สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 175.4 กลับไปแต่งกายเป็นสตรี (4)
เล่อเหยาเหยาได้ยินจึงได้สติ ก่อนเห็นใบหน้ากังวลใจของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ จึงรู้ว่าชายหนุ่มกำลังกังวลใจเกี่ยวกับตน พลันเอ่ยพร้อมส่ายหน้าว่า
“เหตุใดต้องยุ่งยากเช่นนั้น ข้าเพียงตกใจเสียงฟ้าร้องเท่านั้น”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยจบ เกรงเหลิ่งจวิ้นอวี๋จะเอ่ยขึ้นอีก จึงพลันเอ่ยขึ้นต่อว่า
“อวี๋ ข้าอยากกินของหวาน ท่านให้เสี่ยวเอ้อร์ยกของหวานหลังอาหารเข้ามาเถิด”
เวลานี้เล่อเหยาเหยาและเหลิ่งจวิ้นอวี๋มาถึงโรงเตี๊ยมหลูอวี้เป็นเวลานาน และทานอาหารแล้ว จึงคิดนั่งเล่นอยู่ที่โรงเตี๊ยมหลูอวี้ครู่หนึ่ง เพราะเพิ่งทานอาหารจบลง เล่อเหยาเหยาไม่อยากเคลื่อนไหว เพียงอยากมองภาพผู้คนเดินขวักไขว่บนถนนใหญ่จากหน้าต่างชั้นสอง
เพราะสถานที่นี้ เหมาะแก่การชมวิวทิวทัศน์เป็นที่สุด
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ได้ยิน เห็นเล่อเหยาเหยาไม่เป็นสิ่งใดมาก จึงแอบยิ้มว่าตนเป็นห่วงเธอมากเกินไปจริงๆ
หากเป็นก่อนหน้านี้ จะมีผู้ใดควรค่าแก่การได้รับความสนใจจากเขาเช่นนี้ คงมีเพียงคนตรงหน้าผู้นี้
ตอนนี้หลังได้ยินเล่อเหยาเหยาอยากกินของหวาน เหลิ่งจวิ้นอวี๋รีบให้เสี่ยวเอ้อร์ยกของหวานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของโรงเตี๊ยมหลูอวี้เข้ามา หากเล่อเหยาเหยาชื่นชอบ จะมอบรางวัลให้อย่างงาม
เสี่ยวเอ้อร์นั้นตาแหลมอย่างยิ่ง
เห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋และเล่อเหยาเหยาแต่งกายไม่ธรรมดา หน้าตาไม่ธรรมดา เหลิ่งจวิ้นอวี๋มีกลิ่นอายสูงส่ง มีอำนาจน่าเกรงขามอย่างปิดบังไว้ไม่ได้ ดังนั้นหลังจากทั้งสองคนมาถึงโรงเตี๊ยมหลูอวี้ คนภายในโรงเตี๊ยมต่างให้การต้อนรับพวกเขาเป็นอย่างดี
ดังนั้น เพียงไม่นานอาหารที่เหลือบนโต๊ะพลันถูกยกลงไป ก่อนเปลี่ยนเป็นกาน้ำชาดอกไม้และสุราเลิศรส พร้อมของหวานกว่าสิบชนิด
เห็นเพียงของหวานบนโต๊ะมากมาย และรสชาติแตกต่างกันไป
มีขนมดอกกุ้ยฮวา ขนมรากบัว ปอเปี๊ยะทอด เค้กข้าวเหนียวเป็นต้น
และยังมีพวกซุปสาลี่เห็ดหูหนูหวาน
รสชาติหลากหลาย ของว่างงดงาม ทำให้คนมองจนตาลาย น้ำลายไหล
แม้เมื่อครู่จะทานอาหารจนอิ่ม แต่ตอนนี้เมื่อเห็นของว่างมากมายบนโต๊ะ เล่อเหยาเหยารู้สึกความจริงกระเพาะของตน ยังสามารถกำจัดของว่างพวกนี้ได้
ไม่รู้เพราะตั้งครรภ์หรือไม่ ปริมาณการกินของตนนับวันยิ่งมากขึ้น
โชคดีที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋มีเงินสามารถเลี้ยงดูเธอได้ หากเป็นราษฎรทั่วไป เกรงว่าคงทานอย่างขาดแคลนเป็นแน่
เล่อเหยาเหยาคิดในใจ หลังของว่างพวกนั้นถูกลำเลียงวางลงบนโต๊ะ ก็ไม่เกรงใจพลันหยิบตะเกียบขึ้นมา กินอย่างเอร็ดอร่อยทันที
ส่วนเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่ทาน เพียงยกตะเกียบคีบของว่างบนโต๊ะให้แก่เล่อเหยาเหยา
ภาพชายหล่อหญิงงามนี้ ช่างเจริญตายิ่งนัก ทำให้ผู้คนมากมายบนชั้นสองของโรงเตี๊ยมหลูอวี้ต่างพากันมองมาด้วยสายตาอิจฉาริษยา
