สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 169.3 ความจริงเปิดเผย (3)
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอกสั่นขวัญแขวน แทบไม่กล้าหายใจชั่วขณะ ดวงตาคู่งามเพียงเบิกกว้างอย่างขลาดกลัว มองชายหนุ่มใต้ร่างอย่างเหนียมอาย น้ำตาก็ลืมไหลออกมา
ตรงข้ามกับเล่อเหยาเหยาที่อกสั่นขวัญแขวน เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่ยอมเป็นเบาะเนื้อ กลับขมวดคิ้วแน่น
เพราะเมื่อครู่ที่เห็นขณะที่คนตรงหน้าจะหกล้ม เขาสังเกตเห็นว่าสิ่งแรกที่เธอทำคือปกป้องหน้าท้อง หากเป็นปกติ เดิมทีไม่ทำเช่นนี้ และท่าทางของเธอคือจิตใต้สำนัก หรือว่าสัญชาตญาน
ราวกับเธอต้องการปกป้องบางอย่าง
แต่ภายในท้องเธอเดิมทีไม่มีสิ่งใดมิใช่หรือ แต่ขณะชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย เธอกลับปกป้องหน้าท้อง หรือ…
เพียงความคิดนี้พลันเกิดขึ้นมาในใจของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ทำให้เขาตกใจอย่างหนัก
แม้ความคิดนี้จะไร้สาระอย่างยิ่ง แต่เขาอดนึกถึงความผิดปกติของคนผู้นี้ในวันนี้ไม่ได้
เธอคงจะรู้ว่า เขารู้เรื่องเธอคือสตรีแล้ว
แต่วันนี้เธอกลับผิดปกติเช่นนี้ ร้องห่มร้องไห้ และหน้าตาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ราวกับในใจแอบมีเรื่องเสียใจบางอย่าง
หรือสิ่งที่เขาคิดในใจจะคือความจริง!
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้สึกเพียงเกิดเสียง ‘ปัง’ ขึ้น ก่อนร่างกายพลันดุจถูกฟ้าผ่า ตะลึงอยู่ตรงนั้น
ดวงตาเย็นชาอดเบิกกว้างไม่ได้ แววตาแฝงด้วยความเหลือเชื่อ จ้องมองดวงตาที่วิตกกังวลของเล่อเหยาเหยา
“เจ้า หรือว่าเจ้า…”
สุดท้ายเหลิ่งจวิ้นอวี๋พูดคำเหล่านั้นไม่ออก แต่ทุกคนต่างมั่นใจจากภายในสายตาของแต่ละฝ่าย
เห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋รับรู้แล้ว เล่อเหยาเหยาจึงเสียใจ
ในที่สุด เรื่องราวถูกเขารู้หมดแล้ว
ในใจปวดแปลบชั่วขณะ เจ็บปวดอย่างยิ่ง!
แต่เล่อเหยาเหยาไม่ปิดบังอีกต่อไป ดวงตาเอ่อคลอด้วยน้ำตามองใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ ตะลึงงันด้านล่าง ก่อนเอ่ยปากว่า
“ใช่ ทุกอย่างเป็นดังที่ท่านคิด ข้าเป็นสตรี และข้าตั้งครรภ์!”
ข้าตั้งครรภ์! ข้าตั้งครรภ์! ข้าตั้งครรภ์! ข้าตั้งครรภ์!
สามคำนี้ เวลานี้คล้ายเสียงปีศาจที่สะท้อนอยู่ภายในสมองของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่หยุด ทำให้เขาตะลึงในใจ ดวงตาเย็นชาเบิกกว้าง
หากเมื่อครู่เขาเพียงเคาดเดา เช่นนั้นคำตอบของเล่อเหยาเหยาเวลานี้ ยืนยันความคิดในใจเขา เธอตั้งครรภ์จริง
“เด็กเป็นของผู้ใด!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋เงียบไปนาน ก่อนค่อยๆ วิเคราะห์ข้อมูลนี้ เอ่ยปากถามออกไปอย่างเย็นชาและแห้งผาก
เมื่อเห็นใบหน้ามึนงงของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ น้ำตาของเล่อเหยาเหยาไหลพรากลงมาอีกครั้ง
เสียง “เพี๊ยะ” ดังขึ้น ก่อนตกกระทบใบหน้าชายหนุ่มไม่หยุด
ครั้งนี้ เธอทำร้ายหัวใจเขาแล้วสิน่ะ!
