สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 164 สารภาพทุกสิ่ง (1)
เล่อเหยาเหยารู้ว่าวิทยายุทธ์ของชายหนุ่มสูงส่ง ถึงแม้วรยุทธ์ของหญิงสาวเมื่อครู่จะไม่อ่อนด้อย แต่ยังไม่สามารถทำร้ายเขาได้แม้แต่แผลเดียว
แต่เพราะขณะที่ชายหนุ่มต่อสู้กับหญิงสาวผู้นั้น หญิงสาวผู้นั้นไม่เคยทำร้ายชายหนุ่มได้เลย ต้องเป็นช่วงที่มีคนกรีดร้องตกใจอย่างแน่นอน ทำให้ชายหนุ่มวอกแวก จึงได้รับบาดเจ็บ
เวลานี้บาดแผลมีเลือดไหลออกมา ทำให้เห็นไม่ชัดว่าภายในได้รับบาดเจ็บเพียงใด
แต่เมื่อเล่อเหยาเหยานึกถึงแส้ยาวที่มีตะขอในมือของหญิงสาวคนนั้นเมื่อครู่ หากถูกแส้ฟาด ไม่รู้จะเจ็บเพียงใด!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาปวดใจ รู้สึกผิดในใจ ดุจทะเลล้นทะลักขึ้นมา จนเธอจมดิ่งลงไป
“ข้าขอโทษ เป็นความผิดของข้า เมื่อครู่…”
“จุ๊ๆ ไม่เกี่ยวกับเจ้า ไม่ต้องนำเรื่องนี้ไปโทษตนเอง”
เมื่อครู่เดิมทีเพราะเล่อเหยาเหยาที่มาสถานที่นี้ และอันตรายเช่นนี้ ทำให้เขากังวลใจและโมโห
ทว่าตอนนี้เมื่อเห็นใบหน้าเล็กของคนตัวเล็กตรงหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา ท่าทางนั้นดุจจั๊กจั่นกลางฝนบนยอดไม้ งดงามอ่อนหวานอย่างที่สุด
เมื่อเห็น หัวใจของเหลิ่งจวิ้นซีแทบรู้สึกไม่สบายขึ้นมา
เพราะเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่เคยเกรงกลัวฟ้าดิน แต่กลัวท่าทางเสียใจของคนตัวเล็กนี้ นั่นเจ็บปวดกว่าการเฉือนเนื้อเขาเสียจริง!
ทันใดนั้น สายตาเย็นชาที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋มองเล่อเหยาเหยาพลันอ่อนลง แววตาดูห่วงใยอ่อนโยนมากมายสุดจะบรรยาย
และภาพภูเขาน้ำแข็งหมื่นปีพลันละลายกลายเป็นน้ำอุ่นนี้ ทำให้ถงหย่าเอ๋อร์ ที่อยู่ด้านข้างตกตะลึง
เพียงถงหย่าเอ๋อร์ เห็นสายตาอ่อนโยนที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋จ้องมองเล่อเหยาเหยาตรงหน้า ยังคิดว่าตนเองกำลังอยู่ในความฝัน จึงอดหยิกแขนตนอย่างแรงไม่ได้
เมื่อความเจ็บบนแขนปรากฎขึ้นมา พลันทำให้ถงหย่าเอ๋อร์ กัดฟันซู๊ดปาก
สวรรค์! เจ็บยิ่งนัก นั่นหมายความว่าตอนนี้สิ่งที่เธอเห็นคือความจริง!
สวรรค์!
เรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นแล้ว!
ศิษย์พี่ใหญ่ที่ไม่ยิ้มแย้มมาหลายปีของเธอผู้นี้ กลับปฏิบัติต่อขันทีน้อยธรรมดาผู้หนึ่งอ่อนโยนเช่นนี้ ที่นี่มีสิ่งใดที่เธอไม่รู้กันแน่!