รวมทั้งความรักที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋มีต่อเล่อเหยาเหยาอย่างไม่ปิดบังนั้น แทบดึงดูดเสน่ห์ทั้งหมดที่มีบนชั้นนี้ไป
จึงมีเหล่าหญิงสาวที่กล้าหาญกระพริบส่งสายตาให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋บ่อยครั้ง
น่าเสียดายหัวใจทั้งดวงของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ล้วนมีเพียงเล่อเหยาเหยาอยู่ในนั้น แม้ผู้อื่นจะส่งสายตาเชื้อเชิญก็ไร้ประโยชน์
และเล่อเหยาเหยาย่อมไม่สนใจสายตาคนเหล่านั้น เพียงทานอาหารที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋ป้อนเธอเท่านั้น
เมื่อรู้ว่าเธออิ่มจึงหยุดมือลง
และขณะเดียวกันนั้น ด้านนอกมีเสียง ‘เปาะแปะ’ ดังขึ้น ทันใดนั้นฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก
เล่อเหยาเหยาก้มหน้ามองลงบนถนนใหญ่ เห็นเพียงแผงลอยบนถนนต่างเก็บร้านไปแล้ว เหลือเพียงกลุ่มคนที่รีบร้อนหาที่หลบฝนอย่างไม่ทันเวลา
เพียงพริบตาเดียว ถนนใหญ่ที่ผู้คนเดินขวักไขว่ แน่นขนัดไม่ขาดสาย เปลี่ยนไปเปล่าเปลี่ยวไร้ผู้คน
เมือมองท้องฟ้า พายุฝนครั้งนี้เกรงว่าคงไม่หยุดลงภายในช่วงเวลาสั้นๆ นี้เป็นแน่
ขณะเล่อเหยาเหยามองวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่าง พลันมีเสียงอ่อนละมุนคุ้นหูดังขึ้นข้างกายพวกเธอ
“บังเอิญจริงๆ อวี๋”
เมื่อได้ยินเสียงอ่อนละมุนนี้ เล่อเหยาเหยาพลันได้สติ ก่อนมองไปยังที่มาของเสียงพร้อมกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋
เมื่อเห็นรูปร่างผอมเพรียวสูงของตงฟางไป๋ยืนอยู่ตรงนั้น เล่อเหยาเหยาอดตาเป็นประกายไม่ได้ ใบหน้าปรากฎรอยยิ้มสดใสขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนกล่าวยิ้มๆ กับตงฟางไป๋ว่า
“พี่ไป๋ บังเอิญเสียจริง เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่”
เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา และเห็นรอยยิ้มสดใสของเธอ ตงฟางไป๋ตะลึงเล็กน้อยอย่างชัดเจน
อาจเพราะเมื่อครู่เขาเพิ่งรับรู้ถึงการอยู่เล่อเหยาเหยา
เพราะมองจากตำแหน่งที่เขาอยู่ เล่อเหยาเหยานั่งริมหน้าต่าง รูปร่างของเหลิ่งจวิ้นอวี๋สูงใหญ่แข็งแกร่ง นั่งอยู่ข้างกายเล่อเหยาเหยา จึงดุจยอดเขาสูงตระหง่านลูกหนึ่ง บดบังตัวของเล่อเหยาเหยาเอาไว้จนหมดสิ้น
และเวลานี้ เมื่อเล่อเหยาเหยาเอ่ยพูด สายตาของตงฟางไป๋ละผ่านจากเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไปยังเล่อเหยาเหยา เมื่อเห็นการแต่งกายในวันนี้ของเล่อเหยาเหยา ร่างกายพลันแข็งทื่อ ใบหน้าก็พลันตะลึง ดวงตาดำขลับอ่อนโยนแคบยาวคู่นั้น ปรากฎความตกตะลึงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
สายตาตกตะลึงนั้น ตกอยู่บนตัวเล่อเหยาเหยาชั่วขณะอย่างไม่กระพริบตา็น็้้าท ็ฯฑโฯฑฌ
สำหรับสายตาของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาเพียงยิ้มแย้มมองกลับไป
แต่บางคนกลับหึงหวง
และคนผู้นั้นก็คือเหลิ่งจวิ้นอวี๋!
