สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 164 สารภาพทุกสิ่ง (2)
เมื่อมองใบหน้าที่เด็ดเดี่ยว สมบูรณ์ ประณีตเช่นนี้ของชายหนุ่ม
คิ้วเข้มดุจกระบี่ ดวงตาเย็นชาลึกล้ำแคบยาว จมูกโด่งเป็นสง่า และริมฝีปากบางเฉียบนั้น
เป็นการจับคู่ที่แทบใกล้เคียงคำว่าสมบูรณ์แบบ!
ไม่ว่าจะมองใบหน้านี้กี่ครั้ง เล่อเหยาเหยาอดชื่นชมในใจไม่ได้ นี่คือผลงานชิ้นเอกที่พระเจ้ารังสรรค์ออกมาจริงๆ!
ขณะที่ไม่รู้ตัว เล่อเหยาเหยามองจนลืมตัว
กลับคิดไม่ถึง ชายหนุ่มที่เห็นเธอเดินเข้ามาแล้วมองเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากรูปกระจับนั้นอดยิ้มมุมปากไม่ได้ เสียงไพเราะแฝงด้วยเสน่ห์นั้น ดังออกมาจากเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เปิ่นหวางน่ามองหรือไม่”
“อืม น่ามอง”
ไม่รู้เพราะดื่มสุรามากเกินไปหรือไม่ เล่อเหยาเหยาเวลานี้จึงไม่รู้สึกเขินอาย เอ่ยเพียงความคิดของตนออกมาตามความจริง
ชายหนุ่มได้ยินคำพูดเธอ อดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ ก่อนค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วกวักเรียกเธอ เอ่ยพลางยิ้มอย่างมีเสน่ห์ว่า
“เด็กน้อยมานี่”
น้ำเสียงแฝงรอยยิ้มของชายหนุ่ม เย้ายวนใจอย่างยิ่ง เล่อเหยาเหยาที่ได้ฟังจึงคันหัวใจ คล้ายกับมีแมวตัวน้อยกำลังข่วนอยู่ภายใน
ก่อนยกดวงตาขึ้นมองชายหนุ่มที่ยิ้มมุมปาก แววตาแฝงด้วยรอยยิ้ม
ใบหน้าแฝงรอยยิ้ม ทำให้เขาดูน่าหลงใหลเพิ่มขึ้น
และแฝงด้วยเสน่ห์ที่ดึงดูดวิญญานคน ทำให้เธอทำตามคำพูดเขา เดินเข้าไปหาเขาโดยไม่รู้ตัว
แต่คนเมาสุรา การเดินย่อมไม่มั่นคงอย่างแน่นอน
ดังนั้นเหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงโชคดีที่ได้ชื่นชมการเดินแบบของคนงามที่เมามายครั้งนี้
เห็นเพียงคนตัวเล็กด้านหน้า สวมชุดสีน้ำเงินเข้มบนกาย เสื้อคลุมขนาดใหญ่ ทำให้เธอดูยิ่งอ้อนแอ้นมากขึ้น
ทว่าใบหน้าเล็กนั้น กลับแดงก่ำคล้ายเติมสีสัน เมามายเล็กน้อย
คิ้วเข้มโค้ง ดวงตาเยิ้มดุจแพรไหม จมูกเล็ก ริมฝีปากอมชมพู ยั่วยวนเปี่ยมเสน่ห์
เมื่อเธอใกล้ชิดเข้ามา กลิ่นคละคลุ้งของสุรา กระจายออกมาจากตัวเธอ
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋คล้ายฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ ดวงตาเย็นชาเป็นประกาย รอยยิ้มที่มุมปากก็กว้างขึ้น
