สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 158 เข้านอนด้วยกัน (1)
พอคิดถึงตรงนี้ คิ้วเล่อเหยาเหยาอดขมวดมุ่นไม่ได้
เพราะเธอคิดว่าวิธีการนี้โหดเหี้ยมเกินไป เพราะเมื่อครู่แมวป่าตัวนั้นคงไม่ได้ตั้งใจ หากเพียงเพราะทำให้เธอตกใจ ต้องโชคร้ายสูญพันธ์จนหมดสิ้น ดูโหดเหี้ยมเกินไป
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาดึงที่ชายเสื้อเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ก่อนเอ่ยปากว่า
“อวี๋ ไม่ทำเช่นนั้นได้หรือไม่ ข้าเพียงตกใจเท่านั้น และไม่ได้บาดเจ็บ อีกทั้งความจริงเจ้าแมวน้อยนั้นยังน่ารักยิ่ง”
เล่อเหยาเหยาชื่นชอบแมว สุนัขมาตั้งแต่เด็ก เพราะเธอรู้สึกว่าลูกแมวลูกสุนัขไร้เดียงสาที่สุด เพียงมนุษย์ทำดีกับพวกมัน พวกมันจะดีต่อมนุษย์เช่นกัน
โดยเฉพาะลูกสุนัขซื่อสัตย์ที่สุด เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์!
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ได้ยินเล่อเหยาเหยาพูดเช่นนี้ และเห็นสีหน้าอ้อนวอนของเธอ ใจจึงอ่อนลง ก่อนพยักหน้าพลางเอ่ยว่า
“ตามใจเจ้าเถิด”
เพราะเพียงเป็นคำขอร้องของเธอ เขาจึงมักไร้หนทางที่จะปฏิเสธ!
พอคิดถึงตรงนี้ สายตาที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋มองเล่อเหยาเหยา ปรากฎความรักใคร่ขึ้นหลายส่วน
เมื่อถูกเหลิ่งจวิ้นอวี๋ใช้สายตาอ่อนโยนรักใคร่เช่นนี้มอง ใบหน้าเล่อเหยาเหยาเห่อร้อน ก่อนก้มใบหน้าเล็กลง
ทว่าต่อมารู้สึกว่า เวลานี้เป็นช่วงเที่ยงคืนอันเงียบสงบไร้ผู้คน ภายในห้องชายหนุ่มสองคน แค่กๆ แม้เธอจะเป็นตัวปลอม
ทว่าพญายมแสดงออกว่ามีใจให้เธอ ปกติจึงชอบทำตัวใกล้ชิดสนิทสนม แม้จะไม่เคยทำขั้นตอนสุดท้ายของเรื่องพรรค์นั้น ทว่าเธอกลัวว่าตอนนี้ถูกพญายมมองเช่นนี้ อีกสักครู่เขาอาจจะทำเรื่องที่เธออดทนไม่ไหวขึ้นมา
เพราะพญายมตอนนี้อายุสิบแปด กำลังอยู่ในช่วงพลังเหลือล้น!
หากอีกสักครู่เขาแปลงกายเป็นหมาป่า จะทำเช่นไร
รวมทั้งวันนี้ เขายิ่งดูแปลกไป ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงอดระแวงในใจไม่ได้ ทว่าบนใบหน้ายังปรากฎรอยยิ้มออกมา ก่อนเอ่ยกับชายหนุ่มว่า
“อวี๋ ตอนนี้ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ท่านต้องเข้าวังหลวงแต่เช้า รีบกลับไปพักผ่อนเถิด”
“อืมใช่ ดึกมากแล้ว เจ้าก็รีบพักผ่อนเถิด”
ชายหนุ่มเอ่ยจบ เล่อเหยาเหยาพลันดวงตาเป็นประกาย ดีใจในใจ ทว่ากลับแอบตกใจบางส่วน
เพราะชายหนุ่มตอนนี้ช่างพูดจานัก เดิมคิดว่าเขายังจะทำเรื่องยุ่งเหยิงใดออกมาเสียอีก!
