สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 157 อาบน้ำด้วยกัน (2)
เล่อเหยาเหยาในคืนนี้ เพราะถูกเหลิ่งจวิ้นอวี๋ทำให้ตกใจ จึงวิตกกังวล สับสนวุ่นวาย หงุดหงิดไม่สบายใจ
เมื่อกลับมาถึงห้องพักตน จึงปิดประตูหน้าต่างอย่างรวดเร็วก่อนพึมพำกับตนเองอย่างอกสั่นขวัญแขวนว่า
“สวรรค์ เขาสังเกตเห็นบางอย่างหรือไม่ เหตุใดคืนนี้อวี๋ จึงดูแปลกไป แต่ไม่น่าสังเกตเห็นสิ่งใดมิใช่หรือ หรือข้าเปิดเผยร่องรอยบางอย่างออกไป คิดดูแล้ว ใช่พักนี้หน้าอกมีขนาดใหญ่ขึ้น ดังนั้นอวี๋จึงมองออกแน่!”
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาเดินไปที่กระจกทองเหลืองด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ทำท่าทางส่องกระจกไม่หยุด ก่อนสายตาจะหยุดลงที่หน้าอกของตนเอง
พักนี้เธอพบว่าตนคล้ายเจริญเติบโตขึ้น
ไม่เพียงทานเยอะขึ้น หน้าอกยังบวมเจ็บตลอดเวลา และเมื่อจับจะเจ็บปวด เมื่อมองอย่างละเอียดจะพบว่าส่วนหน้าอกตนใหญ่ขึ้นมากกว่าตอนที่ตนเพิ่งมาถึงที่นี่
ก่อนนี้ตอนแรกที่เธอมาที่นี่ หน้าอกตนยังแบนราบดุจลานบิน ตอนนี้อย่างน้อยค่อยๆ เผยหน่อไม้ขนาดเล็กคู่หนึ่งออกมา
เมื่อเป็นเช่นนี้ เล่อเหยาเหยาทั้งดีใจและกังวลใจ
แน่นอนว่าที่ดีใจคือหน้าอกตนใหญ่ขึ้น เพราะจะพูดเช่นไร เธอก็เป็นผู้หญิง แม้ตอนนี้จะยังเป็นขันทีปลอม แต่เธอไม่สามารถใช้ชีวิตด้วยสถานะปลอมนี้ไปตลอด
ต่อไป หลังจากเธอออกจากวังอ๋อง ต้องกลับไปเป็นผู้หญิง ตอนนั้นเธอจะอยากให้หน้าอกตนเป็นดุจลานบินหรือ!
ทว่าสิ่งที่กังวลกลับเป็น หน้าอกของตนขยายใหญ่ขึ้นทุกวัน
ยังไม่ถึงสองเดือน ก็ปรากฎรูปร่างหน่อไม้ออกมาแล้ว เธอยังต้องอยู่ที่นี่ไปอีกสามปีถึงจะไถ่ถอนตัวได้ ไม่รู้จากสถานการณ์ตอนนี้ของพญายม เธอจะยังสามารถปกปิดความลับเรื่องนี้ไปอีกได้หรือไม่
กระดาษห่อไฟไว้ไม่ได้จริงๆ!
เล่อเหยาเหยาประเมินหน้าอกตนเอง ก่อนพบว่าความจริงว่าตอนนี้ก็ยังมองไม่เห็นสิ่งใด และไม่รู้ว่าพญายมสังเกตเห็นได้เช่นไร
ทว่าหลังคิดอยู่นาน เธอคิดไม่ออก และไม่อยากคิดอีกต่อไป
ช่างเถิด ถึงอย่างไรเรือจะแล่นตรง ก็ต่อเมื่อเทียบท่าแล้ว
หากยังหนีไม่พ้น ก็เผชิญหน้าอย่างตรงไปตรงมา!
ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ดีกว่าต้องกังวลหวาดกลัวดังตอนนี้มากมาย
พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ เล่อเหยาเหยาจึงปล่อยวางลง
เมื่อคิดอีกครั้ง เมื่อครู่เพราะตกใจ จึงเหงื่อไหลซึม จนเปียกชุ่มทั่วร่างกาย แผ่นหลังชุ่มชื้น จนกระทั่งเสื้อผ้าเหนียวเหนอะหนะแนบติดร่างกาย ทำให้ไม่สบายตัว
เมื่อครู่อยากอาบน้ำ ทว่าถูกพญายมที่พลันปรากฎตัวขึ้น ทำให้เธอไม่ได้อาบน้ำ
ตอนนี้เป็นช่วงฤดูร้อน แม้เป็นตอนกลางคืน แต่อากาศยังร้อนอบอ้าวเช่นเดิม กระทั่งสายลมที่พัดผ่าน ต่างหอบความร้อนที่ทำให้คนหงุดหงิดมาด้วย
หากคืนนี้ไม่ได้อาบน้ำ เธอต้องนอนไม่หลับแน่
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงเปิดประตูไม้ ยื่นศีรษะออกไปมอง หลังพบว่าพญายมยังไม่กลับมา จึงตักน้ำจากบ่อด้านนอกกลับมาสองถัง ก่อนปิดประตูลง พร้อมเช็ดทำความสะอาดร่างกายสระผมอยู่ภายในห้อง
หลังเปลี่ยนไปสวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาดแล้ว เล่อเหยาเหยาจึงรู้สึกร่างกายสบายขึ้นไม่น้อย
เห็นเส้นผมยังเปียกชื้น ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงหยิบผ้าขนหนูสะอาด ก่อนนั่งลงที่หน้าต่าง มองแสงจันทร์ รับลมหน้าร้อน พลางเช็ดเส้นผมชื่นชมแสงสียามราตรีด้านนอก
ฤดูร้อนอากาศร้อน ดังนั้นไม่นานเส้นผมจึงแห้งสนิท
เวลานี้เล่อเหยาเหยารู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมาก ยื่นมือปิดปากหาว ลุกยืนขึ้น คิดกลับเตียงนอนเพื่อพักผ่อน
คิดไม่ถึง ทันใดนั้นนอกหน้าต่างกลับมีเสียงประหลาดดังขึ้นมา
ไม่รู้เพราะคืนนี้เล่อเหยาเหยาถูกเหลิ่งจวิ้นอวี๋ทำให้ตกใจหลายครั้งหรือไม่ สำหรับเสียงเล็กน้อยเช่นนี้ เธอจึงสัมผัสได้เร็วเป็นพิเศษ
ขณะได้ยินเสียงจากนอกหน้าต่าง เล่อเหยาเหยาคิดว่ามีคน ร่างกายพลันระแวดระวังอย่างยิ่ง ดวงตาคู่งามจ้องไปที่หน้าต่าง ริมฝีปากเผยอ เอ่ยเสียงต่ำขึ้น
“ผู้ใดอยู่ตรงนั้น”
หลังเสียงของเล่อเหยาเหยาดังขึ้น ด้านนอกหน้าต่างกลับไม่มีการตอบกลับมา
เล่อเหยาเหยายืนอยู่ตรงนั้น ทว่าสายตายังจ้องที่การเคลื่อนไหวที่อยู่นอกหน้าต่าง หลังรออยู่นาน ด้านนอกยังคงเงียบสนิทเช่นเดิม
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาที่กังวลค่อยๆผ่อนคลายลง พลันยิ้มอย่างขมขื่น แล้วพึมพำกับตนเองว่า
“ข้าโง่เขลาเสียจริง ด้านนอกไม่มีคน ดูแล้ววันนี้คงถูกพญายมทำให้ตกใจจึงเลอะเลือนเช่นนี้ เฮ้อ เข้านอนดีกว่า”
หลังพึมพำจบ เล่อเหยาเหยาส่ายหน้า ก่อนคิดกลับไปนอนที่เตียง
ผู้ใดจะรู้ ขณะที่เธอเพิ่งหมุนตัวไปนั้น พลันมีเงาสีดำกระโดดเข้ามาอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า
เพราะเป็นช่วงกลางคืน เงาสีดำนั้นจึงรวดเร็วอย่างยิ่ง เล่อเหยาเหยาเดิมทีมองไม่ชัดว่าคือสิ่งใด ทว่าเธอถูกเงาดำนั้นทำให้ตกใจครู่หนึ่ง จึงร้องตะโกนขึ้นทันที
“อ๊า…”
เสียงกรีดร้องอย่างหนักของเล่อเหยาเหยา ในคืนที่เงียบสงบนี้จึงดังกังวานเป็นพิเศษ
ไม่เพียงเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่อยู่ห้องติดกันจะได้ยิน เกรงว่ากระทั่งผู้คนทั่ววังอ๋องต่างได้ยิน
หลังเสียงกรีดร้องอย่างหนักของเล่อเหยาเหยาดังขึ้น ไม่นาน เสียง ‘ปัง’ ก็ดังขึ้น ก่อนมีคนพังประตูเข้ามา
“เกิดสิ่งใดขึ้น”
เสียงทุ้มมีเสน่ห์คุ้นหูนั้นดังขึ้นมา ร่างกายเล่อเหยาเหยาถูกรวบเข้าสู่อ้อมกอดกว้างหนาแข็งแกร่ง
เมื่ออยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคย เล่อเหยาเหยาที่ตื่นตระหนกจึงรู้สึกปลอดภัยขึ้นมา
คล้ายคนที่เกือบจมน้ำ สุดท้ายสามารถคว้าขอนไม้ไว้ได้
สองมือโอบรัดคนที่มาแน่น ใบหน้าเล็กที่ตกใจจนซีดเซียวนั้น ก็มุดเข้าไปในหน้าอกของคนที่เข้ามา เล่อเหยาเหยาตกใจจนไม่กล้าเงยหน้ามองที่หน้าต่าง ใบหน้าซบอยู่บนหน้าอกของชายหนุ่ม ก่อนชี้ไปที่หน้าต่าง พร้อมเอ่ยตะกุกตะกักขึ้นว่า
“ตรงนั้น ตรงนั้น มะ…มี”
ตามทิศที่เธอชี้ไป ชายหนุ่มกวาดดวงตาเย็นชาตามไป เห็นเพียงมีเงาสีดำ คล้ายถูกเสียงกรีดร้องอย่างหนักเมื่อครู่ของเล่อเหยาเหยาทำให้ตกใจเช่นกัน ก่อนกระโดดหนีไปไกลอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางแสงจันทร์สว่างไสว เห็นชัดว่านั่นคือแมวป่าสีดำสนิทตัวหนึ่ง!