จนกระทั่งคนตัวเล็กนั้นเดินมาถึงด้านหน้าตน มือใหญ่ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ออกแรงดึง เล่อเหยาเหยาไม่ได้ตั้งตัว พลันถูกชายหนุ่มดึงมานั่งลงในอ้อมกอด
“ดื่มสุรามาหรือ”
“อืม”
เมื่อได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาอดพยักหน้าไม่ได้ ปากเล็กยื่นออกมาอย่างน้อยใจ
เล่อเหยาเหยาที่ดื่มสุราจนเมามาย สมองขาวโพลน แต่กลับไม่ปิดบังความคิดของตน ชายหนุ่มเอ่ยถามสิ่งใด เธอจะตอบตามความจริงออกมา
ท่าทางน่ารักนั้น ดูคล้ายกับกระต่ายน้อยแสนน่ารักตัวหนึ่ง ชายหนุ่มมองด้วยแววตาอ่อนโยน ก่อนอดเอ่ยถามขึ้นอีกไม่ได้
“เหตุใดจึงดื่มสุรา”
“อยากเพิ่มความกล้า”
ยังคงเป็นชายหนุ่มเอ่ยถาม เล่อเหยาเหยาตอบคำถาม
ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ชายหนุ่มจึงอดหัวเราะฮ่าๆ ไม่ได้
“ฮ่าๆ เปิ่นหวางคิดว่าเจ้ามีความกล้ามากเสียอีก ไม่จำเป็นต้องเพิ่มมัน”
สำหรับการเย้าแหย่ของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยารู้สึกแก้มร้อนผ่าว ก่อนหมายลุกออกมาจากอ้อมกอดของเขา ชายหนุ่มเองก็ไม่ห้ามปราม เล่อเหยาเหยาดิ้นรนอยู่หลายครั้ง กลับวิงเวียนศีรษะ ร่างกายไร้เรี่ยวแรงขึ้นมา
สุดท้ายเล่อเหยาเหยาจึงยอมแพ้ รู้สึกว่านั่งอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มก็สบายตัวอย่างมาก จึงแสดงท่าทางยอมแพ้ขึ้นมา หลังจากได้ตำแหน่งที่เหมาะสมในอ้อมกอดของชายหนุ่ม จึงนั่งด้วยท่าทางเกียจคร้าน คล้ายกับแมวน้อยแสนน่ารักตัวหนึ่ง
เห็นเช่นนั้น รอยยิ้มมุมปากของชายหนุ่มยิ่งกว้างขึ้น ดวงตาเย็นชาแคบยาวนั้น ดูลึกซึ้ง อ่อนโยนคล้ายมีหยดน้ำไหลทะลักออกมา
มือใหญ่เห็นข้อต่อชัดเจนนั้น ลูบเบาๆ ที่ศีรษะเล็กน่ารักของคนตัวเล็กอย่างรักใคร่มากมายจนสุดที่จะบรรยายได้
เมื่อถูกชายหนุ่มลูบคลำอย่างอ่อนโยน ทำให้เล่อเหยาเหยารู้สึกตนใกล้จะกลายเป็นลูกแมวน้อยที่ถูกเจ้าของโอบกอด จึงอดส่งเสียงอืมเบาๆ ที่แสดงถึงความสุขสบายขึ้นมาไม่ได้ ก่อนรู้สึกง่วงนอน
ขณะเล่อเหยาเหยารู้สึกสบายจนใกล้จะหลับไป พลันฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงได้สติ ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง สมองปลอดโปร่งหลายส่วน นั่งอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ก่อนเอ่ยปากขึ้นว่า
