สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 169.2 ความจริงเปิดเผย (2)
จุมพิตของชายหนุ่ม นับวันยิ่งมีฝีมือ
แฝงด้วยความรุนแรงราวลมพายุฝนอันบ้าคลั่ง ลิ้นยาวที่สอดเข้ามา งัดเปิดฟันของเธอ จากนั้นกวาดซับภายในปากเธอไม่หยุด ก่อนดูดกลืนสุราชั้นเลิศในปากเธอไปจนหมด
โดยไม่หลงเหลือไว้ให้เธอแม้แต่หยดเดียว
และหลังจากเขาดูดกลืนสุราในปากเธอไปจนหมด ชายหนุ่มไม่คิดผละออกไปเลยแม้แต่น้อย ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ภายในปากเธอเช่นเดิม
เมื่อรู้สึกถึงความดุดัน อ่อนโยนของชายหนุ่ม ทำให้เล่อเหยาเหยาใจเต้นระรัว สองมือก็ยื่นไปเกี่ยวคอของชายหนุ่มไว้ ก่อนจุมพิตตอบโต้ชายหนุ่มอย่างเขินอายหลายส่วน
สำหรับการกระทำของเล่อเหยาเหยา ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋ดีใจ มือใหญ่ที่ยกคางเล่อเหยาเหยาขึ้น ค่อยๆ เลื่อนไปที่ท้ายทอยของเธอ
ทว่าเมื่อมือใหญ่ของเขาเลื่อนไปที่เส้นผมที่ถูกรวบอย่างเป็นระเบียบนั้น คิ้วอดขมวดเล็กน้อยไม่ได้ ทันใดนั้น ฉีกสายคาดผมที่ผูกรัดเส้นผมนั้นออกทันที
ทันใดนั้น ผมยาวดำขลับที่นุ่มลื่น พลันสยายลงมา
เมื่อเส้นผมยาวสลวย สยายลงมา ดวงตาชายหนุ่มพลันเปล่งประกายชั่วขณะ
เห็นเพียงเวลานี้ แสงจันทร์ดึงดูดใจ แสงโคมไฟพร่าสลัว สาดเข้ามาอย่างอ่อนโยน
คนในอ้อมกอดเขา ผมยาวสลวย กระจายทั่วแผ่นหลังและหน้าอก ทำให้ใบหน้าเล็กนั้น ดูเกลี้ยงเกลา งดงามดุจกวนหยก
คิ้มเข้มดุจภาพหมึก ริมฝีปากเย้ายวนใจ ทว่าสิ่งที่เย้ายวนใจที่สุดคือ ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความเมามายที่แฝงความบริสุทธิ์ดุจเทพเซียน และชวนหลงใหลดุจปีศาจคู่นั้น
รวมทั้งสองแก้มแดงก่ำ สวยหยาดเยิ้มน่าหลงใหล เผยเสน่ห์ออกมา
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดกลืนน้ำลายไม่ได้ ดวงตาเย็นชาที่มองเล่อเหยาเหยาลึกล้ำยิ่งขึ้น
“เจ้า งดงามเสียจริง”
น้ำเสียงชายหนุ่มแหบพร่า แฝงด้วยความตกตะลึงและไฟปรารถนา
ตั้งแต่เด็ก เขาเกิดมาในตระกูลเชื้อพระวงศ์ รอบกายมีสาวงามมากมาย
แต่กลับไม่มีผู้ใดทำให้เขาใจเต้นเช่นนี้