ทว่าตอนนี้เมื่อเขาพูดเช่นนี้ เล่อเหยาเหยาย่อมดีใจไม่หยุด
รีบนอนเถิด
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เอ่ยจบ เดินออกไปที่ประตู
เล่อเหยาเหยาเห็นก็พลันหมุนตัวกลับเตียง เธอได้ยินเพียงเสียงปิดประตูไม้ดัง ‘เอี๊ยด’ ขึ้น อารมณ์ตึงเครียดที่มีคลายลงทั้งหมด
เพราะวันนี้ตกใจหลายครั้ง เมื่อครู่ยังถูกแมวป่าทำให้ตกใจ สถาพจิตใจเธอจึงตึงเครียดตลอดเวลา ตอนนี้เมื่อกลับมาที่เตียงใหญ่แสนสบายและคุ้นเคยของตนอย่างไม่ง่ายดาย ย่อมผ่อนคลายทั้งตัว เตรียมเข้าสู่ห้วงฝัน
ผู้ใดจะรู้ เล่อเหยาเหยาเพิ่งปิดตาลง คิดนอนฝันหวาน คิดไม่ถึง กลับพลันรู้สึกหัวเตียงยุบลง คล้ายมีของหนักบางอย่างตกลงมา เล่อเหยาเหยายังไม่ได้สติ ก็มีแขนยาวมารัดเอวเธอไว้
“เอ๊ะ!”
เมื่อถูกเรื่องที่พลันเกิดขึ้นนี้ทำให้ตกใจอีกรอบ เล่อเหยาเหยาร้องตะโกน ก่อนลุกขึ้นนั่งบนเตียง
ใบหน้าเล็กงดงามนั้น เวลานี้ตะลึงอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง ก่อนดวงตากลมโตจับจ้องที่คนที่อยู่ข้างกาย
แม้เวลานี้ภายในห้องจะดับไฟลงแล้ว แต่แสงจันทร์ขาวผ่องที่สาดเข้าทางหน้าต่างนั้น กระทบลงมาที่เตียงของเธอพอดี และทำให้เธอเห็นหน้าตาของคนผู้นั้นชัดเจน
เมื่อเห็นชายหนุ่มบนเตียง ใจของเล่อเหยาเหยาพลันเต้นระรัว
เพราะคนผู้นี้มิใช่ใครอื่น แต่เป็นพญายมที่เธอคิดว่าจากไปแล้ว!
“อวี๋ ทะ…ท่าน”
เมื่อถูกเรื่องตรงหน้าทำให้ตกตะลึง ลิ้นของเล่อเหยาเหยาถูกแมวขโมยไป จนพูดไม่ออก
ตรงข้ามกับเล่อเหยาเหยาที่มีสีหน้าตกตะลึง เหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับมีสีหน้าราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เอียงตัวใช้มือหนุนหน้าผาก ก่อนยิ้มพลางเอ่ยกับเล่อเหยาเหยาว่า
“เมื่อครู่เจ้าตกใจจากแมวป่า เปิ่นหวางรู้ว่าเจ้ายังหวาดกลัวในใจ เจ้าเองก็ดื้อรั้นเกินไป ในใจหวาดกลัว เพียงเอ่ยออกมา เปิ่นหวางย่อมไม่ปฏิเสธที่จะอยู่ที่นี่กับเจ้า”
“เอ่อ”
สำหรับคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ทำให้เล่อเหยาเหยาหมดคำพูดอย่างยิ่ง
เมื่อเห็นท่าทางเขาคล้ายคิดจัดการแทนเธอทั้งหมดแล้ว เล่อเหยาเหยาอดย่นหน้าผากไม่ได้
ชายผู้นี้คงคิดพาตัวเองมาอยู่ที่นี่ จึงกลับคำพูดเช่นนี้
เธออยากให้เขาอยู่ต่อตั้งแต่เมื่อใด
ถูกต้อง เมื่อครู่เธอถูกแมวป่าตัวนั้น ทำให้ตกใจไปหนึ่งรอบ หลังรู้ว่านั้นเป็นเพียงแมวป่า ในใจจึงไม่หลงเหลือความหวาดกลัว
