สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 174.1 เหยาเหยา แต่งกับเปิ่นหวางเถิด (1)
เล่อเหยาเหยาพูดความจริง
เพราะตอนนี้เธอมีบุตรแล้ว ชายหนุ่มตรงหน้านี้ก็คือคนที่เธอชื่นชอบ แม้จะยังเขินอาย ทว่าเธออยากบอกความจริงในใจของตนกับเขา
และอยากให้เขาวางใจ ในใจของเธอชายหนุ่มที่เธอชื่นชอบที่สุด มีเพียงเขาคนเดียว และ…
“อวี๋ พี่ไป๋ข้าชอบเขามากก็จริง แต่ความชอบที่ข้ามีต่อเขา เป็นเพียงดุจพี่ชายคนหนึ่ง ไม่เหมือนกับท่าน”
“โอ้ เหตุใดจึงไม่เหมือนกันหรือ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋ยิ้มมุมปาก ความเย็นชาบนร่างกายพลันสลายไป
เล่อเหยาเหยาก็รับรู้ถึงเรื่องนี้ รู้ว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋กำลังมีความสุขในใจ ก่อนเอ่ยปากต่อว่า
“เพราะท่านคือชายที่ข้าชื่นชอบที่สุด ข้าอยากอยู่กับท่านไปตลอดชีวิต มีบุตรชายหญิง อยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า”
เมื่อเอ่ยจบ เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงสองแก้มตนยิ่งร้อนผ่าวขึ้น กระทั่งใบหูก็ร้อนผ่าว
ทว่าเมื่อเธอเห็นแววตาชายหนุ่มยิ่งมีความสุขดีใจมากขึ้น ใจเธอก็ดีใจเช่นกัน
และหลังเล่อเหยาเหยาเอ่ยความในใจของตนจบ ในที่สุดชายหนุ่มก็อดยิ้มพลางเอ่ยขึ้นไม่ได้
“เจ้ายอมอยู่กับเปิ่นหวางไปตลอดชีวิต จนแก่เฒ่าหรือ”
น้ำเสียงชายหนุ่มแหบพร่า ทุ้มต่ำ ภายในแฝงด้วยความซาบซึ้ง
เมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาพยักหน้าอย่างมั่นใจ ก่อนเอ่ยอย่างจริงจังว่า
“อืม ข้ายินยอม!”
ยินยอมร้อยพันหมื่นครั้ง ! เธอยินยอม!
เล่อเหยาเหยายืนยันในใจ รอยยิ้มที่มุมปากของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ยิ่งกว้างมากขึ้น สุดท้ายโอบกอดร่างเล็กบอบบางของเล่อเหยาเหยาเอาไว้แน่น ราวกับจะบดขยี้ร่างกายของเล่อเหยาเหยาเข้าไปในร่างกายของตน
ทันใดนั้น คำพูดดุจคำสัญญานั้น ดังขึ้นข้างหูเล่อเหยาเหยา
“เปิ่นหวางก็ยินยอม!”
…
ตกกลางคืน มีคนส่งจดหมายเข้ามา เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูผ่อนคลายและมีความสุข
เล่อเหยาเหยาที่เห็น อดแปลกใจไม่ได้
“อวี๋ บนจดหมายเขียนสิ่งใด ท่านคล้ายดีใจยิ่งนัก”
“โอ้ เป็นจดหมายจากจวิ้นซี บอกว่าเจอหย่าเอ๋อร์แล้ว ทว่าหย่าเอ๋อร์ตอนนี้ยังโมโห ดังนั้นเขาจึงวางแผนง้อหย่าเอ๋อร์ให้สำเร็จก่อน แล้วค่อยกลับมา”
แม้เหลิ่งจวิ้นอวี๋จะเอ่ยหลบเลี่ยงเนื้อหาบางส่วน แต่สีหน้าปิดบังความสุขของเขาไม่ได้
ส่วนเล่อเหยาเหยาเมื่อได้ฟังคำพูดของเขา รู้ว่าถงหย่าเอ๋อร์ ปลอดภัย ถูกหนานกงจวิ้นซีตามตัวพบแล้ว จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เจอตัวแล้วก็ดี ข้ายังกังวลว่าหย่าเอ๋อร์จะทำเรื่องโง่เขลาลงไป”
“เปิ่นหวางรู้ว่าหย่าเอ๋อร์ไม่ทำเช่นนั้นหรอก”
สำหรับความมั่นใจของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ทำให้เล่อเหยาเหยาสงสัย
“เหตุใดท่านจึงมั่นใจขนาดนี้”
“เพราะเดิมทีหย่าเอ๋อร์ชื่นชอบจวิ้นซี ตอนนี้เป็นเช่นนี้ถือว่าดีที่สุด”
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เอ่ยอย่างมีความหมายแอบแฝง
เล่อเหยาเหยาได้ยินจึงตะลึง และเข้าใจความหมายในคำพูดเหลิ่งจวิ้นอวี๋
ถูกต้อง เช่นนี้ดีที่สุด!
