สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 170.1 อดอยากมานาน จึงถึงเวลาปลดปล่อย (1)
ชายหนุ่มตรงหน้า ไม่สนใจการดิ้นรนของเธอ เพียงใช้ดวงตาเย็นชามองที่หน้าอกเธอ
เมื่อเห็นผ้าสีขาวห่อหุ้มหน้าอกของเธอ ดวงตาเย็นชาเป็นประกายครู่หนึ่ง
ทว่าการกระทำต่อมา กลับอ่อนโยนไม่น้อย แต่มือกลับไม่หยุดการเคลื่อนไหว
สำหรับเรื่องนี้ เล่อเหยาเหยาตกใจจนว้าวุ่น
หรือหลังรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงและตั้งครรภ์ อวี๋จะโมโหจนเสียสติ สัญชาตญาณดิบปรากฎออกมา คิดจะทำ…กับเธอที่นี่
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยากังวลใจ สองมือปกป้องผ้าห่อหุ้มหน้าอกไว้ ก่อนร้องอ้อนวอนขึ้น
“ไม่ อวี๋ ไม่ ที่นี่มีคน…”
สวรรค์!
ที่นี่คือศาลาพักร้อน หากมีคนผ่านมา จะทำเช่นไร!
เล่อเหยาเหยาร้อนใจ ส่วนเหลิ่งจวิ้นอวี๋หลังได้ยินคำพูดของเธอ คิ้วที่ควรขมวดไม่ขมวด ก่อนเอ่ยปากขึ้น
“เหม่ยและซิงไปสืบเรื่องลัทธินอกรีต ยังไม่กลับมา”
คำพูดนี้ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ความหมายชัดเจนยิ่ง
เพราะกฎของตำหนักหย่าเฟิง นอกจากเหลิ่งจวิ้นอวี๋เรียกคน มิฉะนั้นผู้ใดห้ามเข้ามา
ตอนนี้เหม่ยและซิงไม่อยู่ เช่นนั้นความหมายคือที่นี่นอกจากพวกเขาสองคน ไม่มีผู้ใดปรากฎตัวขึ้นมารบกวน
เมื่อเข้าใจความหมายของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาพลันเก้อเขิน ไม่รู้ควรพูดเช่นไรดี
หรือตนจะให้เขาทำเรื่องงี่เง่ากับเธอที่นี่
แม้เธอจะขัดขืนเช่นไร ก็ขัดขืนไม่ได้
แต่ขณะเล่อเหยาเหยาคิดอย่างจนใจ สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ ความจริงเธอเข้าใจผิด
แต่เหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นตอนนี้ กลับไม่อธิบายความหมายกับเธอ เพราะเขาเวลานี้ กำลังร้อนใจอยากพิสูจน์ความจริงบางอย่าง
แม้เมื่อครู่ภายในสมองของเขา หญิงสาวแปลกหน้าที่ร้องไห้อยู่ใต้ร่างเขาก่อนหน้านี้นั้นจะหน้าตาเหมือนกับคนตัวเล็กตรงหน้า และอายุครรภ์ของเธอก็เหมือนกันอีกด้วย
เรื่องที่เขากระทำต่อหญิงสาวผู้นั้นในคืนนั้น หากหญิงสาวคนนั้นตั้งครรภ์ เด็กคนนั้นก็ต้องอายุสองเดือน
แม้ตอนนี้เขาแน่ใจอย่างมากว่าสองเดือนก่อนหน้านี้ สาวน้อยที่ถูกเขากระทำขณะเมาสุราคือคนตัวเล็กตรงหน้านี้ แต่เขายังต้องการบางสิ่งเพื่อเพิ่มความมั่นใจ นั่นคือเขาจำได้เลือนลางว่า
เวลานั้นเขาเพราะดื่มสุราจนเมามาย สาวน้อยผู้นั้นร้องไห้จนใบหน้ายับย่น เขาจึงลืมใบหน้าของสาวน้อยผู้นั้น แต่เขากลับจำได้ว่าบนหน้าอกของเธอมีปานจางๆ หนึ่งจุด
คลับคลายคลับคลาว่าจะอยู่ที่หน้าอกด้านซ้ายของหญิงสาว
ตอนนี้เขาการต้องพิสูจน์เรื่องนี้ ต้องดูว่าบนหน้าอกของคนตัวเล็กนี้มีปานหรือไม่!
ดังนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่กังวล จึงไม่มีเวลาอธิบาย ก่อนเริ่มฉีกเสื้อผ้าของเล่อเหยาเหยา
และด้วยพลังที่มากมายของเขา ไม่นานผ้าที่ห่อหุ้มหน้าอกของเล่อเหยาเหยาก็หายไป
เมื่อผ้าพันหน้าอกสีขาวถูกฉีกออกไปสี่ในห้าส่วน กระต่ายหยกขาวใสคู่หนึ่งเผยโฉมออกมาสู่สายตาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋
พระจันทร์น่าหลงใหล แสงจันทร์กระจ่างใส ดุจหมอกสาดลงมา
เห็นเพียงคนใต้ร่าง เส้นผมสยายลงมาที่ไหล่ ทำให้ใบหน้าเปื้อนน้ำตานั้น งดงามสะดุดตา
เสื้อผ้าบนกายเธอ เวลานี้ถูกฉีกจนขาดวิ่น เผยไหล่เรียวบางกลมมน ไหปลาร้าเว้าลึก และกระต่ายหยกขาวนุ่มคู่นั้นของเธอออกมา
แม้กระต่ายหยกคู่นี้ จะไม่มีขนาดใหญ่เช่นหญิงสาวผู้อื่น แต่กลับเล็กกะทัดรัดยิ่งนัก
ราวกับหมั่นโถวขาวนุ่มคู่หนึ่ง
ด้านบนมีเม็ดจูอวี๋อมชมพูสองเม็ดอยู่ตรงกลาง เข้ากับผิวขาวผ่องดุจหิมะ
ทว่าสิ่งที่ดึงดูดสายตาเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่สุด กลับเป็นปานสีดำขนาดเล็กจางๆ บนกระต่ายหยกนั้น
หลังเห็นปานดำบนหน้าอกของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋หนาวเหน็บไปสามวินาที พลันเสียงหัวเราะไพเราะสดใส ก็ดังออกมาจากปากเขา
“ฮ่าๆ”
เมื่อได้ยินเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่ทับบนตัวตนเอง หลังฉีกเสื้อผ้าตนเองพลันหัวเราะเสียงดังออกมา ครั้งนี้กลับเป็นเล่อเหยาเหยาตะลึงงัน
ดวงตาที่ยังแฝงด้วยน้ำตา กลับสับสนไม่เข้าใจขึ้น ก่อนมองไปยังชายหนุ่มที่กำลังหัวเราะตรงหน้า
เดิมคิดว่าเขาโมโหจนหัวเราะออกมา
ทว่าเมื่อมองสีหน้าอย่างละเอียด
หน้าตาปิดบังความสุขเอาไว้ไม่ได้ ยิ้มกว้างที่มุมปากเห็นฟันขาวเป็นระเบียบของเขา ใบหน้าเผยความตื่นเต้นมีความสุขของเจ้าของออกมา
แต่ตอนนี้เขามีความสุขสิ่งใดกันแน่!
สำหรับความแปลกประหลาดเวลานี้ของชายหนุ่ม ทำให้เล่อเหยาเหยาไม่เข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สุดท้ายหลังได้สติ จึงเอ่ยถามขึ้น
“อวี๋ ท่าน ท่านหัวเราะสิ่งใด”
เพราะแปลกใจ เล่อเหยาเหยาพลันลืมเลือนความตื่นตระหนกเสียใจ เพียงใช้มือปกปิดหน้าอกเปิดเปลือย พลางเอ่ยถามชายหนุ่มที่กำลังหัวเราะตรงหน้า
ส่วนชายหนุ่มหลังได้ยินคำพูดของเธอ ดวงตาเย็นชาแฝงรอยยิ้มหลุบลง ก่อนสบเข้ากับดวงตาของเธอ ทันใดนั้น ขณะเธอตกตะลึง เขาก็ยื่นมือใหญ่เรียวยาวทรงพลังนั้น มากอบกุมใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยน ซับน้ำตาที่ไหลรินบนใบหน้าเธอเบาๆ ก่อนเอ่ยเสียงแหบพร่าแผ่วเบาข้างหูเธอว่า
“เจ้าเป็นผู้หญิงของเปิ่นหวาง เด็กในท้องเจ้า เป็นของเปิ่นหวาง!”
ประโยคแผ่วเบาดังขึ้นที่หูของเล่อเหยาเหยา ดุจถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ ทำให้ร่างกายเธอตะลึงงันสุดขีด พลันยากที่จะไตร่ตรองข้อมูลนี้
“อะไรนะ ท่านว่า เด็กคนนี้เป็นของท่าน จะเป็นไปได้เช่นไร!?”
เห็นชัดว่าเล่อเหยาเหยาถูกทำให้ตกตะลึงเกินไป จึงไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน
สำหรับท่าทีของเล่อเหยาเหยา ความจริงเหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็สงสัยไม่เข้าใจ
เพราะขณะนั้นเขาเมามาย ดังนั้นจึงจำรูปโฉมของสาวน้อยผู้นั้นไม่ได้ หลังเกิดเรื่องตื่นขึ้นมา สาวน้อยนั้นก็หายตัวไป
ทว่าตอนนี้ เขามั่นใจว่าสาวน้อยผู้นั้นคือคนตัวเล็กตรงหน้า เหตุใดเธอกลับจำไม่ได้แม้แต่นิดเดียว และไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขาสองเดือนก่อนหน้านี้!