เธอไม่เจอศิษย์พี่ใหญ่เพียงครึ่งปี เหตุใดศิษย์พี่ใหญ่จึงเปลี่ยนไปมากมายขนาดนี้!
หรือจริงๆ แล้ว เกี่ยวข้องกับผู้กล้ามิอาจฝ่าด่านสาวงาม!
แค่กๆ แต่สาวงามนี้…
และความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนดูไม่ธรรมดาจริงๆ! เมื่อครู่เธอได้ยินว่าเสี่ยวเหยาจื่อเรียกชื่อศิษย์พี่ใหญ่ตรงๆ ว่า ‘อวี๋’ สวรรค์!
คิดไม่ถึง ศิษยพี่ใหญ่ที่ไม่เข้าใจเรื่องความรักของเธอ กลับมีคนรักเป็นขันที!
ถงหย่าเอ๋อร์ ประหลาดใจอย่างที่สุด ดังนั้นจึงจับที่แขนของหนานกงจวิ้นซีที่อยู่ด้านข้างไว้แน่น ก่อนชี้ไปยังภาพตรงหน้า เอ่ยถามอย่างตะกุกตะกักว่า
“ศิ…ศิษย์พี่รอง ศิ…ศิษย์พี่ใหญ่ ชะ…ใช่ ชะ…ใช่หรือ…”
ถงหย่าเอ๋อร์ ตกตะลึงกับภาพตรงหน้าจริงๆ ดวงตาคู่งามนั้นเบิกกว้าง คำพูดที่เอ่ยออกมาก็ดูติดขัด
แต่เพราะความสนใจทั้งหมดของเธอตกอยู่ที่เล่อเหยาเหยาและเหลิ่งจวิ้นอวี๋ จึงย่อมไม่รับรู้ถึงความเสียใจบนใบหน้าของหนานกงจวิ้นซี
สุดท้ายยังเป็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่ได้สติก่อน หลังปลอบใจเล่อเหยาเหยาหลายประโยค จึงรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะจะสนทนากัน จึงเอ่ยกับทุกคนว่า
“พวกเรากลับไปคุยกันที่วังอ๋องเถิด!”
เอ่ยจบมอบหมายเรื่องที่ต้องจัดการในหอจุยเซียนแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาหลายประโยค ก่อนพาเล่อเหยาเหยาและคนอื่นๆ ออกจากสวนท้อไป
…
เพราะเหลิ่งจวิ้นอวี๋ได้รับบาดเจ็บ แม้จะบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อกลับมาถึงวังอ๋อง หัวหน้าขันทีลี่เห็นเข้า พลันรีบร้อนไปเชิญหมอหลวงมารักษาให้แก่เหลิ่งจวิ้นอวี๋
หนานกงจวิ้นซีที่เห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋บาดเจ็บ รวมทั้งเพิ่งผ่านการต่อสู้เมื่อครู่มา ต้องเหนื่อยล้าจนโรยแรงแน่ จึงไม่ได้เอ่ยซักถามเรื่องม้วนภาพวาดนั้น
รวมทั้งการพัวพันของถงหย่าเอ๋อร์ หนานกงจวิ้นซีจึงหัวจะระเบิด รีบกลับห้องพักของตนเพื่อพักผ่อน
จู่ๆ ถงหย่าเอ๋อร์ มาเยือน เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงให้หัวหน้าขันทีลี่จัดเรือนพัก และส่งขันทีน้อยไปคอยปรนนิบัติถงหย่าเอ๋อร์
เพราะในวังอ๋องที่ยิ่งใหญ่ไร้สตรี หากไม่ใช่องครักษ์ก็เป็นขันที แต่ว่าถงหย่าเอ๋อร์ ก็ไม่เรื่องมาก
ตั้งแต่เธอลงเขามาจนถึงตอนนี้ ก็ผ่านเส้นทางมาไม่น้อย ตะลอนรอนแรมจนเหนื่อยล้าแล้ว
หลังกินอาหารเย็นเสร็จ จึงไปพักผ่อนเช่นกัน
เมื่อทุกคนต่างพากันพักผ่อน แต่เวลานี้กลับมีคนผู้หนึ่งกำลังกังวล ไม่สบายใจอย่างหนัก
และคนผู้นี้ไม่ใช่ผู้ใด แต่เป็นเล่อเหยาเหยา!
