สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 171.2 อารมณ์พลุ่งพล่าน (2)
เล่อเหยาเหยาร้องไห้อย่างเสียใจ จนเหลิ่งจวิ้นอวี๋ตกใจ
เมื่อครู่เขาเพียงดำลงไปใต้น้ำเท่านั้น คิดไม่ถึงจะทำให้คนตัวเล็กตกใจ
และเขาก็รู้ว่าเล่อเหยาเหยากังวลสิ่งใด
เพราะก่อนหน้านี้เขาว่ายน้ำไม่แข็ง ทว่าหลังผ่านเรื่องที่โรงเตี๊ยมหลูอวี้ เขาให้คนฝึกสอนเขาเป็นอย่างดี ดังนั้นตอนนี้เขาจึงว่ายน้ำได้อย่างยอดเยี่ยม
น่าเสียดาย เด็กโง่คนนี้ไม่รู้ ยังคิดว่าเขาจมน้ำ
เมื่อเห็นเธอเพราะเป็นห่วงกลัวตนเป็นอันตราย เหลิ่งจวิ้นอวี๋ทั้งขบขัน อบอุ่น และปวดใจ จึงรีบโอบกอดคนตัวเล็กที่ร้องไห้ราวเด็กน้อย พร้อมเอ่ยปลอบใจเบาๆ ว่า
“เด็กน้อย อย่าร้องไห้ เปิ่นหวางไม่เป็นสิ่งใด ร้องไห้ไม่ดีต่อร่างกาย ระวังร่างกายตนเอง และยังมีเด็กน้อยที่ต้องดูแลให้ดี!”
เพียงได้ฟังถึงคำว่าเด็กน้อย เล่อเหยาเหยาพลันหยุดร้องไห้
คิดแล้วก็ถูก วันนี้เธอคล้ายร้องไห้ทั้งวัน เธอทำร้ายตนเองไม่เป็นไร แต่เธอกลัวเด็กน้อยจะเป็นอันตราย ดังนั้นเล่อเหยาเหยาพลันหยุดร้องไห้
และเวลานี้ เธอจึงพบว่าเมื่อครู่เพราะกังวลเสียใจมากเกินไป พลันลืมเลือนว่าเวลานี้พวกเขาสองคนอยู่แนบชิดกัน และเหลิ่งจวิ้นอวี๋ยังกอดเธอเอาไว้แน่น
ร่างกายแข็งแกร่งยืดหยุ่นของเขาแนบชิดติดแน่นกับร่างกายเธอ และสองขาของเธอเห็นเพียงเลือนลาง แต่รู้สึกถึงสิ่งที่ร้อนและแข็งกำลังดันเธออยู่
หลังรับรู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร เล่อเหยาเหยาอดสูดหายใจไม่ได้ ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง มองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาเหลือเชื่อ
“ท่าน ท่านเหตุใด”
เมื่อรู้ว่าเล่อเหยาเหยาคิดสิ่งใด ชายหนุ่มหัวเราะขมขื่นออกมา พลางเอ่ยว่า
“เมื่อครู่ไฟได้มอดไปแล้ว ตอนนี้เจ้าลงมา และถูกเด็กดื้อเช่นเจ้าจุดไฟขึ้นมาอีก ดังนั้น…”
พอพูดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ตั้งใจหยุดชะงัก จากนั้นใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆ เคลื่อนชิดใบหูของเล่อเหยาเหยา ก่อนเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่าและทุ้มต่ำว่า
“เจ้าต้องรับผิดชอบเปิ่นหวาง”
“เอ่อ”
เมื่อได้ยินคำพูดมีนัยยะของชายหนุ่ม ใบหน้าจิ้มลิ้มของเล่อเหยาเหยาพลันเก้อเขิน ก่อนแก้มแดงก่ำขึ้น
ชายผู้นี้ เหตุใดเวลานี้จึงคิดแต่เรื่องพรรค์นั้น!