ชายผู้นี้ ชื่นชอบเธอจริงๆ
เมื่อเห็นใบหน้าตกตะลึงเสียใจของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาร้องไห้หนักขึ้น และน้ำเสียงแฝงด้วยการขอภัยอย่างที่สุด
“ขอโทษอวี๋ ขอโทษ ข้าไม่อยากทำร้ายท่าน แต่เรื่องนี้ข้าเพิ่งรู้วันนี้ ข้าไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นของผู้ใด จู่ๆ เขาพลันปรากฎขึ้นมาในท้องข้า ฮือๆ”
ไม่ว่าเช่นไร เล่อเหยาเหยายังเป็นเด็กมอปลายอายุสิบแปดคนหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ เธอมีชีวิตเรียบง่ายอย่างยิ่ง
ในครอบครัวมีบิดามารดารักใคร่ทะนุถนอม ไม่เคยลำบากแม้แต่น้อย
ไม่เคยเผชิญกับปัญหาอุปสรรค
ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญกับเรื่องตั้งครรภ์ก่อนแต่งงานนี้ เธอจึงย่อมตกตะลึงไม่หยุด
โดยเฉพาะเมื่อชายที่ตนชื่นชอบถูกเรื่องของตนทำให้ตกใจ ใจก็ถูกทำร้าย หัวใจเล่อเหยาเหยาคล้ายเจ็บปวด เสียใจยิ่งกว่าถูกมีดเฉือน
น้ำตานั้น ดุจเขื่อนพังทลายกลั้นยังไงก็กลั้นไม่ได้
ไม่นาน น้ำตานั้นก็อาบเต็มใบหน้าชายหนุ่มใต้ร่าง ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋ได้ลิ้มรสความเค็มและขมขื่น
ตรงข้ามกับเล่อเหยาเหยาที่ร้องห่มร้องไห้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋หลังได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ต้องตกใจอีกครั้ง
“อะไรนะ เจ้าไม่รู้ว่าบิดาเด็กคือผู้ใดหรือ!”
ไม่แปลกที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋จะตกใจเช่นนี้ เพราะเรื่องเล่อเหยาเหยาตั้งครรภ์นี้ เธอไม่รู้เรื่องบิดาเด็ก ทำให้เขาตกตะลึงอย่างหนัก
ส่วนเล่อเหยาเหยาเมื่อเห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋ถูกเรื่องของเธอทำให้ตกใจอีกครั้ง เพียงกัดริมฝีปากล่างแน่น ไม่รู้ควรตอบเช่นไร
เพราะเรื่องนี้ เธอยังตอบตนเองไม่ได้
เธออยากถามว่าสุดท้ายเป็นผู้ใดที่ทิ้งสิ่งนี้ไว้ในท้องเธอ ทว่ากลับไม่เคยปรากฎ
ดังนั้น เธอจึงไม่รู้ว่าบิดาของเด็กคือผู้ใด
ทว่าเธอไม่รู้คำตอบนี้ของเธอ จะทำให้ชายหนุ่มคิดกับเธอเช่นไร
จะคิดว่าเธอเป็นหญิงดอกหยางน้ำ ที่ทำเรื่องเช่นนี้กับชายอื่นออกมาหรือไม่ ถึงกลับไม่รู้ว่าบิดาของเด็กคือผู้ใด
พอนึกว่าชายหนุ่มอาจเข้าใจเธอผิด ทำให้เล่อเหยาเหยาปวดใจสิ้นหวัง จนแทบหายใจไม่ออก
เพราะโศกเศร้าเสียใจ เล่อเหยาเหยากัดริมฝีปากล่างแน่นอย่างลืมตัว กระทั่งริมฝีปากล่างถูกเธอกัดจนเลือดไหลออกมา โดยไม่รู้ตัว
เลือดสีแดงสดที่ผสมเข้ากับน้ำตาใสแจ๋วนั้น ค่อยๆ ไหลลงจากริมฝีปากเธอ ก่อนหยดลงบนใบหน้าชายหนุ่ม
ความอุ่น ความร้อน นั่นคือน้ำตาผสมกับเลือด
ส่วนเล่อเหยาเหยายังคงกัดริมฝีปากร้องไห้อยู่ตรงนั้น
ดวงตาเธอ บวมเป่งเพราะร้องไห้
ดวงตาคู่ที่กระจ่างใส ดุจบ่อน้ำสองบ่อ เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ทำให้คนที่เห็นต่างรู้สึกไม่สบายใจ
ชายหนุ่มเมื่อเห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของสาวน้อยบนร่างกาย ในใจกำลังขบคิดเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันนี้
เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป ทำให้เขาตั้งตัวรับมือไม่ทัน
คิดไปแล้ว ตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่ ไม่มีเรื่องใดทำให้เขาสูญเสียการควบคุม ทำตัวไม่ถูก
อาจเพราะคนตรงหน้า คือหญิงสาวที่ตนชื่นชอบที่สุด!
