สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 175.3 กลับไปแต่งกายเป็นสตรี (3)
สำหรับจุมพิตอย่างกะทันหันของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ทำให้เล่อเหยาเหยาเขินอายไม่หยุด เพราะเธอไม่ลืมว่าตอนนี้พวกเธอ อยู่ท่ามกลางผู้คน
ทว่าเล่อเหยาเหยาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ได้เช่นไร!
ไม่นานก็ถูกเหลิ่งจวิ้นอวี๋จุมพิตจนหน้ามืดตาลาย ลืมเลือนว่าวันนี้คือวันใด
กระทั่งผ่านไปนาน เหลิ่งจวิ้นอวี๋เริ่มหายใจหอบค่อยๆ เริ่มปล่อยตัวคนตัวเล็กในอ้อมกอดที่ใกล้จะขาดอากาศหายใจ
เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาถูกตนจุมพิตจนสองแก้มแดงก่ำ ดั่งลูกท้อเพิ่งสุกงอม ในใจเหลิ่งจวิ้นอวี๋อดอ่อนละมุนชั่วขณะไม่ได้
สุดท้ายยังยื่นลิ้นเลียน้ำผึ้งที่ติดอยู่ตรงมุมปากอย่างเสียดาย ท่าทางนั้นกระตุ้นอารมณ์ยิ่งนัก ทำให้เล่อเหยาเหยาที่มองเห็นเขินอายจนแทบมุดลงใต้ดิน
และเมื่อมองบ่าวไพร่รอบด้าน
เห็นเพียงเหล่าองครักษ์ที่อยู่ไกลออกไปเหล่านั้นต่างเห็นภาพเมื่อครู่อย่างชัดเจน เวลานี้กลับทอดสายตาออกไปไกล แสดงท่าทางว่าพวกตนไม่เห็นสิ่งใดออกมา
ส่วนเซี่ยลี่และเซี่ยผิงด้านหลัง ตกใจกับภาพอันกล้าหาญของเหลิ่งจวิ้นอวี๋จนหน้าแดงหัวใจเต้น เขินอายไม่หยุด
ตอนนี้เห็นเล่อเหยาเหยาหันกลับมามองพวกเธออย่างเขินอาย พวกเธอสองพี่น้องพลันมองออกไปไกลราวกับชมนกชมไม้
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาเขินอายจนอยากตายไปจริงๆ
สวรรค์!
น่าอับอายยิ่งนัก วันหน้าเธอจะออกไปพบผู้คนได้เช่นไร!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอดถลึงตามองตัวการตรงหน้าแวบหนึ่งไม่ได้
คิดไม่ถึง ตัวการนี้กลับยังคงหัวเราะเยาะเย้ย ทำให้เล่อเหยาเหยาโมโหจนกัดฟันกรอด
“ท่านยังกล้าหัวเราะอีกหรือ ข้าต้องอับอายก็เพราะท่าน!”
“มีสิ่งใดให้น่าอายกัน เจ้าคือผู้หญิงของเปิ่นหวาง เปิ่นหวางรักเจ้าจึงเป็นเรื่องที่สมควร” เหลิ่งจวิ้นอวี๋เอ่ยอย่างสมเหตุสมผล เล่อเหยาเหยาเขินจนแก้มแดง กลับเอ่ยอย่างโมโหกลบเกลื่อนความอายว่า
“เช่นนั้นท่านก็ไม่ควรทำเรื่องเช่นนี้ต่อหน้าผู้คน เช่นนี้…”
“ได้ ครั้งหน้าเปิ่นหวางจะหาสถานที่ไร้ผู้คนจุมพิตเจ้า เช่นนั้นจะไม่มีผู้ใดรบกวนเราสองคนแล้ว”
ขณะเอ่ยชายหนุ่มตั้งใจเข้าชิดใบหูของเล่อเหยาเหยา น้ำเสียงแหบพร่า ราวแฝงด้วยความอบอุ่น ทำให้เล่อเหยาเหยาส่งเสียงพรวดออกมา ก่อนรู้สึกเพียงไอร้อนพุ่งจากหัวใจสู่ศีรษะ ใบหน้าเรียวร้อนผ่าว
แม้ไม่ส่องกระจกเล่อเหยาเหยาก็รู้ว่า ใบหน้าตนเวลานี้ต้องแดงดุจนักแสดงงิ้ว
และตอนนี้เธอจึงรู้ในใจ
สิ่งใดเรียกภายนอกดูขี้อาย แต่ข้างในกลับร้อนแรง
ชายหนุ่มตรงหน้านี้แสดงมันออกมาจนหมด
ก่อนหน้านี้เห็นเขามักระแวดระวังตัวอยู่ตลอด ใบหน้าเย็นชาดุจผนึกน้ำแข็งหมื่นปี ไม่ชอบพูดจา
ตอนนี้เหตุใดจึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคน!