“อวี๋ ข้า ข้ามีเรื่องจะพูดกับท่าน”
“โอ้ เรื่องใดหรือ”
เมื่อได้ยินเล่อเหยาเหยาเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มมีท่าทางตั้งตกตั้งใจ ทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี ดวงตาเย็นชาแฝงด้วยรอยยิ้ม ก่อนจ้องเล่อเหยาเหยาอยู่เงียบๆ
เมื่อถูกชายหนุ่มใช้สายตาสงบเยือกเย็นจ้องมองเช่นนี้ ความกล้าทั้งหมดในใจของเล่อเหยาเหยา กลับถูกสูบออกไปจนหมด
เพราะดวงตาของชายหนุ่ม แม้จะอ่อนโยน ทว่ากลับแฝงไปด้วยความคมกริบที่ทำให้คนยากที่จะดูแคลน
คล้ายกับมีพลังจับสังเกตได้อย่างตรงจุด คล้ายกับต่อหน้าเขา ทุกคนต่างถูกเขามองอย่างทะลุปรุโปร่ง
เมื่อเห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยากลับไม่มั่นใจลังเลขึ้นมา
สิ่งที่คิดเรียบเรียงภายในใจ ก็ลืมเลือนไปกว่าเจ็ดแปดส่วน
ใบหน้าเล็กก้มต่ำลง เพียงมองสองมือที่บิดไปมาของตนอยู่เงียบๆ เล่อเหยาเหยาอ้ำอึ้ง และรู้สึกว่าตนเวลานี้ ราวกับเด็กน้อยที่ทำเรื่องผิด ก่อนถูกผู้ใหญ่จับได้จนต้องสารภาพออกมา จึงอกสั่นขวัญแขวน
“อวี๋ ข้าขอถามท่าน ท่านชอบข้ามากจริงๆ หรือ”
“ย่อมแน่นอนอยู่แล้ว ยังต้องถามอีกหรือ”
เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาสบายใจขึ้นมาบางส่วน พลันเอ่ยถามต่อไปว่า
“เช่นนั้น ถ้าหากว่าข้า หากว่า ข้ามีบางอย่างปิดบังท่าน ท่านจะให้อภัยข้าได้หรือไม่!”
“เพียงเจ้ามิได้ทรยศหักหลังเปิ่นหวาง หากเจ้ายอมสารภาพจากใจจริง เปิ่นหวางย่อมให้อภัยเจ้า”
เมื่อเห็นท่าทางก้มหน้าอย่างลังเลไม่มั่นใจของเล่อเหยาเหยา น้ำเสียงของเหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงอ่อนโยนลงหลายส่วน ราวกับการปลอบเด็กน้อยด้วยกลอุบาย
ส่วนเล่อเหยาเหยาที่ได้ยิน คล้ายถูกชายหนุ่มให้กำลังใจ ความไม่สบายใจในใจ ลดน้อยลงไปไม่น้อย
นั่นเท่ากับว่า อวี๋ คงรู้ถึงจุดประสงค์ของเธอที่มาครั้งนี้ว่าคือสิ่งใด!
เพราะเมื่อคืนเขาเห็นภาพวาดม้วนนั้นแล้ว คนเฉลียวฉลาดเช่นเขา เหตุใดจะคิดไม่ได้ว่าความจริงคนในภาพวาดนั้นคือเธอ!
และเขาเอ่ยปากสามสี่รอบ อยากให้เธอเริ่มเอ่ยเล่าด้วยตนเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้ เอาเถิด เธอจะพูด!