และเมื่อครู่เธอเพียงอยากช่วยเขาเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจอยากจุดไฟของเขาขึ้นมา
แต่เล่อเหยาเหยารู้ว่า ตอนนี้พูดเรื่องนี้ไปก็เปล่าประโยชน์
และคิดดูแล้ว ชายผู้นี้เพื่อเธอและบุตรจึงเต็มใจกระโดดลงทะเลสาบเพื่อดับไฟ เช่นนั้นเธอควรทำบางอย่างเพื่อเขาหรือไม่!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาไม่ปฏิเสธ เพียงก้มหน้าลงอย่างเขินอาย ขนตาที่มีน้ำตาเกาะนั้นสั่นเทา ราวกับผีเสื้อกระพือปีกบินขึ้นสูง ชวนหลงใหลยิ่งนัก
เห็นเช่นนั้น สายตาที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋มองเล่อเหยาเหยายิ่งลึกล้ำมากขึ้น
ประกายไฟภายในดวงตา แทบแผดเผาผิวหนังของเล่อเหยาเหยา
ส่วนเล่อเหยาเหยากลับไม่กล้าเงยหน้าจ้องมอง เพียงก้มใบหน้ามองด้วยแววตารักใคร่ ทว่ากลับไม่เอ่ยคำตอบออกมา
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋ยิ้มมุมปาก ก่อนกอดคนตัวเล็กในอ้อมกอดแล้วกระโดดขึ้นฝั่ง
เวลานี้ภายในตำหนักหย่าเฟิงนอกจากพวกเขาสองคน ไม่มีผู้ใดเข้ามารบกวนพวกเขา
ยามราตรีหมู่ดาวเปล่งประกาย ภายในทะเลสาบ ดอกบัวชูช่อเบ่งบาน กลิ่นหอมของดอกบัวนั้น ล่องลอยไปตามสายลมอบอวลทั่วตำหนักหย่าเฟิง
ท่ามกลางบุปผาใต้แสงจันทร์ เหมาะสมให้คู่รักคะนึงหากันและกันมากที่สุด
เหลิ่งจวิ้นอวี๋วางคนในอ้อมกอดลงบนพื้นหญ้าที่อ่อนนุ่มอย่างเบามือ ก่อนร่างกายพลันทาบทับลงไป
เล่อเหยาเหยาเห็นแล้วรู้สึกลุ่มหลง
เพราะเดิมคิดว่า เขาจะให้เธอช่วยดึงหัวไชเท้า แต่ตอนนี้เกิดสิ่งใดขึ้นแน่!
“อวี๋ ท่านเป็นอันใด”
“จุ๊ๆ อย่าส่งเสียง เพียงนอนอยู่ตรงนี้ก็พอ”
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ยื่นมือแตะริมฝีปากงดงามของเล่อเหยาเหยา เพื่อไม่ให้เธอพูดออกมา ก่อนเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า
“เจ้ารับรู้เพียงพอแล้ว”
เมื่อได้ยินเล่อเหยาเหยาเกิดความสงสัย
รับรู้หรือ!
รับรู้สิ่งใด!