เมื่อเห็นแววตาและสีหน้าตกตะลึงของตงฟางไป๋ เหลิ่งจวิ้นอวี๋พลันหมุนกายกว้างหนาของตน บดบังเล่อเหยาเหยาเอาไว้
เพราะคนผู้นี้ ความงดงามของเธอ ความดีของเธอ ตอนนี้เป็นของเขาเพียงผู้เดียว ชายอื่นมิอาจแย่งชิง แม้จะเป็นพี่น้องที่ดีที่สุดของตนก็ตาม!
“ไป๋ เมื่อมาแล้ว นั่งด้วยกันเถิด”
น้ำเสียงเหลิ่งจวิ้นอวี๋สูงกว่าปกติหนึ่งส่วน จนทำให้ตงฟางไป๋ได้สติกลับมาจากความตกตะลึง
เมื่อเห็นใบหน้าเคร่งขรึมหล่อเหลาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ และสัญชาตญานความหึงหวง ตงฟางไป๋รับรู้ว่าเมื่อครู่ตนเสียมารยาท
รีบใช้มือปิดจมูกก่อนไอออกมา กลบเกลื่อนท่าทีเสียมารยาทเมื่อครู่
ทว่าไม่นาน ตงฟางไป๋กลับมาอ่อนโยนเช่นเดิม ยิ้มมุมปาก ใช้มือรวบชายเสื้อ นั่งลงตรงข้ามเหลิ่งจวิ้นอวี๋ กล่าวยิ้มๆ ว่า
“เมื่อครู่เห็นฝนตก จึงคิดเข้ามาหลบฝน คิดไม่ถึงจะบังเอิญพบพวกท่านเข้า”
“ฮ่า ๆ ใช่เจ้าค่ะ บังเอิญเสียจริง พี่ไป๋ ท่านทานสิ่งใดมาหรือยัง ทานของว่างรองท้องก่อนเถิด”
เมื่อได้ยินคำพูดของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยารีบยิ้มพร้อมเอ่ยขึ้น
เพราะตงฟางไป๋ในใจเธอ คือพี่ชายที่แสนดีผู้หนึ่ง ดังนั้นเมื่อเห็นตงฟางไป๋ปรากฎตัว เล่อเหยาเหยาจึงย่อมดีใจ
ทว่าเธอกลับไม่รู้ตัว รอยยิ้มที่ตนมอบให้ตงฟางไป๋นั้น ทำให้ในใจของบางคนรู้สึกหึงหวง
แม้เล่อเหยาเหยาจะเอ่ยกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ว่าตงฟางไป๋เป็นเพียงพี่ชาย เขาต่างหากที่เป็นชายที่เธอรักที่สุด แต่ผู้ชาย ย่อมไม่ชอบให้หญิงที่ตนรักยิ้มให้กับชายอื่น
รวมทั้งตงฟางไป๋มีใจให้กับเล่อเหยาเหยา เกรงว่าตอนนี้คงมีเพียงเล่อเหยาเหยาที่โง่เขลาเท่านั้นที่ไม่รู้
ดังนั้น เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยายิ้มให้กับตงฟางไป๋อย่างใจกว้าง สีหน้าของเหลิ่งจวิ้นอวี๋อดเคร่งขรึมลงไม่ได้ ดวงตาเย็นชาเป็นประกายชั่วครู่
ทันใดนั้น จึงยืดแขนรวบตัวเล่อเหยาเหยาเข้ามากอดทันที
สำหรับการกระทำที่กะทันหันของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เห็นชัดว่าทำให้เล่อเหยาเหยาตกใจอย่างหนัก
“อวี๋ ท่านทำอะไร ตอนนี้ผู้คนมากมาย รีบปล่อยมือจากข้า”
เมื่อถูกเหลิ่งจวิ้นอวี๋กอดแน่นท่ามกลางผู้คน เล่อเหยาเหยารู้สึกอึดอัด โดยเฉพาะตอนนี้ตงฟางไป๋ยังนั่งอยู่ตรงหน้าพวกเขา ช่างน่าละอายใจเสียจริง!
