สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 184.1 ภรรยา เจ้าร้ายกาจเสียจริง (1)
“ความจริงก็ไม่มีสิ่งใด ข้าเพียงแปลกใจเท่านั้น ฮ่า ๆ”
เล่อเหยาเหยาหัวเราะออกมา แต่สวรรค์รู้ดีว่ารอยยิ้มบนใบหน้าเธอหลอกลวงมากเพียงใด และไม่รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้จะพบพิรุธหรือไม่
ดังนั้นเล่อเหยาเหยาขณะหัวเราะเฮฮา สายตาไม่ละไปจากใบหน้าของชายหนุ่มแม้แต่นิดเดียว
เห็นดวงตาแฝงความสงสัยของชายหนุ่ม หลังได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ใบหน้าตะลึงงันเล็กน้อย พลันยิ้มมุมปากงามล่มเมืองออกมา เอ่ยขึ้นว่า
“ที่แท้แป็นเช่นนี้ เช่นนั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปดูเส้นทางลับนั้น”
“จริงหรือ”
เมื่อได้ฟังคำพูดของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาแอบดีใจ ใบหน้าพลันปรากฎรอยยิ้มเบิกบานใจออกมา ราวกับพบทองคำเข้า
ซือมู่หานเห็นเช่นนั้น แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน กล่าวยิ้มๆ ว่า
“ย่อมจริงอยู่แล้ว ข้าไม่โกหกเจ้าหรอก”
เอ่ยจบ ซือมู่หานยื่นมือเพื่อกุมมือเล่อเหยาเหยาอีกครั้ง
เพราะครั้งนี้ เล่อเหยาเหยากำลังตกอยู่ในภวังค์ความดีใจ คิดว่าหากรู้ว่าเส้นทางอยู่ที่ใด จะเป็นประโยชน์ต่อแผนการหลบหนีของเธออย่างมาก ดังนั้นจึงไม่รับรู้ถึงความตั้งใจของซือมู่หาน
หลังได้สติ มือเล็กของเธอถูกมือเรียวอบอุ่นข้างหนึ่งจับกุมเอาไว้แน่น
ความจริงเล่อเหยาเหยาคิดชักมือเล็กกลับมา
ทว่าเมื่อเห็นดวงตาหงส์เปี่ยมด้วยความรอคอย ขอร้อง เธอจึงตัดใจทำไม่ได้
เมื่อคิดว่าชายหนุ่มผู้นี้ความจริงคือคนที่น่าสงสาร กลับกันไม่นานเธอต้องไปจากที่นี่ ตอนนี้ก็ทำตามความต้องการของเขาก็แล้วกัน!
หลังคิดเรื่องนี้ได้ เล่อเหยาเหยาไม่ดิ้นรนอีก ก่อนจะปล่อยให้ชายหนุ่มเดินกุมมือเธอเดินไปข้างหน้า
เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาไม่ดิ้นรนอีก และยังปล่อยให้เขากุมมือ ดวงตาหงส์คู่งามของชายหนุ่มอดเป็นประกายไม่ได้ มุมปากค่อยๆ ปรากฎรอยยิ้ม
รอยยิ้มดีใจมีความสุขนั้น ช่างงดงามจนบดบังพระอาทิตย์จริงๆ
และภายในแววตาของเขาดูอิ่มอกอิ่มใจ ไร้ความโหดเหี้ยม แวววาวสดใส
รวมทั้งรอยยิ้มตรงมุมปากนั้น เผยความงดงามล่มเมืองออกมาอย่างหมดจด
ชายหนุ่มที่สะอาดบริสุทธ์เช่นนี้ กลับเป็นปีศาจที่สังหารคนโดยไม่กระพริบตา ช่างทำให้คนรู้สึกเสียดายจริงๆ
ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ สายตาอดมองมือใหญ่ที่กุมมือเล็กของตนไม่ได้
มือใหญ่คู่งามนี้ ขาวผ่องดุจหิมะ เนียนนุ่มเกลี้ยงเกลา สิบนิ้วเรียวยาวดุจลำไผ่ เล็บด้านบนที่ไว้ยาวนั้น ด้านบนแวววาวชุ่มชื้น มองแล้วเย้ายวนใจยิ่งนัก
ดุจงานศิลปะที่ถูกวางอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์ ช่างสวยงามเสียจริง!
ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อเห็นมือใหญ่ที่งดงามเกินจริงนี้ เล่อเหยาเหยาอดนึกถึงมือใหญ่แข็งแกร่งเรียวยาวคู่นั้นไม่ได้
หลายวันก่อนยังมีชายผู้หนึ่งจูงมือเล็กของเธอแน่นเช่นนี้ ทำให้ในใจเธอเต็มไปด้วยความปลอดภัยและความสุข
เดิมทีคิดว่าชั่วชีวิตนี้ของเธอจะใช้ชีวิตอีกครึ่งที่เหลืออย่างเรียบง่าย มีความสุขกับคนที่จับมือเล็กของตนนั้น
แต่เวลานี้กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา
ไม่รู้ชั่วชีวิตนี้ เธอจะได้พบหน้าชายหนุ่มที่เคยกุมมือผู้นั้นหรือไม่ และไม่รู้ชายหนุ่มผู้นั้นตอนนี้จะเป็นเช่นไร
พอคิดถึงตรงนี้ ในใจเล่อเหยาเหยาราวถูกคนใช้มือล้วงเข้าไปอย่างแรง จนเจ็บปวด
อวี๋ ข้าคิดถึงท่านเสียจริง
…
เมื่อให้ซือมู่หานกุมมือเดินไปข้างหน้า แม้เส้นทางจะคดเคี้ยว แต่เล่อเหยาเหยายังจดจำเส้นทางนี้อย่างตั้งใจ เพื่อวันหน้าเมื่อหลบหนีจะได้ไม่หลงทาง
สุดท้ายหลังจากพวกเขาเดินมาได้ประมาณครึ่งชั่วยาม ก็หยุดลงที่ภายในลานแห่งหนึ่ง
เห็นเพียงลานนี้ มีเพียงเรือนกระเบื้องเรียบง่ายหลังหนึ่ง ด้านนอก นอกจากโต๊ะหินและเก้าอี้หินหลายตัวไม่มีสิ่งของอื่น
เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น อดกระพริบดวงตาคู่งามครู่หนึ่ง ก่อนหันไปมองซือมู่หานด้วยสีหน้าสงสัยไม่ได้
“ที่นี่หรือ”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยถาม
“อืม”
สำหรับคำพูดของเล่อเหยาเหยา ซือมู่หานเพียงพยักหน้า ก่อนดึงมือเล่อเหยาเหยาเข้าไปในเรือนกระเบื้องนั้น
เมื่อซือมู่หานผลักประตูไม้ลายสลักบานนั้นออก ดวงตาคู่งามของเล่อเหยาเหยาพลันสำรวจรอบด้านทันที
เห็นเพียงภายในเรือนกระเบื้องนี้เป็นห้องธรรมดามากห้องหนึ่ง คล้ายกับบ้านเรือนทั่วไปของชาวบ้าน
ภายในมีเพียงโต๊ะไม้หนึ่งตัวและเก้าอี้หลายตัว ด้านบนปูด้วยผ้าอย่างเป็นระเบียบ
ส่วนอีกด้านของห้อง คือของใช้ที่เงียบง่าย
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาอดสงสัยมากขึ้นไม่ได้
“เส้นทางลับอยู่ที่ใด”
ที่นี่ความจริงคือห้องพักของผู้อื่น จะเป็นเส้นทางลับได้เช่นไร!
เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ซือมู่หานกลับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พลันดึงมือเล็กของเล่อเหยาเหยาเดินไปยังกำแพงด้านหน้า จากนั้นยื่นมือหมุนตะเกียงน้ำมันบนผนังไปด้านซ้าย
เมื่อตะเกียงน้ำนั้นเปลี่ยนทิศทาง เล่อเหยาเหยาได้ยินเพียงเสียง ‘ครืดๆ’ ดังขึ้น ทันใดนั้นเธอรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนด้านล่างขึ้นมา
“อา!”
เมื่อเห็นพื้นที่ว่างเปล่าตรงกำแพงพลันเปิดแยกออก ก่อนเผยขั้นบันไดหินออกมา ดวงตาคู่งามของเล่อเหยาเหยาอดเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตาไม่ได้
“อา ที่แท้นี้คือเส้นทางลับ!”
แม้จะไม่ได้เดินลงไป แต่มองจากด้านบนจะเห็นเพียงแสงสว่างไสวลอดออกมา จากความเข้าใจของเล่อเหยาเหยา นั่นต้องเป็นแสงของไข่มุกราตรีแน่นอน
เพราะภายในห้องของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ก็แขวนไข่มุกราตรี เพื่อให้แสงสว่างยามกลางคืนเช่นกัน
ขณะเล่อเหยาเหยาสำรวจเส้นทางลับนี้ ซือมู่หานที่อยู่ข้างกายเอ่ยขึ้นว่า
“นี่คือเส้นทางลับลงไปยังกึ่งกลางเขา สามารถหลบเลี่ยงพวกสัตว์ร้ายนั้นได้เป็นอย่างดี”
“โอ้ ที่แท้เป็นเช่นนี้”
เมื่อได้ยิน เล่อเหยาเหยาแอบจดจำเรื่องพวกนี้ไว้