เมื่อครู่ขณะปรนนิบัติพญายมอยู่ในห้อง หมอเอ่ยว่าเขาบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ทายาไม่กี่วันจะหายดี
หลังได้ยินคำพูดของหมอ เล่อเหยาเหยาที่ใจเต้นระรัวก็สงบลงในที่สุด
ทว่าเธอคลายใจได้ไม่นาน พลันถูกเรื่องอีกเรื่องทำให้กังวลขึ้นมาอีกครั้ง
นั่นคือเรื่องม้วนภาพวาดนั้น!
ดูแล้ว พญายมคงรู้แล้วว่าเธอคือหญิงสาวในภาพวาด เป็นคู่หมั้นของหนานกงจวิ้นซี ดังนั้นเมื่อคืนเขาจึงเปลี่ยนไปดูแปลกประหลาดเช่นนี้
เล่อเหยาเหยาพยายามนึกถึงคำพูดที่พญายมเอ่ยกับตนเมื่อคืนไม่หยุด คลับคล้ายว่าความจริงพญายมอยากให้ตนสารภาพความจริงออกมาไม่หยุด
แต่เป็นเธอเองที่หวาดกลัว และยึดความโชคดีนี้เอาไว้ แต่ตอนนี้เธอไม่สามารถเป็นนกกระจอกเทศได้อีกแล้ว
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงตัดสินใจว่า คืนนี้จะสารภาพความจริงกับพญายม!
แม้เธอจะรู้ว่าเจ้าของร่างคนก่อนของตนต้องชื่นชอบหนานกงจวิ้นซีอย่างมาก
แต่เธอคือเธอ ไม่ใช่เจ้าของร่างคนก่อน รวมทั้งคนที่เธอชอบตอนนี้คือพญายม แม้หนานกงจวิ้นซีจะชื่นชอบตน นั่นเป็นเพียงเรื่องที่เธอต้องขอโทษเขา
เพราะเรื่องความรู้สึก ผู้ใดต่างไม่สามารถฝืนใจได้มิใช่หรือ!
ทว่าขณะที่เล่อเหยาเหยาตัดสินใจจะสารภาพความจริงกับพญายม กลับขาดความกล้าหาญ ดังนั้นเพื่อเพิ่มความกล้า จึงไปซื้อสุราจากด้านนอกสองไหกลับมา ก่อนดื่ม ‘อึกๆ’ ลงไป
สุราที่ซื้อมาสองไห เพื่อเพิ่มความกล้า ผู้ใดจะรู้ หลังเล่อเหยาเหยาดื่มไปหนึ่งไห ก็เมามายจนวิงเวียนศีรษะ
เมื่อสุราที่ร้อนแรงไหลผ่านลำคอลงไปนั้น ทำให้ร่างกายเธอร้อนรุ่มขึ้นมา
แม้จะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว เดินโอนเอนไปมา
แต่สุราช่วยให้กล้าหาญขึ้น คือความจริง!