แมวป่าปรากฎตัวขึ้นที่นี่ มิใช่เรื่องแปลก!
เพราะด้านหลังของตำหนักหย่าเฟิงคือหุบเขาลึก แม้ภูเขาด้านหลังจะมีกำแพงสูงขวางกั้น แต่บางครั้งมีเหล่าแมวป่ากระโดดข้ามกำแพงเข้ามา คิดมาหาอาหารทางฝั่งนี้
และแมวป่าไม่เหมือนกับแมวบ้าน แมวบ้านรูปร่างไม่ใหญ่ แต่แมวป่ากลับแตกต่างออกไป
ร่างกายใหญ่โตนั้น ขนาดใหญ่กว่าแมวบ้านหลายเท่า!
รวมทั้งตอนนี้เป็นเวลากลางคืน แมวป่านั้นดำสนิททั้งตัว เคลื่อนไหวปราดเปรียว เมื่อครู่เล่อเหยาเหยามองเห็นไม่ชัด จึงตกใจเข้า ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
หลังคิดถึงเรื่องนี้ออก ชายหนุ่มเดิมที่มีสีหน้าเคร่งเครียด ก็ผ่อนคลายลงในที่สุด
เห็นเล่อเหยาเหยายังกอดตนแน่น ใบหน้าเล็กเพราะหวาดกลัว จึงซบอยู่ในหน้าอกของตน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอกอดตน!
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋ในใจอ่อนยวบ ทว่ารู้ว่าเล่อเหยาเหยายังหวาดกลัว จึงอดพูดเสียงแผ่วเบา มือใหญ่ตบลงบนแผ่นหลังที่สั่นเทิ้มเล็กน้อยของเล่อเหยาเหยา พลางเอ่ยปลอบใจว่า
“เอาเถิด ไม่มีสิ่งใดแล้ว”
“อวี๋ อวี๋ ท่านมาแล้ว สวรรค์ น่ากลัวยิ่งนัก เมื่อครู่เจ้านั้นคือสิ่งใดกัน ข้า ข้าเห็นเพียงเงาสีดำ เพราะมันรวดเร็วยิ่ง พริบตาเดียวก็กระโดดเข้ามาแล้ว”
พอนึกถึงภาพเมื่อครู่ เล่อเหยาเหยาเวลานี้ยังหวาดกลัวในใจ และไม่รู้ตัวว่าเวลานี้ตนยังโอบกอดชายหนุ่มไว้แน่น!
ส่วนเหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็ไม่ทักท้วง!
เมื่อครู่ที่ด้านหลังตำหนัก หลังจากคนตัวเล็กวิ่งหนีมาอย่างรวดเร็ว เขาก็รู้สึกผิดหวัง
แต่รู้ว่าเรื่องนี้ยังมีจุดที่น่าสงสัยอีกมากมาย เขาจึงไม่เอาเปรียบเธอ
เขาเชื่อว่าต้องมีวันหนึ่ง เธอจะอธิบายเรื่องทั้งหมดนี้กับเขาด้วยตนเอง ตอนนี้พวกเขาเพียงต้องการเวลาเท่านั้น
พอคิดถึงตรงนี้ เขาคิดกลับห้องพักผ่อน ผู้ใดจะรู้ เมื่อเพิ่งนอนลงบนเตียง ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องหวาดกลัวดังขึ้นมาจากห้องด้านข้าง
เสียงกรีดร้องที่คุ้นหูนี้ ทำให้หัวใจเขาพลันเต้นระรัว
และเพราะหวาดกลัวในใจ ดังนั้นเขาจึงพังประตูเข้ามาทันที
โชคดีที่เป็นเพียงเหตุการณ์ตื่นตูมเท่านั้น
แต่ทว่าหลังตื่นตูม เมื่อถูกคนที่ตนชื่นชอบกอดรัดเช่นนี้ สำหรับเขา สามารถพูดได้ว่าถือเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง!