เวลานี้สาวน้อยที่นอนอยู่ในอ้อมกอดเขา บางครั้งไร้เดียงสาดุจเทพเซียน ทำให้คนสงสารเห็นใจจากก้นบึ้งหัวใจ
บางครั้งดุจปีศาจที่ล่อลวงใจคน ทำให้คนใจเต้น อยากจุมพิตปากเล็กน่าหลงใหลของเธอ ก่อนพลิกตัวเธอ…
ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อเห็นสาวน้อยงดงามในอ้อมกอดเปี่ยมด้วยความเมามาย ดวงตาแฝงด้วยน้ำตา เส้นผมสยายลงมา ในใจเหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับผิดปกติขึ้นมา
คล้ายภาพนี้ เขาเคยเห็นที่ใดมาก่อน
ก่อนหน้านี้ คล้ายมีสาวน้อยผู้หนึ่ง ใบหน้าจิ้มลิ้มร้องไห้ ดวงตาเอ่อคลอด้วยน้ำตา จ้องมองเขาอย่างเสียใจ
แต่เขาเห็นสาวน้อยผู้นั้นเมื่อใดกันแน่ ทันใดนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้สึก เรื่องนี้ต้องสำคัญกับเขาอย่างมากแน่นอน ดังนั้น เขาจึงเริ่มพยายามนึกย้อนไป
แต่ขณะที่กำลังจะได้คำตอบ หูพลันได้ยินเสียง ‘ฮือๆ’ คล้ายร้องไห้ดังขึ้นมา ทำให้เขาพลันได้สติจากการขบคิด
เมื่อเห็นคนในอ้อมกอดพลันร้องไห้ราวเด็กน้อย คิ้วเหลิ่งจวิ้นอวี๋พลันขมวดมุ่น
แววตาเต็มไปด้วยความกังวลอย่างรวดเร็ว ก่อนเอ่ยถามว่า
“เหตุใดจึงร้องไห้”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงแหบพร่าแฝงกังวลห่วงใยของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยารู้สึกน้อยใจยิ่งขึ้น
เดิมทีเธออยากมอมตนเอง ทำให้ตนลืมเลือนเรื่องไม่ดีทั้งหมด
กลับคิดไม่ถึง ดื่มสุราคลายทุกข์จะยิ่งทุกข์ใจ
เมื่อเห็นความหล่อเหลาของชายหนุ่ม ความอ่อนโยนของเขา ความรักใคร่ของเขา ความดีของเขา และนึกถึงวันที่ต้องแยกจากเขา เล่อเหยาเหยาทนรับไม่ไหว
เหตุใดสวรรค์ต้องทำเช่นนี้กับเธอ!
ขณะที่เธอไม่ได้เตรียมใจกับสถานการณ์เช่นนี้ กลับส่งเธอมาที่ยุคสมัยที่แปลกตานี้
และขณะที่เธอชอบชายหนุ่มตรงหน้านี้ วางแผนอยู่กับเขาเช่นนี้ตลอดไป กลับทำให้เธอรู้ว่า ตนตั้งครรภ์ และไม่รู้บิดาของเด็กคือผู้ใด!
เธอยอมรับ เธอเป็นเพียงสาวน้อยคนหนึ่ง ความปรารถนาไม่มากมาย ไม่ร้องขอให้มีความรักที่น่าตื่นเต้นพวกนั้น เพียงอยากผ่านไปอย่างสงบเรียบง่าย แต่เหตุใดสวรรค์กลับกระทั่งความปรารถนาเล็กน้อยนี้จึงไม่ยอมให้เธอสมหวัง!
