำตอบที่ตนต้องการ
‘เขา’ พูดว่า ‘เขา’ ชอบเขา!
ตรงข้ามกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่หัวเราะเสียงสดใส เล่อเหยาเหยานอกจากมีความสุข กลับยังไม่อาจปิดบังความเขินอายไว้ได้
ทว่าในใจกลับหวานชื่น
เพราะชายหนุ่มเวลานี้ ไม่ใช่พญายมที่ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว ขนลุกขนพองเช่นเมื่อก่อนอีกแล้ว
เขาตอนนี้ยิ้มแย้มทั้งใบหน้ามุมปาก ดังเช่นชายบริสุทธิ์ผู้หนึ่ง!
เห็นเช่นนั้น รอยยิ้มที่มุมปากของเล่อเหยาเหยายิ่งกว้างขึ้น
เดิมทีเมื่อได้ยินเธอพูดว่าชื่นชอบเขา คิดไม่ถึงจะทำให้เขาดีใจเช่นนี้ ดีเสียจริง!
เล่อเหยาเหยามีความสุข จึงมีสีหน้ายิ้มแย้มอบอุ่น
หลังเห็นชายหนุ่มหัวเราะสดใสจบ กลับพลันก้มหน้าลง ดวงตาดำขลับแฝงด้วยรอยยิ้มจ้องเขม็งที่เธอ จากนั้นเอ่ยขึ้นว่า
“เปิ่นหวางอยากจุมพิตเจ้า”
เอ่ยจบ ขณะที่เล่อเหยาเหยาไม่ได้คาดคิด จุมพิตอันแข็งแกร่งก็ประกบปิดริมฝีปากเล็กดุจดอกเหมยที่อ้าค้างของเธอแล้ว
จุมพิตนี้ของชายหนุ่มร้อนแรงและลึกซึ้ง
เล่อเหยาเหยาตกใจ ทว่าครั้งนี้เธอกลับไม่ขัดขืน
เพราะเธอไม่เคยลืมว่าสถานที่ที่พวกเขาอยู่เวลานี้ คือยอดต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปีที่สูงตระหง่าน
ชายหนุ่มยังเหยียบอยู่บนยอดไม้ที่อ่อนและเปราะบาง
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอกสั่นขวัญแขวน และหวาดกลัวว่าอีกสักครู่หากชายหนุ่มเสียสมาธิ จะตกลงไปหรือไม่!
พอคิดถึงตรงนี้ ร่างกายเล่อเหยาเหยาพลันแข็งทื่อ
ขณะรับรู้ถึงความผิดปกติของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋คล้ายล่วงรู้ถึงความคิดเล่อเหยาเหยา จึงผละจากริมฝีปากเล็กของเล่อเหยาเหยา ก่อนเอ่ยอย่างแหบพร่าข้างหูเล่อเหยาเหยาว่า
“ไม่ต้องกลัว มีเปิ่นหวางอยู่ทั้งคน ตอนนี้เจ้าเพียงสนใจจุมพิตของเปิ่นหวางก็พอ”
เอ่ยจบ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ใช้มือจับบริเวณศีรษะของเล่อเหยาเหยาไว้ แขนทรงพลังอีกข้างเกาะเกี่ยวเอวเล็กของเธอไว้ ก่อนจุมพิตอย่างลึกล้ำยิ่งขึ้น
อาจเพราะทราบว่าชายหนุ่มไม่ได้ไร้สติ ความกังวลที่มีของเล่อเหยาเหยา หลังได้ยินคำพูดของชายหนุ่มก็ค่อยๆ สลายไปจนหมดสิ้น
รวมทั้งจุมพิตที่ดุดัน มุ่งมั่นนี้ ทำให้สมองเธอพลันขาวโพลน กระดูกทั่วร่างกายก็กลายเป็นอ่อนยวบลงตามจุมพิตของชายหนุ่ม จึงไม่มีสมาธิสนใจเรื่องอื่น
ดังนั้นสุดท้ายเล่อเหยาเหยาเพียงจุมพิตตอบกลับชายหนุ่มอย่างมุ่งมั่น!
กลับกันชายหนุ่มที่สุภาพกลับดุดัน ทำให้เธอมิอาจขัดขืน!
เมื่อขัดขืนไม่ได้ เช่นนั้นเธอจึงเลือกยอมรับ!
พอคิดถึงตรงนี้ สองมือเล่อเหยาเหยาค่อยๆ โอบกอดเอวคอดแข็งแรงของชายหนุ่ม ลิ้นเล็กก็คล้อยตามการกระทำของชายหนุ่ม ตอบรับชายหนุ่มอย่างช้าๆ
จุมพิตนี้ ดุจทะเล เหือดแห้งก้อนหินแตกสลาย พื้นดินแก่เฒ่าท้องฟ้าทรุดโทรม มิอาจเปลี่ยนแปลงความรักของเรา
ลมยังพัดโชยอย่างรุนแรงเช่นเดิม แต่เล่อเหยาเหยากลับรู้สึกว่าเวลานี้ตนถูกล้อมรอบด้วยความสุข
เมื่อชายหนุ่มผละออกจากริมฝีปากเธอ เรี่ยวแรงทั่วร่างกายของเล่อเหยาเหยาถูกสูบออกไปจนหมด
เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มแฝงด้วยความพอใจ เล่อเหยาเหยาใจสั่นไหว สองแก้มแดงก่ำ ก่อนก้มหน้าลงอย่างเขินอาย
ทว่าขณะเดียวกัน กลับได้ยินน้ำเสียงแหบพร่าของชายหนุ่มดังขึ้น
“เมื่อครู่ เจ้าเอ่ยว่าอยากบินทะยานมิใช่หรือ เช่นนั้นตอนนี้ เปิ่นหวางจะพาเจ้าบิน”
หลังคำพูดของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงแน่นที่เอว ทันใดนั้นร่างกายก็…
บินทะยานขึ้น!
ราวกับนกน้อยที่กางปีก!
…………………………………………….