แม้จะเป็นเช่นนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ยังเอ่ยความจริงเรื่องสองเดือนก่อนหน้านี้ออกมาว่า
“สองเดือนก่อน วันครบรอบวันตายของเสด็จแม่ของเปิ่นหวาง เปิ่นหวางดื่มสุราจนเมามาย จำได้เพียงตอนนั้นพบกับสาวน้อยผู้หนึ่ง หลังจากนั้นอารมณ์พลุ่งพล่าน แค่กๆ จากนั้น เมื่อเปิ่นหวางตื่นขึ้นมา สายน้อยผู้นั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่ว่าเปิ่นหวางจะตามหาอย่างไร ก็ตามหานางไม่พบ และเพราะตอนนั้นเปิ่นหวางเมามายจึงลืมเลือนรูปโฉมของนาง จำได้เพียงหน้าอกด้านซ้ายของนางมีปานดำเช่นเดียวกับเจ้า”
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เล่าความจริงเรื่องนั้นออกมา หลังเล่อเหยาเหยาได้ยินก็ตกใจอย่างหนัก
หรือเด็กในท้องเธอจะเป็นของเหลิ่งจวิ้นอวี๋จริง!
หรือเจ้าของร่างของตนนี้ ขณะที่เธอข้ามเวลามา จะถูกชายผู้นี้กระทำสิ่งนั้น!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาดีใจยิ่งขึ้น
และเธอยอมรับว่า หัวใจเล็กของเธอรับไม่ไหวอีกต่อไป
วันนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เป็นทั้งเรื่องดีทั้งเรื่องร้าย
เริ่มจากรับรู้ว่าตนตั้งครรภ์ จึงโศกเศร้าเสียใจ จนไม่อาจเผชิญหน้ากับชายหนุ่มผู้นี้ ร้องห่มร้องไห้
เดิมคิดว่าหลังตนบอกเรื่องนี้แก่เขา ทั้งสองคนจะเป็นไปไม่ได้ คิดไม่ถึงสุดท้ายกลับพลิกผันเช่นนี้
สวรรค์!
ช่วงนี้ท่านว่างงานเกินไปหรือไม่ ดังนั้นจึงล้อเธอเล่นไม่หยุด!
ทว่าโชคดี บทสรุปในตอนนี้เธอชื่นชอบ
เมื่อนึกถึงเด็กในท้องของตนไม่ใช่ของชายอื่น แต่เป็นชายที่ตนชื่นชอบที่สุด ก้อนหินขนาดใหญ่ที่กดทับอยู่ในใจของเล่อเหยาเหยาก็พลันสลายไปในที่สุด
อารมณ์ก็ดูดีใจตื่นเต้นขึ้นมา
คล้ายกับโลกที่เดิมทีมืดมนของเธอพลันกลับมามีสีสัน ทำให้คนมีความสุขอย่างที่สุด
“อวี๋ ท่านพูดจริงหรือ เด็กคนนี้เป็นของท่านจริงหรือ!”
“อืม เปิ่นหวางรับรอง”
เห็นท่าทางโล่งอกสุดขีดของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงอารมณ์ดีอย่างมาก
ทว่าในใจเขายังสงสัย
“แต่คืนนั้นเปิ่นหวางเมามาย เหตุใดเจ้ากลับลืมเลือนเรื่องในคืนนั้น และไม่รู้ว่าเรื่องนั้นคือฝีมือของเปิ่นหวาง!”
“คือ เรื่องนี้…”
เห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋มองตนอย่างสงสัย คล้ายค้นหาคำตอบ เล่อเหยาเหยาตกใจอย่างหนัก
เพราะเธอไม่รู้เรื่องทั้งหมด เพราะความจริงเธอไม่ใช่เธอคนก่อน เธอเพียงเป็นคนที่ข้ามเวลามาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด
แต่เธอรู้เรื่องนี้ เธอต้องเก็บไว้เป็นความลับ ไม่สามารถเอ่ยกับผู้ใด มิฉะนั้น เธอไม่กล้ารับรองว่าผู้อื่นจะมองเธอว่าแปลกประหลาดหรือไม่
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาเพียงใช้อุบายเดิมเอ่ยขึ้นว่า
“ความจริง สองเดือนก่อนหน้านี้ หลังปรนนิบัติท่านวันแรก ไม่ระวังหกล้ม จนศีรษะได้รับการกระทบกระเทือน ดังนั้นเรื่องก่อนหน้านี้ ข้าจึงลืมเลือนทั้งหมด เรื่องต่อมายังเป็นเสี่ยวมู่จื่อที่บอกกับข้า”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยพูดด้วยสีหน้ามีเรื่องนั้นเกิดขึ้นจริง
เพราะเรื่องข้ามเวลามาที่นี่ไม่สามารถพูดได้ เช่นนั้นจึงเพียงใช้เรื่องสูญเสียความทรงจำ