เพราะสถานะเธอตอนนี้ คือคู่หมั้นของหนานกงจวิ้นซี รวมทั้งหนานกงจวิ้นซีมีใจให้เธอ หากต้องอภิเษกกับเธอ ถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
แต่คนที่เธอชอบไม่ใช่เขา
ทว่าหากหนานกงจวิ้นซียืนกรานจะอภิเษกกับเธอ จะขัดแย้งกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋หรือไม่!
แต่ตอนนี้ดียิ่งที่ถงหย่าเอ๋อร์ ปรากฎตัวขึ้น และเกิดความผิดพลาด เกิดเรื่องพรรค์นั้นขึ้น แม้หนานกงจวิ้นซีปกติจะเป็นลูกผู้ลากมากดี แต่เล่อเหยาเหยาก็รู้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีความรับผิดชอบ
ดังนั้น เขาต้องให้เกียรติถงหย่าเอ๋อร์ แน่นอน
ส่วนเธอ ตอนนี้ก็สามารถอยู่ร่วมกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ได้
พอคิดถึงตรงนี้ ในใจเล่อเหยาเหยามีความสุข
เธอตอนนี้ มีความสุขจริงๆ!
“มา ทานซุปรังนก เจ้าผอมแห้งเกินไป”
ขณะเล่อเหยาเหยากำลังตกอยู่ในภวังค์ความสุข ชายหนุ่มข้างกายไม่ให้ผู้อื่นปรนนิบัติ เพียงตักซุปรังนกให้แก่เล่อเหยาเหยา ก่อนวางลงตรงหน้าเธอด้วยตนเอง
สำหรับความใส่ใจของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยายิ้มให้ ก่อนดื่มซุปรังนกนั้นจนหมดเกลี้ยงอย่างเชื่อฟัง
เพราะร่างกายเธอตอนนี้ ไม่ใช่มีแค่เธอเพียงคนเดียว เธอยังมีเด็กน้อยอยู่อีกคน!
…
เช้าวันต่อมา เล่อเหยาเหยายังคงตื่นมาในอ้อมกอดกำยำของเหลิ่งจวิ้นอวี๋
เล่อเหยาเหยารู้สึกว่า ตอนนี้ได้เริ่มมีความสุขกับวันที่สงบสุขเช่นนี้แล้ว
ทุกวันเธอตื่นมาในอ้อมกอดของชายหนุ่มที่ตนรัก สิ่งแรกที่เห็นหลังลืมตา คือใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้ยเคยนั้น
จมูกได้กลิ่นอำพันทะเลหอมสดชื่นคุ้นจมูกบนกายชายหนุ่มที่ตนรัก หูได้ยินเสียงแหบพร่าไพเราะของชายหนุ่มที่ตนรัก ทั้งหมดนี้ต่างทำให้เล่อเหยาเหยารู้สึกว่าตนราวอยู่ในความฝัน
เพราะนี่คือความฝันที่งดงามเหลือเกิน
ดังนั้นบางครั้ง เล่อเหยาเหยาจึงรู้สึกเป็นทุกข์และไม่สบายใจ
เพราะไม่รู้เหตุใด พักนี้เธอจึงมักรู้สึกไม่สบายใจ คล้ายกับว่ามีเรื่องใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น
ความไม่สบายใจเช่นนี้ ทำให้เล่อเหยาเหยากังวล และหวังว่านั่นอาจเป็นเพียงเพราะเธอตั้งครรภ์ จึงคิดฟุ้งซ่านขึ้นมา!
ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ หูพลันได้ยินเสียงแหบพร่าทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้น
“เด็กน้อย ตื่นแล้วหรือ”
“อืม อวี๋ อรุณสวัสดิ์”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาพลันได้สติกลับมาจากการขบคิด จึงยิ้มมุมปากอย่างน่ารักชวนหลงใหล ก่อนเอ่ยกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋
น้ำเสียงของหญิงสาว เพราะเพิ่งตื่นนอน จึงแฝงด้วยความเกียจคร้าน รวมทั้งท่าทางแฝงความยุ่งเหยิงแต่ไม่สูญเสียความงามนั้น ทำให้เธอยิ่งดูเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์เอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้น
เห็นเช่นนั้น ดวงตาเย็นชาชายหนุ่มอดเป็นประกายครู่หนึ่งไม่ได้ ก่อนจุมพิตบนริมฝีปากของหญิงสาวอย่างอดใจไม่ได้ จุมพิตจริงจังเริ่มดำดิ่งสู่ความร้อนแรง ก่อนทั้งสองคนจะจุมพิตจนเหนื่อยหอบจึงผละออกจากกัน
เล่อเหยาเหยาตอนนี้ คุ้นชินกับอาการเอะอะไรก็จุมพิตของเหลิ่งจวิ้นอวี๋แล้ว และค่อยๆ ชื่นชอบมัน
เธอเวลานี้ถูกจุมพิตจนแก้มแดง ริมฝีปากบวมเป่ง เหงื่อไหลซึม จึงเพียงนอนคว่ำหรี่ตาพักผ่อนอยู่บนหน้าอกแกร่งของชายหนุ่ม
คิดไม่ถึง ขณะเดียวกันหูจะได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้น
“เมื่อครู่กำลังคิดสิ่งใดหรือ”
“หา”
เมื่อได้ยินคำพูดชายหนุ่ม ใบหน้าจิ้มลิ้มของเล่อเหยาเหยาตะลึงชั่วขณะ ก่อนจะรับรู้ถึงความหมายของชายหนุ่ม
คิดไปแล้ว เมื่อครู่ขณะเธอกำลังคิดบางอย่าง เขาคงตื่นขึ้นมาแล้ว
หรือท่าทางกังวลของเธอเมื่อครู่ จะถูกเขาเห็นเข้า!
เล่อเหยาเหยาคิดในใจ ก่อนกัดริมฝีปาก ไม่พูดจา
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นเช่นนั้น ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนเอ่ยถามอีกครั้งอย่างกังวลใจ
“เป็นอันใดไป”
“ไม่มีสิ่งใด เพียงข้ารู้สึกว่าตอนนี้มีความสุขเกินไป ราวกับอยู่ในความฝัน แต่เมื่อตื่นขึ้นมา อาจไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่แล้ว”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยปากอย่างแผ่วเบา
ไม่รู้เพราะชื่นชอบชายหนุ่มตรงหน้านี้เกินไปหรือไม่ จึงหวาดกลัวจะสูญเสียเขาไป
ส่วนเหลิ่งจวิ้นอวี๋ได้ยิน ใบหน้าหล่อเหลาตะลึงชั่วขณะ ทันใดนั้นริมฝีปากกระจับยกขึ้น ก่อนเอ่ยปากว่า
“เด็กโง่!”