ยิ่งคิด เล่อเหยาเหยายิ่งน้อยใจ น้ำมูกน้ำตาไหลอาบทั่วใบหน้า สุดท้าย เธอเพียงถูใบหน้ากับหน้าอกของชายหนุ่มเพื่อเช็ดน้ำมูกน้ำตาที่ไหลไม่หยุดนั้น
เมื่อเห็นปกเสื้อตรงหน้าอกตนเปียกชุ่ม เหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับไม่แยแส
เพราะเวลานี้ทั้งใจของเขาต่างอยู่ที่คนตัวเล็กในอ้อมกอด
เมื่อเห็นใบหน้าเล็กของเธอร้องไห้อย่างน่าสงสาร ราวกับเสียใจสิ้นหวัง นี่ดุจมีคนหยิบมีดมาแทงหัวใจเขาไม่หยุดจริงๆ
สุดท้าย เหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็ทนไม่ไหว พลางตบที่ไหล่ของคนตัวเล็กในอ้อมกอดเบาๆ ดุจบิดา พลางเอ่ยปลอบใจเบาๆ ว่า
“เด็กดี มีเรื่องลำบากใจสิ่งใดก็พูดออกมา เปิ่นหวางจะช่วยจัดการให้เจ้าเอง” ไม่ว่าสังหารคนวางเพลิง เขายินยอมทำเพื่อเธอ เพียงให้เธอสบายใจ
เมื่อได้ยินคำปลอบใจที่อ่อนโยนของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาก็กลั้นไม่ไหวอีกต่อไป
เธอถูกชายหนุ่มโอบกอด เสียงตบบนไหล่ด้านข้างดังเข้ามา ความอ่อนโยนเช่นนี้ บรรยากาศคุ้นเคยเช่นนี้ ความรู้สึกสนิทสนมเช่นนี้ ทำให้เธอราวย้อนกลับไปยังอดีต
ก่อนหน้านี้ เมื่อเธอเจอเรื่องที่ไม่สบายใจ เธอจะซบอยู่ในอ้อมกอดของบิดา ร้องไห้น่าสงสาร จากนั้นก็ออดอ้อน
ส่วนบิดาเธอจะคล้ายเช่นในตอนนี้ ใช้มือตบที่ไหล่เธอเบาๆ ก่อนเอ่ยกับเธอที่ร้องไห้อยู่ในอกว่า
“เด็กดี มีปัญหาเรื่องใดพูดออกมา พ่อจะแบกรับมันไว้เอง มีเด็กเกเรกล้ารังแกลูกรักของพ่อหรือ”
เวลานั้น เมื่อได้ยินคำพูดของบิดา เธอจะไม่เสียใจ
ดังเช่นในเวลานี้
แน่นอน เธอรู้ว่าชายผู้นี้มิใช่บิดาเธอ แต่กลับเป็นชายหนุ่มที่เธอชื่นชอบที่สุด
ซบอยู่ในอ้อมกอดเขา คล้ายกับแม้ฟ้าจะถล่มลงมา มีมือเขาต้านทานเอาไว้ บดบังลมฝนให้แก่เธอ เป็นที่หลบภัยที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเธอ
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงไม่คิดและไม่อดกลั้นอีกต่อไป ก่อนร้องไห้ ระบายความเสียใจทรมานทั้งหมดในใจตนออกมา
“อวี๋ อย่าดีกับข้าได้หรือไม่ ข้าไม่มีค่าพอ”
“เอ่อ”
เดิมคิดว่าเล่อเหยาเหยาอาจมีเรื่องเสียใจ คิดไม่ถึงกลับได้ยินเธอเอ่ยพูดประโยคนี้ออกมา ทันใดนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้สึกไม่เข้าใจ
ทว่าสุดท้าย เขายังเอ่ยปากขึ้น
“เปิ่นหวางดีกับเจ้า เพราะเปิ่นหวางเหมาะสม”
บนโลกนี้ ไม่มีผู้ใดที่สมควรได้รับการปฏิบัติที่อ่อนโยนเช่นนี้ของเขาจริงๆ
และการดีกับเธอ เห็นท่าทางดีใจของเธอ ทำให้เขารู้สึกภูมิใจและพอใจอย่างมาก
พูดแล้วก็น่าขัน
บนโลกที่เต็มไปด้วยความโลภนี้ เขามีอำนาจ เงินทองที่ไร้ขีดจำกัด แต่เขากลับไม่มีวันใดที่สบายใจ
และไม่เคยดีใจเช่นในตอนนี้
หากเปรียบเทียบกับตอนนี้ เขาก่อนหน้านี้ สามารถพูดได้ว่าคือศพที่มีชีวิต
แต่หลังจากคนในอ้อมกอดนี้ปรากฎตัวขึ้น ทันใดนั้น เขาพบว่าเดิมทีโลกที่มืดมนของเขา ค่อยๆ เริ่มมีสีสันขึ้น
เขารู้จักยิ้ม เขาดีใจ พอใจ
ทั้งหมด เป็นเพราะคนในอ้อมกอดนี้
พอคิดถึงตรงนี้ สายตาที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋มองเล่อเหยาเหยายิ่งอ่อนโยนมากขึ้น
คิดไม่ถึง หลังเหลิ่งจวิ้นอวี๋เอ่ยประโยคนั้นจบ เล่อเหยาเหยาจะพลางเช็ดน้ำตา พลางส่ายหน้าดุจระลอกคลื่น ก่อนเอ่ยว่า
“ไม่ ไม่ ข้าไม่เหมาะ ท่านควรหาหญิงสาวที่ดีและควรรัก”
“โอ้ เช่นนั้นเจ้าพูดมา เปิ่นหวางควรหาสตรีเช่นไรถึงจะดี!”