กลับกันเธอรู้ว่าความลับนี้ ปิดบังไปไม่ได้นาน
จึงมักข่มไว้ในใจ ในใจเธอมักกังวลไม่สบายใจ ทุกวันต้องกังวลว่าเขาจะล่วงรู้
และหวาดกลัว เมื่อเขารู้ว่าตนคือผู้หญิงจะโมโห
เธอกลัวเขาไม่สนใจเธอ และอาจไม่ยอมเจอหน้าเธออีก
ในใจกังวลต่างๆ นานา จึงทำให้เล่อเหยาเหยาเข้าใจว่า ตนอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญในใจของชายหนุ่มตรงหน้านี้
เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงวันแรกที่มาถึงที่นี่ สำหรับข่าวลือน่าหวาดกลัวเกี่ยวกับเขา ทำให้เธอหวาดกลัวเขาในใจ
และเมื่อเห็นเขาใช้มือปลิดชีวิตเหล่าโจรภูเขาต่อหน้าเธอ ยิ่งทำให้เธอหวาดกลัวเขาอย่างสุดขีด
ทุกครั้งขณะที่เธอปรนนิบัติเขา มักกังวลว่าตนจะทำผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ จนทำให้เขาโมโห ชีวิตเล็กๆ ของเธอจะไม่ปลอดภัย
เธอหวงแหนชีวิตของตน แม้ยุคนี้เธอจะไม่มีครอบครัวหรือสหาย แต่เธอยังไม่อยากตาย
แต่ต่อมา เมื่อได้สัมผัสใกล้ชิดกับชายหนุ่มอย่างช้าๆ จึงพบว่าชายผู้นี้ไม่ได้น่าหวาดกลัวดุจในข่าวลือ
และเขายังดีกับเธอ ให้ความสำคัญกับเธอ
จนกระทั่ง เขาสารภาพรักกับเธอ
เธอจึงพบว่า ชายหนุ่มมีใจให้กับเธอ
เวลานั้น เธอตกใจอย่างไม่คาดคิดมาก่อน ทว่ากลับสั่นไหว
เพราะเวลานั้น เธอในใจของชายหนุ่ม คือขันทีผู้หนึ่ง
ความชื่นชอบของเขาแปลกประหลาดเกินไป จึงทำให้เธอกังวลว่า หากวันหนึ่งเขารู้ว่าเธอคือผู้หญิง จะโมโห
ทว่าต่อมาเขากลับเอ่ยว่า เขาชื่นชอบเธอ ไม่ว่าเธอจะเป็นชายหรือหญิง
เมื่อได้ฟังคำพูดพวกนี้ ในใจของเธอจึงค่อยๆ วางใจลง
และคิดว่าวันหนึ่งเธอจะบอกเขาด้วยตนเองว่า เธอเป็นผู้หญิง แต่คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมาเร็วเช่นนี้
เมื่อมองชายหนุ่มตรงหน้า บุคลิกโดดเด่น หล่อเหลาเหนือผู้ใด เล่อเหยาเหยาใจเต้นไม่หยุด
ความจริงหากเธอสารภาพความลับของตนออกมา สองคนจะต้องสนใจสิ่งใดอีก การใช้ชีวิตเช่นนี้ต่อไป ความจริงก็ไม่เลวเลย
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยารู้สึกดีใจ
ดังนั้นจึงค่อยๆ เผยอริมฝีปากแดง ก่อนเอ่ยกับชายหนุ่มว่า
“อวี๋ ความจริง ความจริงข้าเป็น…”
“อืม พูดออกมาเถิด เจ้าเป็นสิ่งใด”
เมื่อได้ยินในที่สุดเล่อเหยาเหยาก็เอ่ยปาก สีหน้าของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ยิ่งอ่อนโยนขึ้น ดวงตาเย็นชาอ่อนโยนคู่นั้น ลึกซึ้งจนแทบทำให้เล่อเหยาเหยาจมดิ่งอยู่ภายใน ก่อนไม่อาจถอนตัวขึ้นมาได้
“ข้า”
ดวงตาคู่งามพร่าเลือน สบเข้ากับดวงตาเย็นชาอ่อนโยนของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยากัดฟันแน่นครู่หนึ่ง คิดเอ่ยคำพูดในใจออกมาเพียงชั่วอึดใจ
คิดไม่ถึง ทันใดนั้นเล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงท้องไส้พลันปั่นป่วน รู้สึกถึงกลิ่นเปรี้ยว ทำให้สีหน้าเล่อเหยาเหยาเปลี่ยนไปทันที
“อวี๋ ข้า…”
สำหรับความรู้สึกเสียดท้อง ทำให้เล่อเหยาเหยาสีหน้าขาวซีด คิดพาร่างกายลุกจากไป
แต่ชายหนุ่มไม่รับรู้ถึงอาการของร่างกายเธอ เพราะไม่ง่ายกว่าจะรอให้เธอพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาจากใจจริง เหตุใดจะให้เธอจากไปโดยยังเอ่ยพูดไม่จบกัน
ดังนั้น โศกนาฏกรรมจึงเกิดขึ้น…