จำได้ว่าก่อนที่รับรู้ว่าตนกลับชื่นชอบคนตรงหน้านี้ เขาเคยลังเลต่อต้าน
เพราะจะพูดเช่นไร เขาเป็นบุรุษธรรมดาคนหนึ่ง จะสามารถชอบขันทีผู้หนึ่งได้เช่นไร!
ทว่าสุดท้ายไม่ว่าเขาจะต่อสู้เช่นไรก็ตาม ใจของเขายังถูกคนตัวเล็กนี้ยึดครองไป
เขาขณะนั้น ทำลายศีลธรรมจริยธรรมลงแล้ว
ชื่นชอบก็ชื่นชอบเถิด!
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นบุรุษหรือสตรี
ไม่ใช่เขาไม่ปกติ เพียงคนที่เขาชื่นชอบเป็นบุรุษเท่านั้น
เดิมทีเขาค่อยๆ เริ่มยอมรับเรื่องชื่นชอบบุรุษของตน รู้สึกว่าเป็นความจริง เรื่องนี้น่าตกตะลึงเช่นนี้เขาล้วนรับได้ ยังมีเรื่องใดที่เขาจะรับไม่ได้อีก!
แต่ตอนนี้ เมื่อได้ยินเธอ ยอมรับจากปากว่าตนคือสตรี
เขาดีใจดุจบ้าคลั่ง ทว่าเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของเธอนั้น ทำให้เขาตกตะลึงอีกครั้ง
เขาสามารถยอมรับว่าคนที่ตนชอบเป็นบุรุษได้ แต่เขาเป็นคนหวงแหนสิ่งที่ตนรัก เขาเผด็จการ ไม่ชื่นชอบให้สิ่งของที่ตนชอบถูกคนอื่นครอบครอง แทบจะนำเธอบดขยี้เข้าไปในกระดูกของเขา ไม่ให้ผู้ใดเห็นความงามของเธอ!