สำหรับท่าทางส่ายหน้าดุจระลอกคลื่นของเล่อเหยาเหยา ในใจรู้ว่าเธอเมามาย แต่สุดท้ายพูดความจริงมิใช่หรือ
เมื่อครู่ทราบว่าเธอมีเรื่องในใจ ประจวบเหมาะเวลานี้ ต้องหลอกให้เธอพูดออกมาว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่
และเขาจะให้เธอรู้ว่า ไม่ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น เขาจะช่วยจัดการให้เธอ
และอยากให้เธอรู้ว่าบนโลกนี้มีสาวงามมากมาย แต่เขามีเพียงเธอผู้เดียว ให้เขาชื่นชอบและรักใคร่เช่นนี้
ขณะเหลิ่งจวิ้นอวี๋คิดในใจ เล่อเหยาเหยาที่กำลังร้องไห้หลังได้ยินคำพูดนี้ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ใบหน้าจิ้มลิ้มตะลึงชั่วขณะ พลันเสียใจขึ้นมา
ทว่าเธอยังขบคิด ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างจริงจังว่า
“บุรุษที่ดีเช่นท่าน ควรหาสตรีที่ดีสุภาพเรียบร้อย เธอต้องงดงามโดดเด่น จึงจะเหมาะสมกับท่าน”
ที่สำคัญคือ ผู้หญิงคนนั้นไม่เพียงกายใจต่างบริสุทธิ์ ไม่เหมือนกับเธอ
ร่างกายเธอไม่บริสุทธิ์
แม้เธอจะไม่ใช่คนที่เกิดและเติบโตในยุคโบราณ แต่ภายในกระดูกความคิดกลับอนุรักษ์นิยมอย่างมาก
และชายในยุคปัจจุบันต่างใส่ใจว่าตนเป็นคนแรกของผู้หญิงของตนหรือไม่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยุคที่อนุรักษ์นิยมเช่นนี้
สิ่งสำคัญคือ ภายในท้องของเธอยังมีบุตรของชายอื่น
เธอเป็นเช่นนี้ จะเหมาะสมกับชายหนุ่มที่ดีเช่นเขาได้อย่างไร
อีกทั้งตอนนี้ทั้งหมดที่อวี๋ดีกับเธอ เพราะยังไม่รู้เรื่องราวเหล่านี้ของเธอ
หากเขารู้ จะเป็นเช่นไร
จะโกรธเคือง จะทอดทิ้งเธอ จะเกลียดชังเธอ!
