สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 166 อวี๋ไม่ต้องการเจ้า แต่ข้าต้องการเจ้า (2)
คิดไปแล้ว นี่คงเป็นครั้งแรกที่เด็กน้อยเช็ดน้ำตาให้ผู้อื่น
ท่าทางเขาดูเก้กัง ทว่ากลับเช็ดอย่างตั้งใจอย่างยิ่ง เมื่อเห็นใบหน้าจริงจังของเขา เล่อเหยาเหยาอยากเข้าไปหอมแก้มเขาอย่างยิ่ง
และเธอก็ทำเช่นนั้น
โอบกอดเด็กผู้ชายเอาไว้แน่น เล่อเหยาเหยาอดหอมที่ใบหน้าเล็กน่ารักของเด็กชายนั้นไม่ได้
เมื่อรู้สึกถึงการสัมผัสที่อ่อนนุ่มบนริมฝีปาก ราวกับขนมสายไหม จมูกยังได้กลิ่นเข้มข้นของครีม ทำให้เล่อเหยาเหยาที่ใจสับสนยุ่งเหยิง พลันสงบลงทันที
“น้องชาย ขอบใจเจ้ามาก”
“ฮิ ฮิ เพียงพี่ชายไม่ร้องไห้ก็พอ พี่ชายรูปโฉมงดงาม ทว่าร้องไห้กลับอัปลักษณ์”
เมื่อได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กชาย เล่อเหยาเหยาอดเปลี่ยนจากร้องไห้เป็นยิ้มแย้มไม่ได้ ก่อนเอ่ยว่า
“ฮ่า ๆ เช่นนั้นพี่ชายจะไม่ร้องไห้แล้ว”
“อืม ดี เช่นนั้นเรามาเกี่ยวก้อยสัญญากัน”
เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา เด็กผู้ชายยิ้มแย้มดุจบุปผา จากนั้นยื่นนิ้วเล็กนั้นออกมาตรงหน้าของเล่อเหยาเหยา
เมื่อเห็นนิ้วก้อยน่ารักของเด็กชายนั้น เล่อเหยาเหยายิ้มมุมปาก และยื่นนิ้วออกไปเกี่ยวก้อยกับเขา
สุดท้าย เด็กชายผู้นั้นจากไปพร้อมมารดา
ส่วนเล่อเหยาเหยาในที่สุดก็ลุกขึ้นจากพื้น
เงยหน้าขึ้นมองแสงอาทิตย์สดใส ท้องฟ้าเมฆขาวนั้น ก่อนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มือเล็กที่ซ่อนอยู่ในชายเสื้อคู่นั้น กำหมัดแน่นเพื่อเพิ่มกำลังใจให้ตนเอง
“เล่อเหยาเหยา เธอคือแมลงสาบที่ฆ่าไม่ตาย แม้ฟ้าจะถล่มลงมาก็ไม่มีสิ่งใดใหญ่เกินกว่าจะรับได้ เด็กคนนี้ เธอต้องคลอดออกมา!”
…
เพราะตนร้องไห้อยู่นานเช่นนี้ แม้ไม่ต้องส่องกระจก เห็นสายตาผิดปกติของผู้คนที่เดินบนถนน เล่อเหยาเหยารู้ว่าดวงตาตนต้องบวมเป่งไม่น่ามองแน่นอน
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงเดินไปยังริมทะเลสาบ ขณะส่องลงบนผิวน้ำ เห็นเงาร่างคนตัวเล็กปรากฎออกมาจากในน้ำ ตนก็ถูกภาพนั้นทำให้ตกใจอย่างหนัก
เดิมทีดวงตาเธอกลมโต หลังผ่านการร้องไห้เมื่อครู่ ดวงตาเธอตอนนี้ทั้งแดงทั้งบวมเป่ง น่าตกใจอย่างยิ่ง
เล่อเหยาเหยาตกใจ พลันคุกเข่าลงบนริมทะเลสาบ คิดใช้น้ำในทะเลสาบล้างหน้าล้างตา
ผู้ใดจะรู้ เธอเพิ่งโน้มตัวลงไป มือยังไม่ได้สัมผัสน้ำในทะเลสาบ เอวพลันมีพลังบางอย่างเข้ามา เธอยังไม่ได้ตั้งตัว ก็ถูกคนโอบกอดเอาไว้แน่น
“เพียงตั้งครรภ์ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด หากอวี๋ไม่ต้องการเจ้า ข้าต้องการเจ้า เหตุใดเจ้าจึงคิดฆ่าตัวตายเช่นนี้!”