แม้จะคิดว่าเล่อเหยาเหยาคิดมากเกินไป แต่เหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับรู้ว่า เธอชื่นชอบเขาจากใจจริง ทำให้เขาอบอุ่นหัวใจ
เดิมทีการอยู่ร่วมกับคนที่ตนรัก จะรู้สึกดีเช่นนี้
สองคนเอ่ยกระซิบสนิทสนมกันอยู่บนเตียงหลายรอบ ก่อนจะหิว จึงลงจากเตียงที่คุ้นเคย จากนั้นไปทานอาหารที่ห้องโถง
เพราะการตั้งครรภ์ เล่อเหยาเหยาจึงทานค่อนข้างมาก
และพักนี้การอยากอาหารของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไปทานยากขึ้นมา เริ่มชื่นชอบทานของรสเปรี้ยว ดังนั้นทุกวันเหลิ่งจวิ้นอวี๋ให้คนผลัดเปลี่ยนทำอาหารรสเปรี้ยวหลากหลายเมนูให้แก่เล่อเหยาเหยา
เล่อเหยาเหยาทานอย่างชื่นชอบ หนึ่งมื้อจึงทานข้าวสามชามพร้อมอาหาร ซุปหูฉลามรังนกหนึ่งถ้วย ความอยากอาหารมากยิ่งนัก ทำให้คนตกใจไม่หยุด
ทว่าขณะที่ตกใจ เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดยิ้มมุมปากไม่ได้
เพราะทานอย่างอร่อยจึงมีความสุข คนตัวเล็กของเขาผอมบางเกินไปจริงๆ บนร่างกายไม่มีกล้ามเนื้อ จึงควรทานให้มากกว่านี้ เพื่อบำรุงซ่อมแซมร่างกาย
รวมทั้งตอนนี้เธอยังจะเป็นมารดา ต้องทานให้มากขึ้น จึงจะทำให้เด็กและร่างกายตนได้รับการบำรุงอย่างดี
เหลิ่งจวิ้นอวี๋คิดในใจ พลางแกะเปลือกกุ้งเปรี้ยวหวานให้เล่อเหยาเหยาด้วยตนเองอยู่ด้านข้างอย่างใส่ใจ
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เป็นคนรักความสะอาด ปกติหากเขาจะทานอาหารทะเลพวกนี้ จำต้องให้คนเลาะเปลือกมาอย่างดี
ทว่าตอนนี้ เพื่อไม่ให้คนอื่นรบกวนช่วงเวลาที่อบอุ่นของพวกเขาสองคน ดังนั้นตอนนี้ระหว่างทานอาหาร จึงสั่งให้ทุกคนออกไป
ดังนั้นตอนนี้ เขาจึงทำหน้าที่บิดา ดูแลเด็กน้อยคนโตและคนเล็กของเขาอย่างดี
สำหรับการเอาใจใส่ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาย่อมชื่นชอบอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงทานอย่างเอร็ดอร่อยเป็นพิเศษ มุมปากก็เต็มไปด้วยคราบน้ำมัน ทำให้ปากเล็กเธอยิ่งดูชุ่มชื้นแดงสดสะดุดตา
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่ปอกเปลือกกุ้งเปรี้ยวหวานให้เล่อเหยาเหยาอยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้น ดวงตาเย็นชาอดเป็นประกายครู่หนึ่งไม่ได้ ก่อนแววตาพลันปรากฎไฟปรารถนาขึ้นมา
ทว่าเล่อเหยาเหยาที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับอาหารตรงหน้า ไม่รับรู้ถึงเรื่องนี้
สุดท้ายขณะเหลิ่งจวิ้นอวี๋นำเนื้อกุ้งที่ปอกเปลือกในมือส่งไปที่ริมฝีปากของเธอ เล่อเหยาเหยาย่อมอ้าปากกัดหนึ่งคำ ก่อนจะกลืนลงไป ผู้ใดจะรู้ ทันใดนั้น เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงคางถูกนิ้วยกขึ้น ก่อนจุมพิตร้อนแรงจะพลันประกบลงมาบนริมฝีปากเธอ ลิ้นยาวยื่นออกมานำเนื้อกุ้งในปากเธอกลับไป
“อืม กุ้งนี้เนื้อหวานยิ่งจริงๆ!”
“เอ่อ”
ตรงข้ามกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่ทานอย่างมีความสุข ดื่มด่ำกับรสอาหาร เล่อเหยาเหยากลับรู้สึกสมองพลันเกิดเสียง ‘ตูม’ ขึ้น พลันมีไอร้อนทะลักออกมาจากในใจพุ่งขึ้นสู่เหนือศีรษะ จนเหนือศีรษะแทบมีควันลอยล่องออกมา