ก่อนซือมู่หานที่กุมมือเล็กของเธอด้านข้าง คล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงเอ่ยต่อว่า
“รออีกสักระยะ ให้ร่างกายเจ้าแข็งแรง ข้าจะพาเจ้าลงเขาไปเดินเล่น ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่บนเขาจนรู้สึกอุดอู้แล้ว”
“พาข้าออกไปเดินเล่น จริงหรือ เช่นนั้นพวกเราจะลงเขากันเมื่อใด”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ของซือมู่หาน เล่อเหยาเหยาพลันตื่นเต้น
เพราะหากซือมู่หานพาเธอลงเขาด้วยตนเอง เธอก็ไม่ต้องแอบหลบหนีแล้ว นี่ช่างเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ
แต่หลังประโยคถัดมาของซือมู่หาน เล่อเหยาเหยาแทบกระอักเลือดออกมา
“รอให้ลูกของพวกเราคลอดออกมาแล้ว ข้าจะพาพวกเจ้าลงเขาดีหรือไม่”
เมื่อได้ยินคำพูดของซือมู่หาน เล่อเหยาเหยายิ้มมุมปาก
“ตอนนี้ข้าร่างกายแข็งแรงดี อีกไม่กี่วันพวกเราลงเขากันเถิด”
เล่อเหยาเหยาเสนอความเห็น แต่ซือมู่หานกลับส่ายหน้า ก่อนขมวดคิ้วมุ่นเอ่ยอย่างกังวลว่า
“ไม่ได้ เจ้าเพิ่งฟื้นขึ้นมา ร่างกายยังอ่อนแอ หากอีกไม่กี่วันลงเขา ร่างกายต้องรับไม่ไหวแน่นอน”
ซือมู่หานมั่นใจว่าเธอคือภรรยาที่เสียชีวิตไปกว่าสามเดือนแล้วฟื้นคืนชีพกลับมาของเขา ดังนั้นจึงพลันปฏิเสธความต้องการของเล่อเหยาเหยาทันที
หลังเล่อเหยาเหยาได้ยินรู้สึกร้อนใจ
เพราะด้วยความสามารถของเธอ การหนีไปจากที่นี่เพียงลำพัง มิอาจสู้ให้เขาพาเธอลงเขา หลังจากนั้นเธอจะหลอกให้เขาพาไปเดินเล่นที่เมืองหลวง เมื่อถึงเวลานั้นเธอจะแอบกลับวังรุ่ยอ๋อง เพียงกลับถึงวังรุ่ยอ๋อง กลับไปอยู่ข้างกายอวี๋ เธอไม่หวาดกลัวสิ่งใด
ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ บนใบหน้าเผยท่าทางน่าสงสารออกมามองไปยังซือมู่หาน สุดท้ายกระทั่งอุบายออดอ้อนต่างใช้ออกมา
“อวี๋ ท่านพาข้าลงเขาเถิดนะ ดีหรือไม่”
เดิมทีคิดว่าเพียงเธอออดอ้อน ด้วยความรักที่ซือมู่หานมีต่อภรรยาต้องตกลงแน่นอน ผู้ใดจะรู้หลังเธอเอ่ยประโยคนี้จบ กลับเห็นซือมู่หานมีสีหน้าตะลึงงัน ทันใดนั้นเผยความเสียใจออกมา ก่อนเอ่ยว่า
“ซินเอ๋อร์ ข้าคือสามีของเจ้า!”
“เอ่อ”
เมื่อได้ยินคำพูดของซือมู่หาน เล่อเหยาเหยาตกใจในใจ ก่อนมองท่าทางเคียดแค้นชิงชังของซือมู่หาน จึงอดแอบกัดลิ้นไม่ได้
พูดโดยไม่คิด กระทั่งยังเรียกชื่อเขาผิด เขาจึงย่อมเสียใจ
แต่หากเรียกเขาสามี แค่กๆ เธอยังไม่เคยเรียกอวี๋เช่นนี้เลย แม้จะเป็นเพียงชื่อแทนตัว แต่สำหรับเธอยังถือว่ามีความสำคัญ
ขณะเล่อเหยาเหยาลังเลในใจ ซือมู่หานที่อยู่ตรงข้ามกลับยิ่งมีสีหน้าเสียใจมากขึ้น
ดวงตาหงส์แคบยาวคู่งามนั้น ปรากฎความพร่ามัวขึ้นภายในอย่างรวดเร็ว น้ำตาแวววาวนั้น ไหลกลิ้งอยู่ภายในดวงตาเขาไม่หยุด ราวกับพร้อมจะไหลรินลงมาทุกเวลา
เมื่อรวมเข้ากับใบหน้างามล่มเมืองของเขานั้น ดูแล้วช่างเหมือนข้ารักเจ้าเสียจริง ทำให้คนที่มองแทบควักหัวใจออกมาปลอบใจ เพื่อให้เขาดีใจ
“ซินเอ๋อร์ หรือเพียงเจ้าเรียกข้าว่าสามี จะยากลำบากขนาดนั้น”
“เอ่อ คือว่า…”
สำหรับคำพูดของซือมู่หาน เล่อเหยาเหยารู้สึกอ้ำอึ้ง โดยเฉพาะเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลานั้น เธอรู้สึกเพียงกดดันอย่างหนัก จนหนังศีรษะชาวาบ
ทว่าสุดท้ายจึงไม่ทำให้ชายหนุ่มเสียใจ เพราะหากทำให้เขาเสียใจ จนไม่พาเธอลงเขา นั่นถือว่าโชคร้ายแล้วจริงๆ
หลังพิจารณาไปหนึ่งรอบ เล่อเหยาเหยาแอบกัดลิ้นตน ก่อนเอ่ยปากขึ้นว่า