เขาอันธพาลเช่นนี้ ช่างน่าไม่อายเสียจริง แม้ในใจเธอจะชื่นชอบเขาที่เป็นเช่นนี้
แม้จะเป็นเช่นนี้ เล่อเหยาเหยากลับส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา ก่อนไม่สนใจชายหนุ่มที่ยิ้มเย้าแหย่ผู้นี้ เดินตรงไปด้านหน้า
มิฉะนั้นเธอไม่กล้ารับรองว่า ชายหนุ่มผู้นี้จะทำเรื่องน่าตกใจแปลกประหลาดใดขึ้นมาอีกหรือไม่
ความรักก็ทำให้คนไร้เหตุผล!
…
เมื่อไม่ได้นั่งรถม้า เพราะวังรุ่ยอ๋องตั้งอยู่บนทำเลที่ดีที่สุดในเมืองหลวง เมื่อออกจากประตูเพียงเสี้ยวหนึ่งช่วงถนน จะเป็นถนนใหญ่ของเมืองหลวง
ก่อนหน้านี้เล่อเหยาเหยาไม่เคยมีความรัก แต่ก็เห็นขณะที่เหล่าเพื่อนพี่น้องข้างกายมีความรัก ต่างเดินเที่ยวซื้อของกับชายคนรัก หรือดูภาพยนตร์ในโรงหนัง
ที่นี่ไม่มีโรงหนัง เล่อเหยาเหยาเพียงพาเหลิ่งจวิ้นอวี๋มาเดินเล่นที่ถนนใหญ่ ดื่มด่ำกับการออกเดทในยุคปัจจุบัน
โชคดีสมัยเทียนหยวนแม้จะแบ่งแยกชนชั้นสูงต่ำ แต่ความคิดค่อนข้างเปิดกว้าง
เมื่อเดินบนถนนใหญ่ สามารถเห็นคู่ชายหญิงเดินอยู่มากมาย
วันนี้อากาศไม่เลวและลมพัดเอื่อย มีเมฆหนาบดบังความร้อนระอุของแสงอาทิตย์เอาไว้ ดูแล้วอีกไม่กี่วันฝนอาจตกลงมาเป็นแน่
เพราะอากาศไม่ร้อน ดังนั้นผู้คนจึงออกมาเดินเล่นบนถนนค่อนข้างมาก
บนถนนใหญ่มีร้านค้าตั้งเรียงราย ทั้งขายผ้าแพรไหม วัตถุโบราณ ยา เครื่องประทินโฉมต่างๆ
สองฝั่งถนนใหญ่มีแผงลอยของผู้ขายรายย่อยไม่น้อยที่ขายจำพวกของเล่น
เล่อเหยาเหยาไม่ได้มาเดินเล่นบนถนนครั้งแรก ทว่ากลับไม่เคยเดินเล่นกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงสองคนเช่นนี้
ไม่มีองครักษ์ขันทีล้อมรอบ มีเพียงพวกเขาสองคน จับกุมมือกันราวกับคู่รักธรรมดาคู่หนึ่ง
เพราะเล่อเหยาเหยาและเหลิ่งจวิ้นอวี๋รูปลักษณ์โดดเด่น แต่งกายไม่ธรรมดา ดังนั้นเมื่อเดินบนถนน ทุกคนจึงต่างเหลียวมอง
สายตาตกตะลึง อิจฉา ริษยานั้น ช่างร้อนแรงเช่นนี้
แต่เล่อเหยาเหยาไม่สนใจว่าผู้อื่นจะมองเช่นไร เพียงถูกเหลิ่งจวิ้นอวี๋กุมมือเล็ก เดินบนถนนอย่างอิ่มอกอิ่มใจ
หากเห็นของเล่นน่าสนใจ เล่อเหยาเหยาจะหยุดเมียงมอง
ส่วนเหลิ่งจวิ้นอวี๋จะเอ่ยถาม
“ชอบหรือไม่”
“ข้าเพียงดูเท่านั้น”
เล่อเหยาเหยากล่าวยิ้มแย้ม จากนั้นเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่เอ่ยถามอีก ดวงตาเย็นชาเพียงหยุดอยู่บนของเล่นนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะซื้อมันกลับมา
สุดท้ายเล่อเหยาเหยาและเหลิ่งจวิ้นอวี๋เดินเล่นตลอดทั้งบ่ายจนเหนื่อยล้า
แน่นอน เล่อเหยาเหยากำลังตั้งครรภ์ เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงไม่ให้เธอถือสิ่งของ
และนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาออกจากวังมาโดยไม่มีบ่าวไพร่ติดตาม ดังนั้นเหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงต้องรับบทหนักเป็นครั้งแรกในชีวิต เพื่อถือสิ่งของให้แก่เล่อเหยาเหยา
ส่วนเล่อเหยาเหยาเห็นลูกผู้ชายที่สง่างาม หล่อเหลาไม่ธรรมดา แต่งกายไม่ธรรมดาเช่นเขา ในมือซ้ายกลับมีสิ่งของมากมาย ส่วนมือขวากุมมือเธอ เมื่อเดินผ่านถนนที่มีผู้คนสัญจรไปมา อดน่าขบขันไม่ได้
เสียงหัวเราะดุจระฆังเงินนั้น ดังขึ้นไม่ขาดสาย ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋เก้อเขิน ดวงตาเย็นชาที่มองเธอดูอ่อนโยนแฝงด้วยความรัก
และทันใดนั้นรอบกายก็มีคำพูดอิจฉาริษยาดังขึ้น
“ตาแก่เจ้าดูนั่นสิ คุณชายผู้นี้ดีกับคุณหนูนั้นเพียงใด ยังช่วยถือของอย่างใส่ใจอีก”
“ฮึ ข้าไม่ดีกับเจ้าหรือ ปีนั้นข้ายังต้องแบกเจ้ากลับเรือน”
“ตาแก่นี้ หน้าไม่อายเสียจริง”
นี่คือบทสนทนาของสามีภรรยาที่มีอายุกว่าแปดสิบปีคู่หนึ่ง
หลังได้ยินบทสนทนาของสามีภรรยาเฒ่าคู่นี้ เล่อเหยาเหยายิ้มแย้ม แววตาดูอิจฉาหลายส่วน
“อวี๋ ความรักของท่านตาท่านยายคู่นี้ช่างดีเสียจริง ข้าหวังว่าพวกเราจะเป็นเช่นพวกท่าน” กุมมือท่าน อยู่เคียงข้างกันไปจนแก่เฒ่า!
เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา รู้ถึงความหมายในคำพูดของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับแสร้งเลิกคิ้ว กระซิบให้คำสัญญาข้างหูเล่อเหยาเหยาว่า
“ได้ เช่นนั้นต่อไปเปิ่นหวางจะแบกเจ้ากลับเรือน”
“ท่าน!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ รู้ว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋ตั้งใจเย้าแหย่ตน เล่อเหยาเหยาจึงโมโหจนใบหน้าจิ้มลิ้มแดงก่ำ ยิ้มอย่างลำบากใจ
สุดท้ายเมื่อเดินตลอดทั้งบ่าย เล่อเหยาเหยาและเหลิ่งจวิ้นอวี๋มาทานอาหารที่โรงเตี๊ยมหลูอวี้ ทานอาหารเลิศรส มองผู้คนขวักไขว่ด้านนอก วิถีชีวิตของผู้คน ก่อนรู้สึกว่าความจริงวันแห่งความสุข มีเพียงเท่านี้
ผ่านไปอย่างเรียบง่าย เช่นนี้ดีที่สุด!
เสียงฟ้าร้อง ‘เปรี้ยง’ พลันดังสนั่นหวั่นไหวมาจากบนฟ้า ทำให้เล่อเหยาเหยาที่กำลังจมดิ่งอยู่ในความสุขพลันได้สติ
ไม่รู้เหตุใด ในใจพลันเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ราวกับมีเรื่องบางอย่างจะเกิดขึ้น ทำให้ใบหน้าจิ้มลิ้มของเล่อเหยาเหยาพลันซีดขาวไปชั่วขณะ
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่นั่งอยู่ข้างกายเห็นเล่อเหยาเหยาใบหน้าซีดขาวดุจกระดาษ ดวงตาเบิกกว้าง ใบหน้าหล่อเหลาพลันยับยู่ คิดว่าเล่อเหยาเหยาตกใจเสียงฟ้าร้อง จึงรีบโอบกอดเล่อเหยาเหยา มือใหญ่ตบที่ไหล่เธอเบาๆ ก่อนเอ่ยปลอบใจว่า
“ไม่ต้องกลัว เพียงฟ้าร้องเท่านั้น มีเปิ่นหวางอยู่ ไม่ต้องกลัว”
เมื่อได้ยินเสียงอ่อนโยนดังขึ้นข้างใบหู เล่อเหยาเหยาจึงค่อยๆ ข่มความไม่สบายในใจไว้
ดวงตาคู่งามมองไปยังท้องฟ้าจากชั้นสองของโรงเตี๊ยมหลูอวี้
เห็นเพียงตอนกลางวันยังแสงแดดเจิดจ้า และสายลมพัดเอื่อย ทว่าเพียงไม่นานบนท้องฟ้าปกคลุมด้วยเมฆ กลุ่มเมฆลึกลับหนาแน่นลอยอยู่กลางอากาศ ราวกับน้ำวนดำมืดและปีศาจร้ายที่มีปากกว้างใหญ่ มองแล้วทำให้คนเกิดความหวาดกลัว และรู้สึกไม่สบายใจ
เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น อดดึงปกเสื้อ เม้มริมฝีปากแดงไร้สีสันแน่น หัวใจเต้นแรงเพราะเสียงฟ้าร้องเมื่อครู่
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นเช่นนั้น แววตาเปี่ยมไปด้วยความกังวล ก่อนเอ่ยว่า
“หรือตอนนี้ จะให้เปิ่นหวางพาเจ้าไปให้ไป๋ดูอาการดีหืม”
เมื่อเห็นสีหน้าไม่ดีของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋เอ่ยขึ้นอย่างกังวล