แม้สุดท้ายเขายอมรับเธอ ทว่าในใจคงหนามยอกอกแน่นอน
และตอนนี้ เธอคิดคลอดเด็กคนนี้ออกมา
เพราะเด็กคนนี้คือผู้บริสุทธิ์
แม้สำหรับเด็กคนนี้ เธอจะไม่ได้เตรียมใจเลยสักนิด
แต่เธอกลับรู้ว่าเด็กคนนี้ไม่มีความผิดเลยแม้แต่น้อย
เหมือนกับที่ตัวเธอเองก็ไม่ผิด
ผิดก็คงผิดที่เธอข้ามเวลามาอยู่ในร่างนี้
ยิ่งคิด เล่อเหยาเหยายิ่งโศกเศร้า แต่เธอยังยืนหยัดที่จะเอ่ยคำพูดนี้ให้จบ
น้ำตา เปียกชุ่มทั่วปกเสื้อ
เพราะความจริง เธอไม่อยากให้ชายหนุ่มที่ตนรัก ไปชื่นชอบผู้หญิงคนอื่น ไม่อยากเลยแม้แต่น้อย
แต่เรื่องทั้งหมดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะตนจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้
เล่อเหยาเหยารู้สึกเสียใจ รู้สึกว่าตนใกล้จะหายใจไม่ออก จึงลุกออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม ส่วนชายหนุ่มกลับไม่ห้ามปรามเธอ เพียงมองเธอร้องไห้พร้อมลุกขึ้นจากไปอยู่เงียบๆ
แต่เธอดื่มสุรามากเกินไปจริงๆ กระทั่งเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็โซเซ ราวกับโลกนี้กำลังตกดิ่งลง
ดังนั้น ขณะเล่อเหยาเหยาเดินออกจากศาลาพักร้อน คิดเหยียบบันไดหินลงไป เท้ากลับพลันว่างเปล่า ร่างกายพลันสูญเสียการทรงตัว พุ่งล้มไปด้านหน้า
สำหรับความรู้สึกหกล้มอย่างรวดเร็วนี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาตื่นตระหนกในใจ พลันกรีดร้อง ‘อ๊า’ ขึ้น ก่อนคิดว่าตนต้องล้มลงไปแน่
แม้บันไดหินนี้จะไม่สูง แต่หากตกลงไปก็บาดเจ็บได้ ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังตั้งครรภ์…
พอคิดถึงตรงนี้ สิ่งแรกที่เล่อเหยาเหยาทำคือ ใช้สองมือปกป้องท้องของตนเอาไว้
คิดไปแล้ว หากตนหกล้มลงไป จะยังสามารถปกป้องเด็กเอาไว้ได้
นี่คือความสามารถของคนที่เป็นมารดา
แต่ขณะที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงแน่นที่เอว จากนั้นตนยังไม่ได้ตกลงไป ทว่ากลับตกอยู่ในอ้อมกอดของบางคน
เพราะเรื่องเมื่อครู่หัวใจจึงเต้นเร็ว “ตึกตักตึกตัก” คล้ายจะกระดอนออกมาจากหน้าอก
แม้ตอนนี้จะปลอดภัย แต่เล่อเหยาเหยายังคงหวาดผวาในใจ คิดไม่หยุดว่าหากเมื่อครู่เหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่รับเธอเอาไว้ เด็กภายในท้องเธอจะบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตหรือไม่
เพียงคิดถึงเรื่องนี้ เล่อเหยาเหยาตกใจเหงื่อไหลซึม เปียกชุ่มทั่วแผ่นหลัง
และพบว่า
เด็กที่เธอเพิ่งรู้ว่าตั้งครรภ์นี้ ความจริงมีความสำคัญในใจเธอ
เพราะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอ เด็กคนนี้มีเลือดของเธอ คือก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งในร่างกายเธอ!
โชคดี ตอนนี้ไม่เป็นสิ่งใด โชคดีจริง
แต่ขณะเล่อเหยาเหยาหายใจอย่างโล่งอก อดเงยหน้าขึ้นไม่ได้ พลันสบเข้ากับดวงตาเย็นชาที่ยากจะคาดเดาของชายหนุ่ม
ทันใดนั้น เล่อเหยาเหยาขนลุกชัน ร่างกายแข็งทื่อ
เสียง ‘ตูม’ ดังขึ้นพร้อมภายในสมองขาวโพลน เพราะสายตาของชายหนุ่ม!
เห็นเพียงชายหนุ่มเวลานี้นอนอยู่บนพื้น ใช้ร่างกายตนเป็นเบาะเนื้อ ปกป้องเธอไม่ให้บาดเจ็บ
แต่เวลานี้ สายตาเขากลับจ้องมือที่ปกป้องหน้าท้องของเธอ สายตาอ่านไม่ออก คล้ายขบคิดบางสิ่ง และยังสังเกตได้ถึงบางอย่าง
เพราะเมื่อครู่ท่าทางปกป้องหน้าท้องของเธอเด่นชัดเช่นนี้ คนฉลาดเช่นเขา จะไม่สังเกตได้เช่นไร