เวลานี้เขาพลันปรากฎตัวขึ้นมาบนเตียงเธอ จึงเป็นสิ่งที่เธอหวาดกลัวจริงๆ
เพราะตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว ชายไร้พันธะ…แค่กๆ ‘ชาย’ ต่อไปจะเกิดเรื่องใดขึ้น เกรงว่าเด็กสามขวบต่างทราบดี
ชายผู้นี้จู่ๆ อยู่ที่นี่ต้องมีจุดประสงค์บางอย่างแน่ หรือเขาคิดจะ…
พอคิดถึงตรงนี้จิตใต้สำนึกของเล่อเหยาเหยาสั่งให้เธอดึงผ้าห่มขึ้นสูง ก่อนกอดอกปกป้องตนเองไว้แน่น สายตาที่มองเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ดูเตรียมป้องกันหมาป่า
เล่อเหยาเหยากลืนน้ำลาย ก่อนเอ่ยปากขึ้นว่า
“อวี๋ ข้าไม่ได้กลัวแล้ว ท่านกลับห้องไปพักผ่อนเถิด”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยปากอย่างตะกุกตะกัก และความหมายภายในคำพูดดูขับไล่อย่างชัดเจน หากเป็นผู้อื่นเกรงว่าคงฟังออกนานแล้ว
ทว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋เมื่อได้ยิน เพียงหัวเราะเบาๆ ทว่าร่างกายกลับไม่ขยับแม้แต่น้อย มือที่รัดบนเอวเธอนั้นก็ไม่ได้เคลื่อนย้ายออกไป
เดิมทีเตียงตัวนี้ สำหรับเล่อเหยาเหยาเพียงพอให้เธอพลิกตัวไปมา ได้อย่างไม่มีปัญหา
เพราะขนาดร่างกายเธอเล็กบอบบาง จึงใช้พื้นที่ไม่มาก
แต่ตอนนี้กลับไม่เหมือนกัน
เธอคิดว่ามันใหญ่พอ แต่เมื่อมีชายหนุ่มร่างใหญ่ขึ้นมา
เห็นเพียงชายหนุ่มผู้นี้อย่างน้อยมีส่วนสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบ และแขนขาที่เรียวยาวดุจดินสอ ชายหนุ่มนอนอยู่บนเตียงเธอเช่นนี้ เล่อเหยาเหยาจึงพบว่าเตียงของเธอ ความจริงกลับเล็กอย่างน่าสงสาร
และเวลานี้ขาทั้งสองข้างของชายหนุ่ม ยังยกโค้งขึ้นเล็กน้อย ดูแล้วตลกและขบขัน เล่อเหยาเหยาที่มองจึงรู้สึกน่าขันและเป็นกังวล
แต่เมื่อชายหนุ่มได้ยินคำพูดนี้ของเธอ กลับไม่รู้เพราะตั้งใจแสร้งทำเป็นไม่รู้ความหมายในคำพูดเธอหรือไม่ จึงตั้งใจเงียบลงครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยขึ้น
“กระต่ายน้อยเจ้าไม่ชอบเปิ่นหวางหรือ”
เมื่อเอ่ยประโยคนี้จบ ชายหนุ่มหลุบสายตาลง ทำให้ขนตาเรียวงอนดุจพัดสีดำคู่หนึ่งนั้น ปิดบังแววตาที่จริงจังของเขาไว้ เห็นเพียงเงามืดในดวงตาของเขา
เมื่อรวมเข้ากับสีหน้านิ่งเฉยของเขา จึงทำให้เขาดูแฝงไปด้วยความเศร้าโศก เสียใจหลายส่วน
นี่เป็นครั้งแรกที่เล่อเหยาเหยาเห็นชายหนุ่มเผยท่าทีเศร้าโศกเสียใจออกมา จึงพลันรู้สึกตื่นตระหนกในใจ