ขณะเล่อเหยาเหยาสงสัยในใจ จุมพิตของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็ประกบลงมาอีกครั้ง จนเธอวิงเวียนหัวหมุน และทำให้ความสงสัยเมื่อครู่หายลับไป
จุมพิตของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ไม่อยู่ที่ริมฝีปากของเล่อเหยาเหยานาน เริ่มจากริมฝีปากอ่อนช้อยนั้น ก่อนค่อยๆ จุมพิตลงไปคางเล็กเรียวแหลมของเธอ ลงมาถึงกระดูกไหปลาร้าที่น่าสัมผัส กระต่ายหยกขาวผ่อง หน้าท้องแบนราบ สุดท้ายอยู่ที่พื้นที่สามเหลี่ยมที่แสดงถึงความเป็นผู้หญิง…
เล่อเหยาเหยาที่ตกอยู่ในภวังค์จุมพิตอันอ่อนโยนของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เมื่อรับรู้ถึงริมฝีปากของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่เคลื่อนลงไปที่ท่อนล่างของตน ตกใจจนร่างกายตื่นตัว พลันยกตัวขึ้น ยื่นมือหยุดยั้งอย่างตกใจ
“ไม่ อวี๋ ตรงนั้นมันสกปรก”
เล่อเหยาเหยาตกใจ พลันหนีบขาคิดหยุดยั้งการกระทำของเหลิ่งจวิ้นอวี๋
คิดไม่ถึง ศีรษะของเหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับมุดอยู่ระหว่างต้นขาของเธอไม่ขยับจากไป เธอหนีบขาเช่นนี้ กลับทำให้ศีรษะของเขาแนบชิดมากขึ้น
สำหรับเรื่องนี้ เล่อเหยาเหยาร้องตกใจ พลันคลายขาออก จากนั้นชายหนุ่มที่อยู่ตรงระหว่างต้นขาของเธอกลับหัวเราะขึ้น
“ฮ่า ๆ เด็กโง่ ตรงนี้ไม่ได้สกปรก แต่ยังหอมหวานยิ่งนัก!”
เสียงทุ้มของชายหนุ่ม ในคืนที่เงียบสนิทเช่นนี้ จึงมีเสน่ห์เป็นพิเศษ
หลังได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงไอร้อนกำลังพุ่งขึ้นมาจากหัวใจสู่เหนือศีรษะ แก้มบนใบหน้ายิ่งร้อนผ่าวยิ่งขึ้น
ร้อนผ่าวดุจน้ำเดือด เล่อเหยาเหยาไม่รู้ หากนำไข่ไก่วางลงบนใบหน้าเธอ จะถูกต้มจนสุกหรือไม่!
ขณะกำลังเขินอาย เล่อเหยาเหยารับรู้ได้ถึงลิ้นร้อนดูดกลืนอยู่ที่ท่อนล่างของเธอไม่หยุด ความรู้สึกชุ่มชื้น คันยุบยิบ แฝงด้วยความวาบหวาม ทำให้เล่อเหยาเหยาร้องออกมาอย่างอดใจไว้ไม่ได้
“อา…”
เล่อเหยาเหยาหอบหายใจออกมา ทว่ากลับไม่รู้ว่าเสียงหอบหายใจนี้ของตน เวลานี้เสมือนกับสิ่งกระตุ้นชั้นดี
เมื่อได้ยินเสียงตกใจออดอ้อนของเธอ ท่อนล่างของเหลิ่งจวิ้นอวี๋มีความต้องการมากยิ่งขึ้น
ดวงตาเย็นชาเปี่ยมด้วยไฟปรารถนาคู่นั้นเงยขึ้น เห็นใบหน้าแดงก่ำขวยเขินและมีความสุขของเล่อเหยาเหยา ส่วนลิ้นของตนไม่สนใจการขัดขวางของเล่อเหยาเหยา แต่ยิ่งเพิ่มระดับความเร็ว
เล่อเหยาเหยาที่ไม่มีประสบการณ์เรื่องนี้ จะสามารถอดทนต่อการกระทำของเหลิ่งจวิ้นอวี๋นี้ได้เช่นไร
เมื่อนึกถึงเหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับใช้ลิ้นดูดกลืนท่อนล่างของตน ราวกับสุนัขตัวน้อย ทำให้เล่อเหยาเหยาเขินอายจนแทบอยากหมดสติไป
แต่สิ่งที่ทำให้เธอเขินอายที่สุดคือ ไม่นานเธอกลับรู้สึกแปลกใหม่ และสบายอย่างมาก