เล่อเหยาเหยาพบว่า หลังตนดื่มสุรา ความกล้าก็มีมากขึ้น ดังนั้นหลังจากสูดลมหายใจลึกๆ อยู่ครู่หนึ่ง จึงเดินโอนเอนมุ่งตรงไปยังห้องพักของพญายม
เพราะเมื่อครู่ได้รับความตกใจจากหอจุยเซียน พญายมจึงให้เธอกลับไปพักผ่อน และให้คนอื่นมาปรนนิบัติรับใช้เขาแทน
แต่ว่าเล่อเหยาเหยารู้ว่า เวลานี้พญายมยังไม่นอน ต้องมาสารภาพความจริงกับเขาก่อน พูดทุกอย่างให้ชัดเจน นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด
เอ่อ แม้ตอนนี้เธอจะเวียนศีรษะอย่างมาก ทว่าเล่อเหยาเหยายังส่ายหน้าไปมา ฝืนเดินไปที่หน้าห้องของพญายม
อดพึมพำในใจไม่ได้ หากรู้เมื่อครู่คงไม่ดื่มสุรามากเกินไป จนทำให้เธอตอนนี้กระทั่งเดินยังรู้สึกลำบาก!
แม้ในใจจะคิดเช่นนี้ เล่อเหยาเหยายังยื่นมือออกไป เคาะประตู
“ผู้ใด”
“อวี๋ ข้าเอง”
เมื่อได้ยินเสียงทุ้มต่ำนั้น เล่อเหยาเหยาพลันเอ่ยปากขึ้น
ส่วนคนในห้อง หลังจากได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ไม่นานพลันเอ่ยปากขึ้นว่า
“เข้ามาเถิด”
เมื่อได้ยินเล่อเหยาเหยาก็ไม่เกรงใจ ค่อยๆ ผลักประตูไม้บานสลักที่ไม่ได้ลงกลอนนั้นออก
ก่อนเดินโอนเอนเข้าไปด้านใน
เห็นเพียงเวลานี้ โคมไฟถูกแขวนขึ้นสูง ยามราตรีชวนหลงใหล
ด้านนอกเงียบสนิท แสงจันทร์กระจ่างใสสาดส่องอย่างอ่อนโยน เงาต้นไม้พุ่งลงมาที่บนพื้น เกิดเป็นเงาภาพหลากหลายออกมา
ส่วนภายในห้องมีไข่มุกราตรีขนาดใหญ่แขวนไว้บนผนัง
ไข่มุกราตรีนั้นมีค่าควรเมือง นอกจากในวังหลวง มีเพียงวังรุ่ยอ๋องที่เป็นสถานที่ที่ใช้ของหรูหราประเภทนี้ได้
ดวงตาคู่งามแฝงความพร่ามัวกวาดมองภายในห้อง ที่มีสิ่งของมีค่าควรเมืองหลายประเภทครู่หนึ่ง ก่อนหยุดที่ชายหนุ่มที่เอนกายอยู่บนเก้าอี้นอนด้วยสีหน้าเกียจคร้านนั้น
ชายหนุ่มต้องเพิ่งอาบน้ำเสร็จแน่นอน เพราะผมบนศีรษะยังคงเปียกชื้น เวลานี้จึงปล่อยสยายลงมาอยู่ด้านหลังอย่างผ่อนคลาย
เส้นผมสีดำสนิทแตกต่างจากเสื้อชั้นในสีขาวนวลบนตัวชายหนุ่มที่ขับเน้นรูปร่างนั้นอย่างมาก เพราะมันแสดงรูปร่างอันสมบูรณ์แบบของชายหนุ่มดุจนายแบบแข็งแกร่งออกมา
ไหล่กว้างเอวคอด เคร้าโครงสมบูรณ์แบบ ขาเรียวยาวที่เกี่ยวกันอยู่คู่นั้น แม้จะดูสบายอารมณ์ ทว่ากลับทำให้เขาดูเกียจคร้านแต่แฝงความสง่างามอย่างไร้ที่สิ้นสุด
บางคน ต้องอาศัยเสื้อผ้าเครื่องประดับ เพื่อรักษากลิ่นอายสูงศักดิ์ของตน
บางคนกลับได้รับพรที่ดี ไม่เพียงทำสิ่งใด สวมใส่สิ่งใด จะมีกลิ่นอายสูงศักดิ์ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด ยังคงทำให้คนไร้หนทางที่จะดูแคลนได้
เห็นชัดว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้ คือข้อหลัง!