แต่ตอนนี้…
เธอกลับตั้งครรภ์ บิดาของเด็กกลับไม่ใช่เขา
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงรู้สึกในใจคล้ายถูกก้อนหินขนาดมหึมากดทับอยู่ จนแทบทำให้เขาหายใจไม่ออก
สมองขาวโพลน และคิดสิ่งใดไม่ออก
เพราะเรื่องนี้จู่โจมเขารุนแรงเกินไปจริงๆ
ความจริงสำหรับคนที่ถูกจู่โจม ไม่ได้มีเพียงเขาคนเดียว
วันนี้เมื่อพบว่าตนตั้งครรภ์ เล่อเหยาเหยากระทั่งไม่อยากมีชีวิตอยู่
ตอนนี้ เมื่อเห็นชายหนุ่มที่ตนชื่นชอบที่สุดเต็มไปด้วยความตกตะลึงเสียใจ เธอปวดใจอย่างหนัก
แต่เรื่องได้พัฒนามาถึงขั้นนี้ ไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีกแล้ว
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาเจ็บปวดจนใจแทบขาด น้ำตาไหลหนักขึ้น
“ขออภัยอวี๋ ขออภัย ข้าก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เด็กคนนี้ข้าก็ไม่รู้ว่าเป็นของผู้ใด ข้าเป็นเช่นนี้ จึงไม่เหมาะสมกับท่าน ไม่คู่ควรให้ท่านดีต่อข้า ไม่คู่ควร”
เล่อเหยาเหยาร้องไห้ดุจดอกแพร์กลางสายฝน งดงามจับใจอย่างยิ่ง
บนใบหน้าดุจหยกขาวนั้น น้ำตาเป็นประกายอาบไล้ทั่วสองแก้ม ทำให้เธอดุจบัวหลังฝน สดชื่นตรึงใจ ทำให้คนที่เห็นสงสารเธอจากใจ
และดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาคู่นั้น ดุจบ่อน้ำใสสะอาด แวววาวสดใส ประกายน้ำมีเสน่ห์ชวนหลงใหล กระเพื่อมอยู่ในแววตาเธอไม่หยุด
เมื่อเห็นใบหน้างามโศกเศร้าเสียใจนี้ ใจที่ตกตะลึงของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ค่อยๆ ตกใจชั่วขณะ
เขารู้สึกเพียงภายในสมองสั่นสะเทือน พลันได้สติทันที
เพราะใบหน้าเปื้อนน้ำตาตรงหน้านี้ คุ้นตายิ่งนัก
กลิ่นสุราเข้มข้นกระจายทั่วอากาศ หูได้ยินเสียงร้องไห้ของเธอ สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือใบหน้าเปื้อนน้ำตางดงามนี้
ภาพนี้ คล้ายคลึงกันยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ไม่นาน เป็นตอนกลางคืน คืนนั้นเขาเพราะวันครบรอบวันตายของเสด็จแม่ จึงปล่อยให้ตนดื่มสุราจนเมามายอย่างหนัก สุดท้ายเมื่อเขาตื่นขึ้นมา เพียงจำได้เลือนลางว่า ในคืนนั้นมีหญิงสาวงดงามผู้หนึ่ง ร้องไห้ อ้อนวอนอยู่ใต้ร่างเขา
เหลิ่งจวิ้นอวี๋คิดในใจ เรื่องราวในคืนนั้นวนเวียนอยู่ในสมองไม่หยุด สุดท้ายสิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงก็คือ หญิงสาวงดงามในคืนนั้น กลับเหมือนกับใบหน้าเปื้อนน้ำตาตรงหน้าราวพิมพ์เดียวกัน!
ใจดุจถูกค้อนทุบลงอย่างหนัก
เสียงหัวใจเต้น ‘ตึกตักตึกตัก’ อย่างรวดเร็วขึ้นมา รุนแรงราวกับจะกระดอนออกมาจากอก
การเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในทันทีทันใดนี้ ทั้งเรื่องมงคล เรื่องโศกเศร้า ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋ตะลึงอยู่เป็นเวลานาน ก่อนจะได้สติกลับมา ทว่ายังคงไม่มั่นใจเช่นเดิม
หรือสองเดือนก่อนหน้านี้ สาวงามที่ร้องไห้อยู่ใต้ร่างเขานั้น จะเป็นเธอ!
เหลิ่งจวิ้นอวี๋สงสัยในใจ จนผ่านไปนาน จึงเอ่ยปากถามหยั่งเชิงขึ้นว่า
“เจ้าตั้งครรภ์มานานเพียงใดแล้ว”
“เอ่อ”
เล่อเหยาเหยาที่ร้องไห้อยู่ตลอด เมื่อพลันได้ยินคำถามของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เห็นชัดว่ายังไม่ได้สติ
เพราะเมื่อครู่เธอเตรียมใจไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อเหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้เรื่องเธอตั้งครรภ์ ต้องโมโหอย่างหนัก หรืออาจจะแย่กว่าที่เธอได้เตรียมตัวไว้ คิดไม่ถึง เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงตะลึงชั่วขณะ ก่อนพลันเอ่ยถามขึ้น
แม้เล่อเหยาเหยาจะสงสัยในใจ ทว่ายังเอ่ยปากเอ่ยตอบตามความจริงว่า
“สะ…สองเดือนแล้ว”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยอย่างสะอื้น เพราะร้องไห้มาเป็นเวลานาน ไม่เพียงดวงตาบวมแดง ยังสะอึกสะอื้นตลอดเวลา ไม่สบายอย่างยิ่ง
ทว่าเธอกลับไม่สนใจไยดีสิ่งเหล่านี้ น้ำตาไม่เพียงไหลหยดลงบนใบหน้าชายหนุ่มใต้ล่าง เห็นหลังจากชายหนุ่มได้ยินคำพูดของตน ดวงตาเย็นชาพลันเบิกกว้าง
ไม่รู้เพราะเธอร้องไห้นานเกินไป จนทำให้ดวงตาบอบซ้ำหรือเพราะเหตุใด เธอกลับเห็นประกายแสงในแววตาของชายหนุ่ม
ประกายนั้น เต็มไปด้วยความดีใจ!