หลังเสียงหวาดกลัวแฝงความตื่นตระหนกที่คุ้นหูนั้นดังขึ้น เล่อเหยาเหยาตะลึงงัน ราวยังไม่ได้สติ
ฆ่าตัวตายหรือ!
ผู้ใดจะฆ่าตัวตาย!
เล่อเหยาเหยากระพริบตาคู่งามที่บวมแดงครู่หนึ่งอย่างสงสัย แต่ชายหนุ่มไม่รู้ความคิดในใจของเล่อเหยาเหยา จึงเอ่ยขึ้นต่อว่า
“เสี่ยวเหยาจื่อ ข้าไม่รู้เจ้าจะทำเช่นไรต่อไป แต่เด็กคือผู้บริสุทธิ์ หากเจ้ากลัวอวี๋รู้เรื่องนี้แล้วไม่ต้องการเจ้า เช่นนั้นข้ารับผิดชอบเจ้าเอง เจ้ากลัวเลี้ยงเด็กไม่ไหว เช่นนั้นข้าจะเป็นบิดาให้เขา ข้าจะดูแลพวกเจ้าเอง!”
คำพูดของตงฟางไป๋ซาบซึ้งยิ่งนัก เรียกได้ว่าเป็นการสารภาพรักที่ทำให้หัวใจยังเต้นไม่เสื่อมคลาย
เมื่อได้ยิน เล่อเหยาเหยากระพริบตาคู่งามบวมแดงอีกครั้ง ในที่สุดก็ได้สติ จึงเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังหายใจติดขัด แฝงแดงก่ำนั้น
ชายหนุ่มเมื่อครู่น่าจะรีบร้อนวิ่งมาอย่างมาก เพราะเขาเวลานี้ เส้มผมก็ยังยุ่งเหยิง เสื้อผ้าก็ยับย่น บนใบหน้าสง่างามนั้นผิวแดงก่ำ บนหน้าผากอิ่มเอิบนั้นเต็มไปด้วยชั้นเหงื่อ รวมทั้งหน้าอกที่เต้นขึ้นลงอย่างรุนแรงไม่หยุด ลมหายใจติดขัด
เมื่อครู่เขาต้องตามหาตนอย่างร้อนใจแน่นอน กลัวว่าตนจะทำเรื่องที่โง่เขลา
เล่อเหยาเหยาคิดในใจ ในใจอดอบอุ่นไม่ได้ จึงยิ้มจางๆ ท่ามกลางสายตาร้อนใจของชายหนุ่ม
แม้เมื่อครู่เธอจะร้องไห้อย่างหนัก ทำให้ดวงตาบวมแดงน่าตกใจ แต่รอยยิ้มที่มุมปากของเธอตอนนี้ กลับมาจากใจจริง
“พี่ไป๋ ข้าไม่ได้คิดฆ่าตัวตาย”
“หา! เจ้า เจ้าไม่ได้ฆ่าตัวตาย เช่นนั้นเจ้าไปยืนทำสิ่งใดตรงนั้น!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา และเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเธอ ตงฟางไป๋กลับสงสัย
ไม่แปลกที่เมื่อครู่เขาจะคิดว่าเธอจะฆ่าตัวตาย
เพราะเมื่อครู่หลังจากเล่อเหยาเหยารู้ว่าตนตั้งครรภ์ สีหน้าดูตื่นตระหนกราวถูกโจมตี สุดท้ายยังวิ่งออกมาจากโรงหมอคล้ายเสียสติ เวลานั้นตงฟางไป๋ตกใจจนอกสั่นขวัญแขวน
ไม่ง่ายกว่าจะจัดการคนไข้คนนั้นได้ ตงฟางไป๋จึงรีบตามหาเล่อเหยาเหยาบนถนนโดยไม่หยุดพัก
เขาตามหาอยู่นาน ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่ร้อนระอุเช่นนี้ จนเหงื่อไหลดุจสายฝน ใจร้อนรนดุจไฟ ในที่สุดสวรรค์ก็เห็นใจคนที่ตั้งใจ เขาเจอเธอ
คิดไม่ถึง คนที่เขาคิดตามหา เวลานี้กำลังยืนอยู่เหนือทะเลสาบ ยังมีท่าทางคล้ายจะกระโดดน้ำ ทันใดนั้น ตงฟางไป๋ตกใจจนอกสั่นขวัญแขวน ไร้ซึ่งวิญญาณ ดังนั้นจึงพุ่งเข้าไปโดยไม่คิด
โชคดีเขาปรากฎตัวได้ทันเวลา โอบคนที่คิดจะ ‘ฆ่าตัวตาย’ นั้นไว้ได้
แต่เมื่อโอบกอดคนในอ้อมกอด ตงฟางไป๋ยังคงหวาดกลัวเช่นเดิม
หากเขามาช้าไปหนึ่งก้าวจะทำเช่นไร
หากเธอตาย ควรทำเช่นไร
คิดไปแล้ว ใจของตงฟางไป๋ว้าวุ่น หวาดกลัวอย่างที่สุด
แต่ขณะที่เขายังหวาดกลัว คนตัวเล็กตรงหน้ากลับเอ่ยว่าเธอไม่ได้ฆ่าตัวตาย และบนใบหน้ายังประดับด้วยรอยยิ้ม
นี่เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไปหรือไม่
มิน่าผู้อื่นจึงมักพูดว่าใจของสตรี ดุจเข็มในทะเล!