แต่สำหรับคำพูดของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่เพียงไม่ยอมปล่อยมือแม้แต่นิดเดียว กลับยังกอดแน่นขึ้นอีกหนึ่งส่วน คำพูดที่เอ่ยออกมาเต็มไปด้วยความหึงหวงและดุดัน
“เจ้าเป็นผู้หญิงของเปิ่นหวาง ตอนนี้ยังตั้งครรภ์ เหตุใดข้าจึงกอดเจ้าไม่ได้”
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ตั้งใจเอ่ยคำพูดนี้ออกมาแน่นอน เพราะเสียงนั้นดังกังวาน ไม่เพียงตงฟางไป๋ที่อยู่ตรงข้ามได้ยิน กระทั่งคนที่นั่งอยู่ในโรงเตี๊ยมหลูอวี้ต่างได้ยิน ก่อนเมียงมองมาทางนี้อย่างใคร่รู้
เล่อเหยาเหยาเห็น รู้สึกเพียงสมองเกิดเสียง ‘ตูม’ ดังขึ้น ก่อนระเบิดจนแหลกเหลว
ใบหน้าจิ้มลิ้มแดงก่ำดุจก้นลิง
หากเป็นไปได้ เธออยากหายตัวไปทันทีจริงๆ
สวรรค์! น่าอับอายเสียจริง
ท่ามกลางผู้คนมากมาย ชายผู้นี้กลับพูดเสียงดังว่าเธอคือผู้หญิงของเขา กระทั่งเรื่องตั้งครรภ์เอ่ยพูดออกไป หรือเขาไม่รู้สึกน่าอายแม้แต่นิดเดียว
หากเขาหน้าหนา แต่ใบหน้าเธอไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยารับรู้ถึงสายตาที่ร้อนแรงจากรอบด้าน ในใจทั้งโมโหและหงุดหงิด ทันใดนั้นจึงกระทืบเท้าชายหนุ่มข้างกายอย่างแรงทันที
ฮึ! ใครให้เขาเอ่ยออกไป จะเหยียบให้ตายเลย!
สำหรับการเขินอายจนโมโหของเล่อเหยาเหยา แม้เหลิ่งจวิ้นอวี๋จะรู้สึกปวดเท้า แต่ยังอดกลั้นเอาไว้
และความจริงคำพูดเมื่อครู่นี้ เขาตั้งใจพูดออกไป
เพราะเขาพูดความจริง เมื่อเธอคือผู้หญิงของเขา เขายังต้องเกรงกลัวผู้อื่นรับรู้เรื่องนี้ด้วยหรือ!
และเขาพูดเช่นนี้ เพื่อตั้งใจตักเตือนพี่น้องที่ดีตรงหน้า ภรรยาของสหาย มิอาจรังแกได้!
เหลิ่งจวิ้นอวี๋คิดในใจ ทว่ากลับไม่รู้ว่าท่าทางไร้เดียงสาเวลานี้ของตน ดุจชายหนุ่มที่กำลังหึงหวงจนหน้ามืด
สำหรับความคิดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ตงฟางไป๋ที่รู้จักกับเขามานานหลายปีย่อมเข้าใจเป็นอย่างดี
จึงยิ้มมุมปาก ทว่าในใจกลับขมขื่นสุดบรรยาย
“ยินดีกับพวกเจ้าด้วยนะ”
“ฮ่า ๆ ขอบคุณ ไป๋ งานอภิเษกของข้าและเหยาเหยา เจ้าต้องมาร่วมให้ได้นะ”
“อะไรนะ งานอภิเษกหรือ!”
สำหรับคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ตงฟางไป๋ที่กำลังยิ้มอย่างอ่อนโยนอดตะลึงงันชั่วขณะไม่ได้ แววตาปรากฎความเสียใจขึ้นมา ทันใดนั้นได้สติอย่างรวดเร็ว จึงเอ่ยขึ้นว่า
“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น ข้าไปแน่นอน”