ด้วยการดูดกลืนของลิ้นชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงท่อนร่างตนคันยุบยิบ สุดท้ายรู้สึกความวาบหวามมารวมตัวกันอยู่ที่ท่อนล่างอย่างรวดเร็ว คล้ายกับมีบางสิ่งหลับใหล ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา และหิวโซ ต้องการมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ…
ไม่นานเล่อเหยาเหยาที่พยายามดิ้นรนผลักการกระทำของชายหนุ่มออกไป ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปใช้มือจับกุมเส้นผมของชายหนุ่มไว้
ปากเล็กแดงสดนั้น ค่อยๆ ส่งเสียงยั่วยวนและน่าอับอายออกมา
“อา อวี๋”
เล่อเหยาเหยาส่งเสียงหอบอย่างออดอ้อน คิ้วขมวดเล็กน้อย ราวกับเจ็บปวด
ดวงตาคู่งามหรี่ลง แววตาเป็นประกายแวววาว งดงามเย้ายวนใจ
ริมฝีปากดุจบุปผานั้น เผยอออกเล็กน้อย ทำให้เสียงที่กระตุ้นไฟปรารถนา ดังออกมาจากปากเธออย่างเลี่ยงไม่ได้
เมื่อเห็นท่าทางอยู่ในอารมณ์พลุ่งพล่านของเล่อเหยาเหยา ตอนนี้เรื่องที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋อยากทำมากที่สุดคือ มุดเข้าไปในร่างกายเธอ ระบายความปรารถนาออกมา ควบทะยานไป…
แต่เขาก็รู้ว่าขนาดมหึมาของตน ไม่ใช่สิ่งที่คนตัวเล็กนี้จะสามารถรองรับได้
รวมทั้งตอนนี้ภายในท้องเธอยังมีเด็ก
แต่ในเมื่อตอนนี้เขาไม่สามารถเข้าไปในตัวเธอได้ แต่กลับสามารถทำให้เธอมีความสุขได้ จึงทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้สึกพึงพอใจ
และเมื่อเห็นสีหน้ายิ่งแดงก่ำ ยิ่งตื่นเต้นของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋ค่อยๆ ออกจากร่างกายท่อนล่างของเล่อเหยาเหยา
เมื่อชายหนุ่มจากไป เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงท่อนล่างว่างเปล่า ทำให้ดวงตาเธอมึนงง คิ้วเข้มขมวดเป็นปม มองชายหนุ่มที่อยู่ด้านล่างอย่างโกรธเคืองไม่พอใจ คล้ายตำหนิโดยไร้คำพูดที่เขาพลันหยุดการกระทำลง
เมื่อเห็นใบหน้างดงามโดดเด่นของเล่อเหยาเหยาเผยความโกรธเคืองไม่พอใจออกมา ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดหัวเราะเบาๆ ขึ้นมาไม่ได้
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบาของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาพลันหน้าแดงก่ำ เผยอริมฝีปากแดงออก ราวจะเอ่ยบางสิ่ง คิดไม่ถึง ทันใดนั้นร่างกายท่อนล่างที่ว่างเปล่า พลันถูกของแข็งโผล่เข้ามาอยู่ภายใน พลันชักกระตุกไม่หยุด
ของแข็งนี้ไม่ใช่สิ่งขนาดมหึมาใต้สะโพกของชายหนุ่ม แต่เป็นนิ้วของชายหนุ่ม
และด้วยการชักนิ้วอย่างรวดเร็วของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงร่างกายท่อนล่างคล้ายมีบางอย่างใกล้จะระเบิดออกมา
เธอไม่สามารถทำสิ่งใดได้ ทำได้เพียงงอตัวรองรับความรู้สึกที่ใกล้จะเกิดขึ้นนั้น
เมื่อร่างกายท่อนล่างกระตุก เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงเรี่ยวแรงทั่วร่างกายถูกสูบออกไป สุดท้ายเพียงอ่อนระทวยอยู่บนพื้นหญ้า
แต่หลังจากเล่อเหยาเหยาคิดว่าตนใกล้จะตาย หูกลับได้ยินเสียงแหบพร่าทุ้มต่ำดังขึ้น
“ตอนนี้ เป็นคราของเปิ่นหวาง”