“ไม่ ข้าไม่ได้ เหตุใดข้าต้องคิดเช่นนั้น อวี๋ท่านอย่าคิดมากสิ”
“ฮ่า ๆ จริงหรือ”
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา เพียงหัวเราะเบาๆออกมา แต่ภายในน้ำเสียงกลับดูไม่เชื่อมั่น
เล่อเหยาเหยาได้ยินจึงร้อนใจคิดอธิบาย แต่ทันใดนั้น กลับไม่รู้จะอธิบายเช่นไร คิ้วเข้มน่ามองคู่นั้นจึงพลันขมวดมุ่น
เพราะการปลอบใจอธิบายสิ่งใด เธอไม่เข้าใจเป็นที่สุด
ขณะเล่อเหยาเหยาขบคิดสับสนในใจ ได้ยินชายหนุ่มพลันเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“หรือเจ้ายังคงไม่เชื่อว่าเปิ่นหวางจริงใจกับเจ้า”
“เอ่อ คือ…”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาจึงตกใจ ดวงตาคู่งามเป็นประกายครู่หนึ่ง
บนใบหน้าดูราวกับถูกคนมองทะลุเรื่องราวในใจได้
ความจริง หากพูดตามจริง เหลิ่งจวิ้นอวี๋ทั้งถูกต้อง และไม่ถูกต้อง
ตั้งแต่หลังจากพญายมสารภาพรักกับเธอ พูดความในใจออกมา เล่อเหยาเหยาจึงสับสน หลังจากนั้นกลับดีใจไม่หยุด
เพราะหลังจากพญายมสารภาพรักกับเธอ ก็ดีต่อเธอ เธอคือคนสำคัญในใจ
แต่เพราะเช่นนี้ ในใจเธอกลับรู้สึกไม่สบายใจ
เธอกำลังหวาดกลัวว่า ความสุขในเวลานี้ จะพลันสูญหายไป
เธอไม่เคยมีความรัก ไม่รู้ว่าคนที่มีความรัก จะทุกข์ร้อนเพราะเห็นแก่ตัวเช่นเธอหรือไม่
เธอกลัวเพียงสถานะผู้หญิงของตน ควรเปิดเผยกับชายหนุ่มตรงหน้านี้เมื่อใดจึงจะดีที่สุด
เพราะเธอไม่รู้ว่าความชอบของชายหนุ่มที่มีต่อเธอ มีมากมายเพียงใด หากชื่นชอบเพียงน้อยนิด เมื่อถึงวันที่สถานะของเธอเปิดเผยออกมา เขาจะโมโหหรือไม่ และคิดว่าที่ผ่านมาเธอปั่นหัวเขาตลอด จนโมโหไม่สนใจเธอ
หากเป็นเช่นนั้น ถึงเวลานั้น เธอควรทำเช่นไร!
ตราบใดที่เธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เล่อเหยาเหยาจึงกังวล
ดังนั้นใบหน้าจึงก้มต่ำลง ลังเลไม่รู้ควรเอ่ยปากเช่นไร
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นสีหน้าดิ้นรนของเล่อเหยาเหยา ลังเลยากตัดสินใจ สุดท้ายไม่ได้คำตอบจากเธอ จึงเพียงถอนหายใจเบาๆ ออกมา
“ช่างเถิด ตอนนี้เปิ่นหวางไม่บังคับเจ้า ทว่าเจ้าเพียงต้องจดจำไว้ว่า คำพูดที่เปิ่นหวางเคยพูดกับเจ้าล้วนคือความจริง ไม่ว่าเจ้าคือผู้ใด เป็นบุรุษหรือสตรี เปิ่นหวางชื่นชอบเพียงคนที่เป็นเจ้า คนเดียวเท่านั้น”
คำพูดชายหนุ่ม ดูแฝงด้วยการถอนใจ เฉียบคม ทว่ากลับจริงใจ เยือกเย็น