ดีใจหรือ!
เธอตาฝาดไปสิน่ะ!
มิฉะนั้น ในเวลานี้เหตุใดเหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงดีใจเพราะเธอตั้งครรภ์สองเดือน! เพราะเขาไม่ใช่บิดาของเด็กคนนี้
ขณะเล่อเหยาเหยาคิดอย่างเสียใจ พลันรู้สึกเพียงท้องฟ้าหมุนวนผืนดินพลิกกลับ เมื่อเธอได้สติ ร่างกายเธอได้นอนอยู่บนพื้นหญ้าที่อ่อนนุ่ม และชายหนุ่มที่เดิมทีถูกเธอทับอยู่ด้านบน เวลานี้กลับอยู่ในตำแหน่งเหนือร่างกายเธอ
การพลิกกลับที่กะทันหันนี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาได้สติกลับมา
แต่ขณะเธอตกตะลึง การกระทำถัดมาของชายหนุ่ม ยิ่งทำให้เธอดุจถูกฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ ตะลึงอยู่ตรงนั้น
เพียงได้ยินเสียงขาดของเสื้อผ้าดัง ‘แควก’ ขึ้นมา เล่อเหยาเหยรู้สึกเพียงเย็นที่หน้าอก เมื่อก้มมองดวงตาพลันเบิกกว้าง
เห็นเพียงเสื้อผ้าที่ถูกสวมบนกายเธอ เวลานี้ถูกชายหนุ่มฉีกออกอย่างป่าเถื่อน เผยผ้ารัดหน้าอกสีขาวที่อยู่ภายในออกมา
ผ้าสีขาวเหล่านี้ เธอใช้ห่อหุ้มบริเวณหน้าอก
เวลานี้กลับเปิดเปลือยออกมาต่อหน้าชายหนุ่ม ทันใดนั้น ทำให้เล่อเหยาเหยาลืมร้องไห้ สองมือปกปิดหน้าอกไว้แน่น ไม่ให้ชายหนุ่มเข้ามา
สายตาที่มองชายหนุ่มนั้น ปรากฎความไม่เข้าใจและตื่นตระหนก
“อวี๋ ท่าน ท่าน…”
เล่อเหยาเหยาวิตกกังวล ดวงตาเปื้อนน้ำตามองชายหนุ่มอย่างระแวง ก่อนแอบคิดในใจ
เขาคงไม่ถูกตนจู่โจมหนักเกินไป จนเสียสติไปแล้ว!
พอคิดถึงตรงนี้ ใจของเล่อเหยาเหยาเต้นระรัว
หมายดิ้นแล้วพยุงกายขึ้นจากไป แต่จนใจเพราะชายหนุ่มคร่อมทับอยู่บนตัวเธอ
แม้ชายหนุ่มจะไม่ทับลงบนตัวเธอ เขาคล้ายกลัวว่าตนจะทำให้เธอบาดเจ็บ เพียงกางขาคู่นั้นออก ทำให้ร่างกายเธอถูกรัดไว้ใต้ล่างเขาอย่างแน่นหนา
ดังนั้น เล่อเหยาเหยที่คิดจะหนีออกไป จึงมีใจทว่ากลับไร้เรี่ยวแรง
ในใจคิดวนไปวนมา อวี๋คิดจะทำสิ่งใดกับเธอกันแน่ เหตุใดจึงฉีกเสื้อผ้าเธอ!