ขณะตงฟางไป๋ตะลึงงัน เล่อเหยาเหยาที่ถูกเขาโอบกอด ได้สติว่าตนยังอยู่ในอ้อมกอดของตงฟางไป๋ ใบหน้าจิ้มลิ้มตะลึงชั่วขณะ ก่อนขยับตัวครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า
“พี่ไป๋ ท่านปล่อยข้าแล้วค่อยคุยกันดีหรือไม่”
“เอ่อ ๆ ได้สิ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋ได้สติ พลันคลายมือออก
พร้อมคิดในใจว่าเมื่อครู่ตนโอบกอดเล่อเหยาเหยาเช่นนี้ และยังพูดคำพูดพวกนั้นออกไป ทันใดนั้น ใบหน้าหล่อเหลาของตงฟางไป๋เก้อเขินชั่วขณะ ก่อนยิ่งแดงก่ำขึ้น
เพื่อปิดบังท่าทางอึดอัดเมื่อครู่ ตงฟางไป๋จึงยื่นมือลูบจมูก ก่อนไอเบาๆ ออกมาอยู่ครู่หนึ่ง
ทว่าสำหรับความเก้อเขินของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยากลับไม่ได้สังเกตเห็น เธอกลัวเพียงตงฟางไป๋กังวลใจตน จึงพลันเอ่ยปากขึ้นว่า
“พี่ไป๋ ข้าคิดได้แล้ว”
“หา คิดสิ่งใดได้หรือ”
สำหรับคำพูดเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋สงสัยอย่างยิ่ง
เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น ก็เอ่ยพูดตามความจริงโดยไม่มีปิดบังแม้แต่น้อย
“ข้าตัดใจ จะคลอดเด็กในท้องออกมา”
เมื่อเล่อเหยาเหยาพูดถึงประโยคนี้ ไม่มีความลังเลเช่นเมื่อครู่ ดวงตาคู่งามที่บวมแดงนั้น ปรากฎความแน่วแน่ออกมา
ตงฟางไป๋เห็นเช่นนั้น มีแววตาแปลกใจ
“เมื่อครู่ เจ้าเอ่ยว่าไม่ต้องการเด็กคนนี้มิใช่หรือ และไม่รู้บิดาของเด็กคือผู้ใด เหตุใดตอนนี้จึงพลันเปลี่ยนความคิดเช่นนี้”
เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาไม่คล้ายสับสนวุ่นวาย และไม่มีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย กลับมีสีหน้าท่าทางแน่วแน่ ตงฟางไป๋สงสัยในใจไม่หยุด
นี่เธอเป็นสตรีเช่นไรกันแน่!
หากเป็นสตรีนางอื่น ในสถานการณ์เช่นนี้ ต้องวิตกกังวล และทำเรื่องโง่เขลาออกมา
แต่คนตัวเล็กตรงหน้า อายุยังน้อย ขณะพบเจอเรื่องประเภทนี้ ถึงจะตื่นตระหนกตกใจ แต่กลับคิดได้อย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เมื่อเห็นคนตรงหน้าสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความแน่วแน่ ลำพองใจ ตงฟางไป๋อดตะลึงในใจไม่ได้ คล้ายกับมีบางอย่างกระแทกเข้าที่ผนังหัวใจของเขาอย่างรุนแรง
สตรีผู้นี้ มีเอกลักษณ์และน่าหลงใหล!
เธอที่โดดเด่นชวนหลงใหลเช่นนี้ จะไม่ทำให้เขาชื่นชอบได้เช่นไร!