แม้คนตัวเล็กในอ้อมกอดเวลานี้จะคล้ายกวางน้อยที่ตกใจตัวหนึ่ง แต่ทำให้เขามองอย่างปวดใจเป็นที่สุด!
ขณะเหลิ่งจวิ้นอวี๋ปวดใจ ใบหน้าเล็กที่ซบอยู่ในอกเขาเงยหน้าขึ้นมาในที่สุด ทันใดนั้น ใบหน้าเล็กที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว พลันเปิดเผยออกมาสู่สายตาของเขา
เสื้อชั้นในตัวบางห่อหุ้มร่างเล็กเพรียวบางของเธอไว้ เส้มผมดำขลับดุจแพรไหม ถูกปล่อยสยายลงมาจนหมด โดยไม่ได้จัดเก็บอย่างเรียบร้อย ทำให้ใบหน้าเล็กขนาดเท่าฝ่ามือนั้น ยิ่งประณีตงดงาม
อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าอันประณีต ใบหน้าดุจกวนหยก
คิ้วเข้มโค้งงอดุจพระจันทร์ ดวงตาแวววาวดุจระลอกคลื่น จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากอ่อนนุ่ม
แม้สีหน้าเธอเวลานี้จะดูซีดเซียว แต่เพราะเช่นนี้จึงทำให้เธอดูน่าสงสารเพิ่มขึ้นหลายส่วน
ใบหน้าเล็กที่งดงามจับตานี้ สวยงามยิ่งนัก ในความสวยงามแฝงไปด้วยความอ่อนช้อย ไม่ต้องเอ่ยถึงผู้คน แม้นักบวชได้เห็น เกรงว่าอยากประคองเธอไว้ในฝ่ามือ เก็บรักษาไว้อย่างดี!
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นคนตัวเล็กที่งดงามจับตาในอ้อมกอด น้ำเสียงยิ่งดูอ่อนโยน ปลอบโยนอย่างเบาๆ ว่า
“เด็กดี ไม่ต้องกลัว เมื่อครู่นั่นเป็นเพียงแมวป่า”
“หา ที่แท้คือแมวป่าเองหรือ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยากระพริบตาคู่งามแวววาวนั้นครู่หนึ่ง ก่อนนึกถึงเรื่องเมื่อครู่
เมื่อครู่เงาดำนั้นเคลื่อนไหวปราดเปรียว ดำสนิททั่วร่าง เคลื่อนไหวดุจสายฟ้าฟาด เพราะเป็นช่วงกลางคืน ดังนั้นเธอจึงมองเห็นไม่ชัดเจน ตอนนี้ได้ยินเหลิ่งจวิ้นอวี๋พูดเช่นนี้ ใจที่กังวลของเธอก็ค่อยๆ สงบลง
“คิดดูแล้วแมวป่านี้น่าจะเพียงหลงทางมาที่นี่ ตอนนี้รู้ว่าเป็นแมวป่า ไม่ต้องหวาดกลัวแล้ว เช่นนั้นพรุ่งนี้เปิ่นหวางจะให้คน ไปสังหารแมวป่าด้านหลังภูเขาทิ้งให้หมด”
เห็นใบหน้าเล็กของเล่อเหยาเหยาซีดขาว จึงรู้ว่าเมื่อครู่เธอคงตกใจไม่น้อย เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงปวดใจ และเกลียดชังแมวป่าเหล่านั้นทันที
เพราะเป็นคนรักของเขา ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์ ทำให้เธอตกใจ เขาไม่ให้อภัยเด็ดขาด!
พอคิดถึงตรงนี้ แววตาเหลิ่งจวิ้นอวี๋พลันโหดเหี้ยมเย็นชาขึ้นทันที ทว่ายังถูกเล่อเหยาเหยาเกาะกุมไว้เช่นเดิม
และเธอก็รู้ว่า เหลิ่งจวิ้นอวี๋พูดคำไหนคำนั้น หากเขามีความคิดเช่นนั้นจริง เกรงว่าเหล่าสัตว์ในภูเขาด้านหลัง ต้องไม่มีชีวิตถึงพรุ่งนี้แน่