ขณะตงฟางไป๋ลุ่มหลงใจเต้นอยู่กับท่าทางของหญิงสาว เล่อเหยาเหยากลับไม่รับรู้ถึงความในใจที่ตงฟางไป๋มีต่อตนเลยแม้แต่นิดเดียว กลับเอ่ยด้วยสีหน้าแน่วแน่ว่า
“แม้เมื่อครู่ข้าจะคิดไม่ต้องการเด็กคนนี้จริง เพราะความจริงข้าไม่รู้บิดาของเขาคือผู้ใด และกลัวว่าเพราะเด็กคนนี้ ข้ากับอวี๋…”
พอพูดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาชะงักงัน แววตาแม้จะปรากฎความเศร้าโศกเสียใจหลายส่วน แต่ไม่นานก็ถูกความแน่วแน่เข้ามาแทนที่
จากนั้นยื่นมือลูบหน้าท้องที่ยังแบบราบของตนอย่างเบามือ ใบหน้าอดอ่อนโยนลงไม่ได้ ทว่ากลับเอ่ยอย่างแน่วแน่ว่า
“เด็กคนนี้ คือลูกของข้า อยู่ในตัวของข้า มีเลือดของข้า มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด เหตุใดจะกล้าลงมือทำร้ายเขาได้ลงคอ และแม้ข้าจะไม่รู้ว่าบิดาของเด็กในท้องคือผู้ใด แต่ไม่ว่าเด็กคนนี้จะมีบิดาหรือไม่ ข้าจะคลอดเขาออกมา เพราะเขาอยู่ในท้องของข้า พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเรามีโชคชะตาเป็นมารดาและบุตรกัน ดังนั้น ข้าจะไม่ทอดทิ้งเขา!”
พอเอ่ยประโยคสุดท้ายจบ แววตาเล่อเหยาเหยาปรากฎแสงแห่งความหนักแน่นออกมา สว่างไสว แพรวพราวยิ่งนัก!
เห็นเช่นนั้น ใจของตงฟางไป๋อดเต้นแรงไม่ได้
หัวใจก็พลันเต้นระรัว
แอบถอนหายใจในใจ
คนตรงหน้านี้ เป็นเพียงสาวน้อยอายุสิบหกจริงหรือ!
การตัดสินใจ แน่วแน่ของเธอ ทั้งหมดนี้ทำให้เขาเลื่อมใส!
ตงฟางไป๋หลังตกตะลึง ดวงตาดำขลับเป็นประกายครู่หนึ่ง ก่อนยิ้มมุมปากพลางเอ่ยขึ้นว่า
“ดี เสี่ยวเหยาจื่อที่เป็นเช่นนี้ จึงจะยอดเยี่ยมที่สุด!”
“ฮ่า ๆ พี่ไป๋ ขอบคุณท่าน!”
เมื่อได้ยินคำพูดของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยามีสีหน้าอ่อนลง ก่อนยิ้มให้กับตงฟางไป๋ พร้อมเอ่ยขอบคุณเขาขึ้นมา
“หา ขอบคุณข้าหรือ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋มีสีหน้าตะลึงเล็กน้อย แสดงถึงความไม่เข้าใจ
ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะของเล่อเหยาเหยา
“ข้ารู้ คำพูดเมื่อครู่ของท่านล้วนคือความจริง ท่านเพื่อข้าแล้ว จึงวิตกกังวลเช่นนี้ ท่านดีต่อข้า ข้าจะจดจำไว้ในใจ ชั่วชีวิตนี้ไม่มีวันลืมแน่ ชาตินี้ได้มีพี่ชายเช่นท่าน ช่างโชคดีจริงๆ !”
เดิมทีเมื่อได้ฟังคำพูดของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋ตกใจในใจ คิดว่าเล่อเหยาเหยาเข้าใจความในใจของเขา แต่สุดท้ายเมื่อได้ฟังประโยคถัดมาของเธอ ในใจของตงฟางไป๋อดขมขื่นขึ้นมาไม่ได้
ที่แท้ตลอดเวลา เธอเพียงคิดว่าเขาเห็นเธอเป็นน้องสาว
ในใจแม้จะผิดหวังอย่างหนัก แต่เมื่อเห็นใบหน้าเล็กยิ้มแย้มดุจบุปผาตรงหน้านี้ ตงฟางไป๋รู้สึกเพียงในใจตนทุกข์ทรมานและว่างเปล่า
เพียงเธอดีใจ เขาจะเป็นพี่ชายให้เธอไปตลอดชีวิต!